อวี้เฟยเยียนในชุดสีชมพูขี่อยู่บนหลังหานจื่อ เหาะข้ามกองกำลังของสกุลสุ่ยเข้ามา ขณะเดียวกันหญิงสาวในชุดสีน้ำเงินและชายหนุ่มในชุดสีดำก็ปรากฏตัวขึ้น โจมตีจักรพรรดิอาวุดสที่อยู่ใกล้กันกับพวกเขาที่สุดสองคน
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ทำให้สุ่ยเจ๋อเป่ยชะงักไป
และเพียงเสี้ยงวินาทีที่สุ่ยเจ๋อเป่ยเหม่อลอยนั้นเอง เข็มเงินจากพัดหยกของหลิวเซิ้งก็พุ่งเข้าสู่ดวงตาทั้งสองข้างของเขา เมื่อสุ่ยเจ๋อเป่ยมิทันได้หลบหลีก เข็มเงินจึงพุ่งเข้าใส่ดวงตาทั้งสองข้างของเขาอย่างจัง และมันเจ็บปวดเสียจนสุ่ยเจ๋อเป่ยต้องถอยร่นไปด้านหลังหลายก้าว
ที่ด้านหลังของเขาคืออวี้เฟยเยียน และนางก็ดูออกว่าสุ่ยเจ๋อเป่ยเป็นถึงราชาอาวุโส ซึ่งเป็นหนึ่งในสองราชาอาวุโสของสกุลสุ่ย
หากว่าสังหารสุ่ยเจ๋อเป่ยได้ ก็เท่ากับตัดกำลังของสกุลสุ่ยออกไปได้มากทีเดียว
ดังนั้น เมื่อเห็นว่าการลอบโจมตีของหลิวเซิ้งประสบผลสำเร็จ อวี้เฟยเยียนและหานจื่อก็พุ่งเข้าซ้ำสุ่ยเจ๋อเป่ยทันที
“ระวัง!” สุ่ยเจ๋อซียังมิทันเอ่ยจบ อวี้เฟยเยียนก็ทะยานเข้าไปแล้วใช้พู่กันพิพากษาอาวุธในมือของตนสกัดจุดสำคัญในร่างกายของสุ่ยเจ๋อเป่ยเอาไว้
สุ่ยเจ๋อเป่ยที่เผชิญกับความเจ็บปวดจากดวงตายังไม่ทันเจือจาง ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อ เลือดลมเริ่มไหลย้อนกลับอย่างรวดเร็ว เส้นเลือดและเส้นเอ็นในตัวเขาเริ่มโป่งพองขึ้นเรื่อยๆ
นี่คือ…
สุ่ยเจ๋อเป่ยเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีเท่าไหร่นัก เขาคิดที่จะเตือนสุ่ยเจ๋อซี ทว่ากลับถูกเลือดที่ไหลขึ้นมาจุกที่คอหอยอุดเอาไว้ ทำให้สุ่ยเจ๋อเป่ยออกเสียงไม่ได้
“หลบเร็ว!” อวี้เฟยเยียนตะโกนเสียงดังลั่น ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนที่กำลังต่อสู้อยู่กับกองกำลังของสกุลสุ่ยรีบหลบหลีกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วว
“ท่านปู่สาม หนีเร็ว! “
อาศัยจังหวะที่คนทั้งสามเบนความสนใจคนของสกุลสุ่ยเอาไว้ หลิวเซิ้งจึงรีบแบกหลิวอ้าวกว๋อหลบหนีไป
ได้ยินเพียงเสียง “บึ่ม” แรงระเบิดฉีกร่างของสุ่ยเจ๋อเป่ยจนแหลกเหลว ชิ้นส่วนเลือดและเนื้ออันแหลกเหลวกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ข้อนิ้วบนร่างกายหักเป็นท่อนๆ ศีรษะของสุ่ยเจ๋อเป่ยกระเด็นไปไกลก่อนจะหล่นลงที่พื้น
“นั่นคือ…ระเบิดตัวเอง?” หลิวอ้าวกว๋อมองไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง
‘แม่นางน้อยผู้นั้นทำอะไรกับสุ่ยเจ๋อเป่ยกันแน่ เพราะเหตุใดร่างกายของเขาถึงได้ระเบิดตัวเอง?’
