อวี้เฟยเยียนพูดจารุนแรงหนักหน่วงไม่น้อย ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนได้ยินถึงกับหน้าเข้ม
“พี่ยังอยู่ตรงนี้ เจ้าพูดเรื่องตายทำไมกัน!” ซย่าโหวฉิงเทียนไม่พูดเปล่าทั้งยังแบกอวี้เฟยเยียนใส่บ่าอีกด้วย
“เฮ่ ท่านจะทำอะไรนะ! ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้นะ!” อวี้เฟยเยียนแหววขึ้นมา
“เจ้ามิใช่รีบร้อนอยากจะเติบโตหรอกหรือ? ก่อนพี่จะไป พี่จะฝึกปรือให้กับเจ้า! ต่อไปหากเจ้าพ่ายเขาขึ้นมาจะได้ไม่ต้องมาร้องไห้คร่ำครวญเอากับพี่!” เมื่อได้ยินดังนั้น อวี้เฟยเยียนก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“พูดแบบนี้ ท่านตกลงให้ข้าอยู่ที่นี่แล้วใช่หรือไม่? เยี่ยมไปเลย! ซย่าโหวฉิงเทียน ข้ารักท่านที่สุด!”
ซย่าโหวฉิงเทียนพูดจริงทำจริง หลังจากวันนั้นเขาก็ฝึกปรือให้กับอวี้เฟยเยียนทุกวัน ในขณะเดียวกันก็ใช้เวลานี้คร่ำเคร่งฝึกฝนวิชาให้กับตนเองชนิดไม่กินไม่นอนทีเดียว
ในความคิดของซย่าโหวฉิงเทียน คำพูดของหลิวเซิ้งถูกต้อง และก็ผิดถนัด ในเวลาเดียวกัน
หากว่าเขาแข็งแกร่งเพียงพอที่สามารถทำให้ทุกคนยอมสยบอยู่แทบเท้าได้ อวี้เฟยเยียนก็จะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข นางจะไม่ต้องลำบาก
ดังนั้นพวกของซย่าโหวฉิงเทียนใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการฝึกฝนตัวเอง
หลิวอ้าวกว๋อเองก็เดินทางถึงเมืองเฮ่อในอีกห้าวันให้หลัง
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมดุดันของหลิวอ้าวกว๋อแล้ว หลิวเซิ้งก็แอบผิดหวังเล็กน้อย
ในความทรงจำวัยเยาว์ของเขา ชายชราผู้นี้ดีกับเขาเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อผลประโยชน์ต่างกัน จึงทำได้เพียงแค่ยืนอยู่คนละข้างเท่านั้น
ความสามารถของซย่าโหวฉิงเทียนได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าเขาจะต้องได้ครอบครองแผ่นดินนี้ และสกุลหลิวก็กลายเป็นขวากหนามที่ขวางกั้นอยู่บนเส้นทางความก้าวหน้าที่ซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องเดินผ่านเพื่อไปสู่ความสำเร็จ
ในเมื่อเป็นขวางหนาม เช่นนั้นก็ต้องกำจัด
สกุลสุ่ย สกุลหลิว…
ทีละคนๆ อย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิวเซิ้งก็เริ่มมีรอยยิ้มแห่งความยินดีประดับบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง
“ท่านปู่สาม ลำบากท่านแล้ว!” ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเองก็ทำตัวเป็นปกติทุกอย่าง อวี้เฟยเยียนยังฉีกยิ้มพร้อมกับหัวเราะเสียงหวาน
“ต้องรบกวนท่านเดินทางไปมาอีกครั้งแล้ว! หวังว่าพวกเราจะทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข!”
“ดี! ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข! ในเมื่อท่านประมุขไม่มีเงื่อนไขอื่นใด เช่นนั้นข้าก็จะกลับไปรายงานประมุขของเราเช่นกัน!”
เรื่องราวทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หลิวอ้าวกว๋อแอบกระหยิ้มยิ้มย่องในใจ หากจะโทษก็ต้องโทษที่ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นโดดเด่นเกินไป ถึงได้นำหายนะถึงชีวิตมาสู่ตนเอง
เขาไม่ควรที่จะมาอวดดีที่อู๋โยวแห่งนี้
“หลิวเซิ้ง เจ้าสนใจจะไปเที่ยวชมเมืองเหมยกับปู่บ้างหรือไม่? เมืองเหมยเปลี่ยนแปลงมาก ไม่ใช่เมืองเหมยเฉกเช่นเก่าก่อนอีกต่อไป”
ด้วยเกรงว่าหลิวเซิ้งจะปฏิเสธ หลิวอ้าวหลานจึงรีบอธิบายทันที
“ข้าไม่มีเจตนาอื่นใด เพียงแต่หวังว่าเจ้าจะกลับไปเยี่ยมท่านปู่ท่านย่า ไปจุดธูปไหว้ เผากระดาษเงินกระดาษทองให้กับท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าบ้างเท่านั้น!”
