“แต่ว่า ข้าไม่จำเป็นต้องมีอาจารย์จริงๆ สามีของข้าเป็นทั้งอาจารย์เป็นทั้งสหาย จริงๆแล้วข้าก็ถือว่าเป็นศิษย์ของเขาครึ่งหนึ่งเช่นกัน ข้าสามารถเรียนรู้อะไรจากตัวเขาได้มากมาย! แต่ในเมื่อเขาไม่ยินดี ข้าเองก็ต้องเคารพความรู้สึกของเขาเช่นกัน!”
คำพูดเทิดทูลรักใคร่ของอวี้เฟยเยียนเอ่ยออกมาต่อหน้าธารกำนัล ทำเอาซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับหน้าบานเพราะได้หน้าไปเต็มๆ
นางไว้หน้าเขาถึงเพียงนี้
‘แมวน้อยช่างรักษาหน้าให้พี่โดยแท้!’
‘เพียงแต่ จากที่แมวน้อยว่ามา เป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นพ่อชั่วชีวิต เป็นอาจารย์ของแมวน้อยครึ่งหนึ่งก็เท่ากับเป็นพ่อของแมวน้อยครึ่งหนึ่ง พ่อกับลูกสาว มีลูกด้วยกัน?’
‘ความสัมพันธ์เช่นนี้ออกจะแปลกประหลาดไปไหม?’
‘อีกอย่าง แมวน้อยนี่เจ้ากำลังโจมตีเป็นนัยว่าพี่อายุมากใช่หรือไม่?’
‘เจ็ดแปดปีเท่านั้น พวกเราไม่ได้ห่างกันมากเท่าไหร่นี่นา? เขาเคยได้ยินมาว่า ผู้หญิงยิ่งอายุหลังจากสามสิบเป็นต้นไปก็ยิ่งดุดันยิ่งมีความปรารถนาที่รุนแรง ส่วนผู้ชายก็เริ่มที่จะตอบสนองไม่ไหวไปเรื่อยๆ แมวน้อยกล่าวเช่นนี้ ต้องการจะบอกเป้นนัยว่าแท้ที่จริงแล้วยังไม่สุขสมเพียงพอ?’
‘เห็นทีว่าคืนนี้จะต้องพูดคุยกับแมวน้อยให้ลึกซึ้งอีกสักครั้งเสียแล้ว’
‘ไม่ ครั้งเดียวคงจะไม่ได้ เช่นนั้นก็ทั้งคืนก็แล้วกัน!’
อวี้เฟยเยียนๆไม่รู้เลยว่าซย่าโหวฉิงเทียนได้คิดจินตนาการออกไปไกลจนเกินเลยไปมากมาย
ส่วนเสิ่นถูปั๋วอี้เมื่อได้ยินว่าอวี้เฟยเยียนจะเรียนรู้จากซย่าโหวฉิงเทียนเพิ่มเติม จึงรีบโบกไม้โบกมือห้ามปรามทันที
“ไม่ๆ เจ้าเป็นเช่นนี้ดีมากอยู่แล้ว! เด็กผู้หญิงนะควรจะต้องอ่อนโยนเรียบร้อยสิถึงจะถูก! อย่าไปเหมือนกับ…” เสิ่นถูปั๋วอี้ไม่รู้เลยว่าคงรจะใช้คำใดมาสาธยายซย่าโหวฉิงเทียน
พวกเ**้ยมโหดดุดันขวานผากซากเช่นนี้เมืองอู๋โยวมีคนเดียวก็เพียงพอแล้ว หากว่ามีเป็นคู่ละก็ พวกเขามิก่อกวนจนเมืองอู๋โยววุ่นวายไปหมดหรอกหรือ!
โดยที่เสิ่นถูปั๋วอี้หารู้ไม่ว่า สองสามีภรรยาคู่นี้บนแผ่นดินหลัวอวี่ได้รับฉายาสามีภรรยาจอมโหดแห่งแผ่นดินมาแล้ว เมื่อมาถึงยังแผ่นดินอู๋โยวแห่งนี้ชื่อเสียงของพวกเขาก็ยิ่งเลืองลือแผ่ไพศาลกว้างไกลมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
วิถีผัวร้องเมียรับพรรค์นี้ เป็นคืออำนาจอันแข็งแกร่งที่มิอาจต้านทานได้
ส่วนซย่าโหวฉิงเทียนในตอนนี้กำลังขะมักเขม้นครุ่นคิดอยู่ว่าคืนนี้จะใช้ท่วงท่าใดพูดคุยกับอวี้เฟยเยียนอย่างลึกซึ้งดี จึงมิทันได้ยินในขณะที่เสิ่นถูปั๋วอี้กำลัง ‘ทำลายชื่อเสียง’ ตนเองแต่อย่างใด
เสิ่นถูปั๋วอี้เมื่อเห็นอวี้เฟยเยียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
หายากนักที่จะเจอศิษย์ที่ถูกใจสักคน แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจตนเอง น่าขายหน้ายิ่งนัก!