‘สวรรค์ น่ากลัวเหลือเกิน!’
ไม่รอให้หลิวอ้าวกว๋อเข้าใจ หลิวเซิ้งก็พาเขามาถึงยังริมกำแพงเมืองของเมืองเฮ่อเสียแล้ว
“ท่านปู่สาม ท่านนั่งพักอยู่ที่นี่ก่อนนะครับ!” กล่าวจบหลิวเซิ้งก็วางเขาลงแล้วหมุนกายผลุนผลันออกไปทันที
มองตามแผ่นหลังของหลิวเซิ้ง ก็ทำให้หลิวอ้าวกว๋ออึ้งกิมกี่อยู่ไม่น้อย
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อหลิวเซิ้งได้รับจดหมายลับจากเขาแล้ว จะแอบหลบหนีออกไปจากเมืองเฮ่อ ใครจะคาดคิดเล่าว่าเจ้าเด็กคนนี้จะตั้งใจแน่วแน่ที่จะสนับสนุนประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเช่นนี้
วินาทีนั้น ในใจของหลิวอ้าวกว๋อเกิดความรู้สึกหลากหลายประเดประดังกันเข้ามา
ไม่รู้เหมือนกันว่า ทางเมืองลู่จะเป็นอย่างไรบ้าง หากประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แล้วหลิวเซิ้งมารู้ว่าสกุลหลิวร่วมมือกับสกุลสุ่ยให้ร้ายประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เขาจะต้องไม่มีทางยอมรับสกุลหลิวเป็นแน่!
‘ละ แล้วจะทำอย่างไรดี!’
“เจ๋อเป่ย! “
สุ่ยเจ๋อซีนึกไม่ถึงเลยว่าน้องชายแท้ๆของเขาจะต้องมาตายเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาเขา ทั่วทั้งพื้นที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดของสุ่ยเจ๋อเป่ย…
การระเบิดตัวเองของสุ่ยเจ๋อเป่ย ทำให้ใครหลายคนหลบหนีไม่ทัน ซึ่งทำให้นักรบของสกุลสุ่ยหลายคนบาดเจ็บ
ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า ตกลงแล้วอวี้เฟยเยียนทำอะไรกับสุ่ยเจ๋อเป่ยกันแน่
อวี้เฟยเยียนเพียงแค่ลงมือ ก็ทำให้ใครหลายคนหวาดผวา ครั้นเมื่อกองกำลังของสกุลสุ่ยต้องเผชิญหน้ากับสาวน้อยผู้นี้นั้น จึงทำให้พวกเขาบังเกิดความขลาดกลัวลนลาน
มีเพียงสุ่ยเจ๋อซีที่เจ็บแค้นยิ่งนักกับการตายของสุ่ยเจ๋อหนาน จนอาลวาดคุ้มคลั่งขึ้นมา
“ชั่วช้า ข้าจะต้องฆ่าพวกเจ้าแก้แค้นให้กับน้องชายของข้า!” สุ่ยเจ๋อซีและสุ่ยเจ๋อเป่ยเป็นพี่น้องที่มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก
สุ่ยเจ๋อเป่ยติดอ่างมาแต่กำเนิด จึงไม่ค่อยพูดจา ดังนั้นในหลายครั้งเขาจึงนับว่าเป็นผู้ฟังชั้นเยี่ยม แม้ว่าสุ่ยเจ๋อซีจะชั่วช้ากลับกลอก แต่ปกติแล้วเขาก็คอยดูแลน้องชายที่ร่างกายบกพร่องผู้นี้เป็นอย่างดี
บัดนี้เมื่อมาเห็นน้องชายต้องตายไปต่อหน้าต่อตา ไม่เหลือแม้แต่ศพที่ครบร่าง ทำเอาสุ่ยเจ๋อซีแทบสิ้นเรี่ยวแรง
ในตอนนั้นเอง ลำแสงสีน้ำเงินโอบล้อมร่างของสุ่ยเจ๋อซีเอาไว้ ร่างของเขาในตอนนี้ราวกับลูกไฟสีครามสว่างจ้าที่สีครามนั้นเข้มขึ้นเรื่อยๆ
“แย่แล้ว เขาจะสำเร็จขั้น” หลิวเซิ้งตะโกนออกมา