หลิวอ้าวกว๋อยกความสัมพันธ์ฉันญาติมาอ้าง ซึ่งที่เขาทำเช่นนี้ก็เพราะหวังว่าหลิวเซิ้งจะไปจากที่นี่ ที่ๆไม่ใช่ที่ของเขาสักที
เพราะนับจากวันนี้ไป อีกไม่นาน เมืองเฮ่อก็ต้องพบกับหายนะที่ไม่เคยพบมาก่อน หลิวอ้าวกว๋อไม่อยากที่จะเห็นหลานชายเพียงคนเดียวของพี่รองของเขาเกิดเรื่อง
สิ่งที่หลิวอ้าวกว๋อคิด หลิวเซิ้งรับรู้เป็นอย่างดี และเขารู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างซย่าโหวฉิงเทียนและสกุลหลิว หลิวอ้าวกว๋อก็ยังคงคิดถึงเป็นห่วงเขาเสมอ
เพียงแต่ ฐานะของเขาถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรก
“ท่านปู่สาม ท่านจะรีบร้อนทำไมกัน! รอให้ล้างบางสกุลสุ่ยเรียบร้อย พวกเราต้องฉลองความสำเร็จด้วยกันอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นข้าและท่านประมุขจะต้องไปเยือนเมืองเหมยอย่างแน่นอน!” หลิวเซิ้งปฏิเสธความหวังดีของหลิวอ้าวกว๋อด้วยรอยยิ้ม
“หวังว่าวันนั้นจะไม่ไกลเกินไป!”
หลิวอ้าวกว๋อฟังไม่ออกถึงความหมายโดยนัยที่หลิวเซิ้งต้องการจะสื่อออกมา เขาโบกไม่โบกมือพร้อมกับทอดถอนใจ
“ช่างเถอะ ถึงเวลาค่อยว่ากันก็แล้วกัน!” หลิวอ้าวกว๋อรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลิวเซิ้งเด็กคนนี้ในบางเวลาก็เป็นพวกดื้อดึงเถรตรงเกินไปจริงๆ!
แต่ว่า เขาจะต้องคิดหาวิธีอื่น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องปกป้องหลานชายของพี่รองเอาไว้!
หลังจากหลิวอ้าวกว๋อกลับออกไปแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนค่อยหันไปกล่าวกับหลิวเซิ้งว่า
“เขาดีกับเจ้าไม่น้อย! “
“แต่ข้าน้อยมิได้เป็นของสกุลหลิว ข้าน้อยเป็นของนายท่าน!” เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของหลิวเซิ้ง อวี้เฟยเยียนจึงรีบขัดจังหวะทันที
“อะไรกันที่เรียกว่าเจ้าเป็นของฉิงเทียน ฟังแล้วก็ขนลุกยิ่งนัก! หลิวเซิ้ง เจ้าจะมาแย่งผู้ชายของข้าไม่ได้นะ! เจ้าออกจะหล่อเหลา ควรจะชอบผู้หญิงต่างหากจึงจะถูกต้อง! อย่าได้สิ้นเปลืองทรัพยากรดีๆที่เจ้ามีเด็ดขาด!”
กล่าวจบอวี้เฟยเยียนก็แกล้งทำเป็นหึงหวง คล้องแขนซย่าโหวฉิงเทียนเอาไว้แน่น ท่าทางหวงแหนราวกับประกาศว่าเขาเป็นของนาง เจ้าอย่าได้มายุ่งย่ามเด็ดขาดอย่างไรอย่างนั้น
หลิวเซิ้งเมื่อเห็นอากัปกริยาของนางก็หัวเราะขึ้นมา เขาหรี่ดวงตาที่เจ้าเล่ห์ของตนจนเรียวเล็ก
“ข้าน้อยพูดผิดไป! พลั้งปาก! ข้าน้อยจะจงรักภักดีต่อท่านอ๋อง!”
สกุลหลิวได้วางกับดักเป็นที่เรียบร้อย และตามแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ ซย่าโหวฉิงเทียนจะต้องเดินทางไปสมทบกับหลิวอวี๋เซิงที่เมืองลู่
ก่อนจะเดินทาง ซย่าโหวฉิงเทียนได้รังแกอวี้เฟยเยี่ยนอย่างหนักหน่วงอยู่ทั้งคืนเต็มๆ
“พูดสิ พูดว่าเจ้ารักพี่!” ซย่าโหวฉิงเทียนใช้กำลัง ‘บีบบังคับ’ ให้กับอวี้เฟยเยียนตอบคำถามของตนเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาและนางต้องแยกจากกันหลังจากแต่งงาน ซึ่งทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก
“ข้ารักท่าน! ข้ารักท่านที่สุด! ข้ารักท่านเพียงคนเดียว!” อวี้เฟยเยียนเองก็มองออกว่าอีกฝ่ายกำลังอาลัยอาวรณ์นาง ดังนั้นคืนนี้อวี้เฟยเยียนจึงว่านอนสอนง่ายโอนอ่อนผ่อนตามซย่าโหวฉิงเทียนเป็นพิเศษ
หลายครั้งหลายคราก่อนหน้านี้ดูราวกับว่าอวี้เฟยเยียนไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่นักที่จะมีความสัมพันธ์กันในท่วงท่าที่ยากเสียหน่อย วันนี้กลับยิมยอมให้ซย่าโหวฉิงเทียนทาบทับจัดวางอย่างว่าง่าย
สุดท้าย ซย่าโหวฉิงเทียนกกกอดอวี้เฟยเยียนที่เนื้อตัวชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อเอาไว้บนร่างของเขา
“พี่จะไปฆ่าสุ่ยฮั่วอีแล้วจะรีบกลับมา!”