“เสี่ยวเลี่ย ข้าหัวใจสลายแล้ว——” เสิ่นถูปั๋วเลี่ยขาพับขาอ่อนเอนพิงเสิ่นถูเลี่ยราวกับกระดูกไร้เรี่ยวแรงก็ไม่ปาน
เขากำลังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าจิตใจของเขากำลังกระทบกระเทือนอย่างหนัก เฉกเช่นเมื่อครุ่ที่เสิ่นถูเลี่ยเห็นกับตาว่าอวี้เฟยเยียนสำเร็จเป็นราชาอาวุโสไม่มีผิดเพี้ยน เศร้าสลดใจที่สุดเลย!
“บรรพชนเฒ่า ไม่เป็นไรนะครับ ข้าเข้าใจ!” เสิ่นถูเลี่ยปลอบใจเสิ่นถูปั๋วอี่ในขณะเดียวกันก็ซ้ำเติมเข้าไปอีกดอกว่า
“เมื่อเวลาผ่านไป ถูกโจมตีมากเข้าก็จะกลายเป็นความเคยชิน ถึงตอนนั้นท่านก็จะรู้สึกว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาเท่านั้นเอง!”
พรวด
เสิ่นถูปั๋วอี้เมื่อได้ในสิ่งที่เสิ่นถูเลี่ยกล่าวมาก็แทบกระอักเลือดออกมาเลยทีเดียว
‘มีลูกหลานที่ทับถมบรรพชนเฒ่าของตนเองเช่นนี้ด้วยหรือ?’
‘นี่จะให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่กัน?’
อวี้เฟยเยียนคอยจับตาดูเสิ่นถูปั๋วอี้มาโดยตลอด นางจึงพบว่าปราชญ์ราชันย์ผู้นี้ท่าทางน่าสนใจไม่น้อย
นิสัยดี มีอารมณ์ตลกขบขัน ทั้งไม่เหย่อหยิ่ง ทั้งยังสมถะเข้าถึงผู้คนได้ง่าย หากว่าพี่ใหญ่สามารถได้รับคำชี้แนะจากเขาจะดีสักเพียงใดกันนะ!
ผู้อาวุโส ท่านว่า พี่ใหญ่และซ้อใหญ่ของข้าเป็นอย่างไร?
อวี้เฟยเยียนลากอวี้ซิงฉงและหมีเยว่ไปตรงหน้าของเสิ่นถูปั๋วอี้ พวกเขาทั้งสองก็มีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม
“พี่ชายของข้าคือจักรพรรดิอาวุโส พี่สะใภ้ใหญ่คือปราชญ์อาวุโส ทั้งสองคนต่างก็เก่งกาจด้วยกันทั้งคู่!”
เมื่ออวี้เฟยเยียนเสนอเช่นนี้ ก็ทำให้ความผิดหวังในใจของเสิ่นถูปั๋วอี้ลดลงไปได้ส่วนหนึ่ง
หนุ่มสาวกลุ่มนี้ล้วนแต่เก่งกาจทั้งสิ้น หากว่าไม่มีอวี้เฟยเยียนละก็ เขาก็จะพิจารณาอวี้ซิงฉงต่อไป
‘น้องสาวเก่งกาจยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ พี่ชายคงจะไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไหร่กระมัง!’
“แต่ว่า ข้ารับศิษย์เพียงแค่คนเดียว!” เสิ่นถูปั๋วอี่แตะจมูกอย่างครุ่นคิด
หากว่าเขารับศิษย์สองคน แล้วจะประลองกับศิษย์ของอวิ๋นเฮ่อเทียนอย่างไรกัน? สองต่อหนึ่ง? ไม่ได้ ไม่ยุติธรรม! จะต้องถูกเจ้าเฒ่านั่นดูถูกอย่างแน่นอน!
“คนเดียว?” อวี้เฟยเยียนรู้สึกเสียดายไม่น้อย เพราะอะไรถึงรับศิษย์สองคนไม่ได้ พี่ใหญ่จะได้อยู่ด้วยกันกับอาซ้อ!