“เร็วเข้า โจมตีสุยเจ๋อซี! หยุดเขาเอาไว้!” การตายของสุ่ยเจ๋อเป่ยกระกระทบกระเทือนจิตใจของสุ่ยเจ๋อซีอย่างแรง มันกระตุ้นให้เขาสำเร็จขั้นจากราชาอาวุโสขึ้นเป็นเทพอาวุโส
หากกว่าสุ่ยเจ๋อซีสำเร็จเทพอาวุโสได้อย่างราบรื่นละก็ เห็นทีพวกเขาทั้งสี่คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสุ่ยเจ๋อซีเป็นแน่
“คุ้มกันนายท่าน!” นักรบของสกุลสุ่ยก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ พวกเขาจึงเข้าปิดล้อมสุ่ยเจ๋อซี โดยให้สุ่ยเจ๋อซีอยู่ตรงกลาง แล้วพวกเขาอยู่โดยรอบเพื่อคุ้มกันสุ่ยเจ๋อซี
น้ำมือพิสดารเมื่อครู่ของอวี้เฟยเยียนทำให้ทุกคนเกิดอาการหวาดกลัว แต่หากว่านายท่านสำเร็จขั้นได้ โอกาสที่พวกเขาจะได้กำชัยชนะก็จะมีมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาคับขัน นักรบของสกุลสุ่ยก็ยิ่งรวมใจเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น
ชิงหง เสวี่ยเยี่ยน หลิวเซิ้งพุ่งเข้าโจมตีพร้อมๆกัน เพียงแต่อีกฝ่ายได้เปรียบจากการที่มีคนจำนวนมากกว่า ซึ่งเมื่อนักรบสิบแปดคนร่วมแรงร่วมใจกัน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกของอวี้เฟยเยียนจะเอาชนะได้
“อ๋าว——บรู๊ว——”
“พวกเจ้าถอยออกมา ให้ข้าลงมือมือเอง!” อุ้งเท้าใหญ่ของหานจื่อตวัดเข้าไป ร่างของนักรบสกุลสุ่ยคนหนึ่งถึงกับกระเด็นออกไปไกล
ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนทะยานขึ้นไปกลางอากาศแล้วตวัดดาบบั่นคอศัตรูพร้อมกัน
“หานจื่อ ทำได้ดีมาก!”
เสวี่ยเยี่ยนลงสู่พื้น แล้วยิ้มให้กับหานจื่อพร้อมกันลักยิ้มที่แสนหวาน
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าเก่งนะบอกให้!”
หานจื่อส่ายหัวอย่างได้ใจ ทั้งยังใช้อุ้งเท้ากัดบ่าของศัตรูคนหนึ่งเอาไว้ จากนั้นค่อยกัดศีรษะแล้วกระชากจนศีรษะของเขาหลุดติดออกมา
จู่ๆ ก็มีสุนัขตัวยักษ์น้ำมือเ**้ยมโหดท่าทางดุร้ายโผล่ออกมา ทำเอาทหารของสกุลสุ่ยตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
‘พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์เช่นนี้มาก่อน’
‘มันเป็นสุนัขจริงๆหรือ?’
เมื่อมีหานจื่อเข้ามาเข้าร่วม กำแพงมนุษย์ที่คุ้มกันสุ่ยเจ๋อซีก็แหว่งไปมุมหนึ่ง แต่เพียงไม่นานก็มีคนเข้ามาเติมช่องว่างนั้นให้เต็มทันที
แต่ว่า เมื่อมีหานจื่อมาช่วย พลังในการโจมตีของพวกอวี้เฟยเยียนก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว
หานจื่อกระโจนเข้าใส่นักรบสกุลสุ่ยอย่างดุร้าย และทุกครั้งที่มันกระโจนเข้าใส่ก็จะต้องมีคนกระเด็นออกมา ซึ่งที่ด้านนอกก็มีชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนคอยทำหน้าที่ซ้ำ ตัดศีรษะของคนผู้นั้นทันที คนสองคนกับหมาอีกหนึ่งตัวทำงานเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