“ดี!” อวี้เฟยเยียนไร้สิ้นเรี่ยวแรง ราวได้แต่เอ่ยตอบรับไปเบาๆทั้งที่ยังหลับตา
“หลิวอวี๋เซิงก็สมควรตาย! บังอาจมาตบลหลังพี่ พี่จะทำให้มันมาได้แต่กลับไม่ได้!”
“ดี!”
“รอให้จัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้น พี่จะเดินทางไปเผ่าตันเป็นเพื่อนเจ้า”
“ดี!”
“พี่ยังอยากจะมีความสุขอีกครั้ง!”
“ดี!” ตอบรับเห็นด้วยเสียจนเคยชิน คำถามสุดท้ายอวี้เฟยเยียนยังไม่ได้ทันคิด ก็ตอบออกไปว่า ‘ดี’
จวบจนกระทั่งนางถูกซย่าโหวฉิงเทียนกลืนกินเข้าไปจนแม้กระดูกกระเดี้ยวแทบจะแหลกเหลวไม่มีเหลือ ขาทั้งสองข้างปวดร้าวอย่างหนักนั่นเอง อวี้เฟยเยียนถึงเพิ่งจะนึกเสียใจภายหลังขึ้นมาได้
‘แม่เจ้า! อย่ามาเล่นเกมส์ตอบอักษรอะไรแบบนี้ในขณะที่ข้ากำลังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนไม่หลงเหลือสติอยู่เลยเช่นนี้จะได้ไหมเล่า! จะรังแกกันเกินไปแล้วนะ!’
กระทั่งซย่าโหวฉิงเทียนเตรียมจะออกเดินทาง อวี้เฟยเยียนยังคงนอนหลับอุตุด้วยความอ่อนเพลียอยู่เลยด้วยซ้ำ อภัยที่นางมีใจอยากจะลุกขึ้นมาส่งเขา แต่ดวงตาของนางแทบลืมไม่ขึ้นด้วยเถอะ
“หานจื่อ”
ซย่าโหวฉิงเทียนหยุดยืนที่หน้าประตู พร้อมกับลูบหัวหานจื่อ
“ข้าฝากแมวนน้อยเอาไว้กับเจ้า! ครั้งนี้ เจ้าสามารถเปิดศึกฆ่าศัตรูได้เต็มที่!”
“ฆ่าได้เต็มที่?”
“นายท่าน ข้ามิได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่?”
“ไม่ต้องเก็บกด ทั้งยังไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของข้า อยากกินอย่างไรก็กินอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
ดวงตากลมโตสีทองแดงของหานจื่อจ้องมองซย่าโหวฉิงเทียนตาละห้อย เพื่อเรียกร้องให้เขายืนยันคำพูดของตนเมื่อครู่อีกครั้ง
“ถูกต้อง ฆ่าได้เต็มที่! หน้าที่ของเจ้าก็คือทำให้ไอ้พวกที่มันมารุกราน มาได้แต่ไม่ได้กลับไป! ไม่ต้องเมตตาใจอ่อนเป็นเด็ดขาด!”
คำพูดของซย่าโหวฉิงเทียนทำให้หานจื่อดีใจจนกระโดดโลดเต้น
“อ๋าว——บรู๊ว——”
“ดีใจจังเลย! เป็นอย่างที่มันคาดการณ์เอาไว้จริงๆ ติดตามแม่นางน้อยจะได้กินดีอยู่ดี ไม่มีวันอับจน!”
“นายท่านโปรดวางใจ! ข้าจะปกป้องแม่นางน้อยเป็นอย่างดี!”
หลังจากที่ให้คำสัตย์แล้ว หานจื่อก็อ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวสีเงินอันใหญ่โตของมันที่แวววาวภายใต้ดวงตะวัน
“มาคนหนึ่ง ก็กินคนหนึ่ง!”
“มาสองคน ก็กินมันทั้งคู่!”
ในที่สุดก็ได้โอกาสที่มันจะได้เตรียมล้างท้องเพื่อกินให้อิ่มแปล้สักมื้อเสียที! พวกคนเลวเอ้ย รีบดาหน้าเข้ามาเร็วเข้า! พ่อของพวกเจ้ากำลังรอกินอาหารมื้อใหญ่อยู่ที่เมืองเฮ่อนี้แล้ว!