“ผู้อาวุโส ท่านรับซิงฉงเป็นศิษย์เถอะค่ะ!” หมี่เยว่กล่าวด้วยความจริงใจ
นับตั้งแต่ที่เขามาจากหลัวอวี่นั้นก็เป็นเพียงขั้นอ๋อง ภายในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถสำเร็จได้ถึงจักรพรรดิอาวุโส นั่นก็เพราะเขาไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมกว่าใครเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนขยันมานะพยายาม!
“ขอท่านให้โอกาสเข้าสักครั้งเถอะ!”
“เยว่เอ่อร์…” หมีเยว่ละทิ้งโอกาสนี้ เพื่อหลีกทางให้กับตนเองนั่นทำให้อวี้ซิงฉงตกตะลึงไม่น้อย
เสิ่นถูปั๋วอี้มีชื่อเสียงมากเพียงใด อวี้ซิงฉงรู้ดี หากว่าหมีเยว่ได้เป็นศิษย์ของเสิ่นถูปั๋วอี้ละก็ จะเป็นประโยชน์กับนางมหาศาลมากว่า!
เมื่อเห็นท่าทางอวี้ซิงฉงราวกับจะกล่าวอะไร หมีเยว่ก็รีบเอื้อมมือไปแตะที่ริมฝากห้ามปรามเขาเอาไว้ทันที
“ซิงฉง เจ้าเคยบอกว่าจะปกป้องข้า! เช่นนั้นเจ้าก็จะต้องรีบแข้งแกร่งให้เร็วที่สุด จึงจะสามารถปกป้องคุ้มครองข้าได้!
เจ้าเคารพการตัดสินใจของข้า เชื่อฟังความเห็นของข้ามาโดยตลอด ครั้งนี้เจ้าก็จะเชื่อฟังข้าใช่หรือไม่!”
“ไม่!”
อวี้ซิงฉงส่ายหน้า แล้วจ้องมองหมีเยว่ด้วยสายตาลึกซึ้ง
“เยว่เอ๋อร์ ข้าเป็นผู้ชาย สามารถทีละก้าวไปทีละก้าวอย่างมั่นคงได้ ตรงกันข้ามหากเป็นเจ้าที่มีโอกาสได้รับการชี้แนะจากผู้อาวุโสเสิ่นถูละก็ นับเป็นวาสนาใหญ่เลยทีเดียว!”
“เจ้าก้าวหน้าไปก่อน เป็นแรงผลักดันให้กับข้า ข้าจะรีบตามหลังเจ้าไปทันที!”
อวี้ซิงฉงและหมีเยว่เอาแต่บ่ายเบี่ยงเพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่าย แสดงให้เห็นว่าคนทั้งสองนิสัยใจคอไม่เลวทีเดียว ตรงกนข้ามทำให้เสิ่นถูเลี่ยเป็นฝ่ายลำบากใจไม่น้อย
“บรรพชนเฒ่า รับคนเดียวก็คือศิษย์ รับสองคนก็คือศิษย์ ไม่ต่างกันหรอกครับ!” มองออกว่าอวี้เฟยเยียนคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้เสิ่นถูปั๋วอี้รับอวี้ซิงฉงและหมีเยว่เป็นศิษย์ทั้งคู่ ดังนั้นเสิ่นถูเลี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆจึงเอ่ยปากช่วยพูดแทนนางอีกแรง
“บรรพชนเฒ่า ท่านมักจะเอ่ยเสมอว่ายินดีที่จะส่งเสริมให้คนรักกันได้ครองคู่กันมิใช่หรือ! แล้วท่านจะตัดใจแยกคนรักกันออกจากกันได้ลงคอหรืออย่างไร?”
“ท่านส่งเสริมพวกเขาเถอะ!” เมื่อได้ยินคำของเสิ่นถูเลี่ย เสิ่นถูปั่วอี้จึงตวัดสายตาจ้องมาทางเขาทันที ทำเอาเสิ่นถูเลี่ยขนลุกขนพองเลยทีเดียว
“บรรพชนเฒ่า ทำไมหรือ?” เสิ่นถูเลี่ยยิ้มท่าทางขวยเขิน
“ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน?” เสิ่นถูเลี่ยกำลังช่วยพูดแทนอวี้เฟยเยียน มีหรือที่เสิ่นถูปั๋วอี้จะไม่รู้ เขาเกรงว่าเสิ่นถูเลี่ยจะกระทำผิดลงไปเพราะความรู้สึก ไปชอบคนที่ไม่ควรชอบเข้าให้ จนเสียเวลาทั้งชีวิต เฉกเช่นตัวเขา…