“น้องสี่!” เมื่อสุ่ยจูเอ๋อมองเห็นสายตาแห่งความรักเทิดทูลในดวงตาของสุ่ยมี่เอ๋อร์ ก็โกรธจนควันออกหู
แต่เพราะว่ามีคนอยู่มาก นางจึงมิอาจสั่งสอนสุ่ยมี่เอ๋อร์ได้ถนัดนัด ดังนั้นจึงยื่นมือออกไปหยิกที่เอวของสุ่ยมี่เอ๋อร์อย่างแรง ซึ่งมันเจ็บจนสุ่ยมี่เอ๋อร์น้ำตาเล็ด ‘แหมะ’ ลงมาเลยทีเดียว
“พี่สาม”
“หากว่าเจ้ายังทำทำท่าทางเช่นนั้นเมื่อพบกับศัตรูของเราอีกละก็ ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
สุ่ยจูเอ๋อร์จ้องมองสุ่ยจูเอ๋อร์ด้วยสายตาโกรธเคือง
แม้ว่าปกติแล้วสุ่ยจูเอ๋อร์จะชอบรังแกนางอยู่เป็นประจำ แต่นางก็ไม่เคยมีท่าทางดุร้ายจริงจังเช่นนี้มาก่อน นั่นทำให้สุ่ยมี่เอ่อร์เชื่อว่านางพูดจริงทำจริง
“ข้า…ข้ารู้แล้วค่ะ” สุ่ยมี่เอ๋อร์ก้มหน้าลง ท่าแลดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
แต่ทว่า จนแล้วจนเล่านางก็ยังมิอาจตัดใจจากซย่าโหวฉิงเทียนได้ ผู้ชายเช่นนี้ ผู้หญิงที่ไหนล้วนแต่ชื่นชอบทั้งสิ้น!
‘นางควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเขาได้?’
แม้ว่าต้องเป็นเพียงสาวใช้ก็ตามที ขอเพียงแต่ได้เห็นหน้าเขาในทุกวัน ข้าก็พอใจแล้ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อยู่ในสาตาของชายหนุ่มผู้หนึ่งโดยตลอด เขาหัวเราะเบาะแล้วหันไปกำชับลูกน้องข้างกายสองสามประโยคหลังจากนั้นจึงค่อยรอชมความสนุก
“ลั่ว เจ้าว่าฮูหยินของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นอย่างไร? “เหวินเหรินเจี๋ยจ้องมองไปยังโรงเตี๊ยมเซียนเค่อเขม็ง
“ริษยา เ**้ยมโหด” เหวินลั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยเปล่งออกมาสองประโยค
“ฮ่าๆ!” เหวินเหรินเจี๋ยหัวเราะขึ้นมา
“แต่นางกลับเป็นประเภทที่ข้าชื่นชอบเสียนี่”
“นายน้อย ท่านอย่าไปหลงชอบผู้หญิงประเภทนี้เด็ดขาดเลยทีเดียวนะขอรับ เหวินลั่วได้ฟังคำของเหวินเหรินเจี๋ยก็รีบโบกไม้โบกมือห้ามปรามทันที
“นางเป็นหญิงที่มีสามีแล้วนะขอรับ!”
“เป็นหญิงที่มีสามีแล้ว แล้วเป็นอย่างไร! ขอเพียงแต่ข้าอยากได้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่ข้าเอามาไม่ได้!”
หวนนึกถึงภาพเมื่อครู่ ภาพรอยยิ้มของสาวน้อย ท่ามกลางดอกชีปะขาวล่องลอยปลิวไสวในอากาศ ทำให้มุมปากของเหวินเหรินเจี๋ยหยักยิ้มขึ้นมา
ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้าถึงได้ในตัวนางมีบางอย่างที่ทำให้ข้ารู้สึกคุ้นเคย ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะต้องเข้าใกล้นาง น่าแปลกจริงๆ…
เหวินเหรินเจี๋ยพูดเองเออเองเสร็จสรรพ ทำเอาเหวินลั่วจิตใจไม่สงบ!
นายน้อยของตนนิสัยเป็นอย่างไร เขานั้นย่อมรู้ดี
นายน้อยเย่อหยิ่งทะนงตนยิ่งนักจึงน้อยนักที่จะมีใครเข้าตาเขา โดยเฉพาะผู้หญิง
และนี่เป็นครั้งแรกที่เหวินเหรินเจี๋ยให้ความสนใจผู้หญิงสักคนหนึ่ง
‘แต่ทว่า ท่านชอบหญิงสักคนทั้งที ท่านไปชอบหญิงที่มีสามีแล้วได้อย่างไรกัน!’
อีกด้าน สุ่ยจูเอ๋อร์พาสุ่ยมี่เอ๋อร์กลับออกไป ไหนเลยจะคาดคิดว่า เพราะคนจำนวนมากทำให้สองพี่น้องพลัดหลงกัน สุ่ยมี่เอ๋อร์เที่ยวเดินตามหาพี่สาวไปทั่ว ทว่านางกลับถูกคนผู้หนึ่งลากเข้าไปในซอยที่ไกลออกไป
“เงียบนะนะ!” เหวินเซินข่มขู่
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรูปร่างสุงใหญ่ ทั้งเป็นผู้ชาย สุ่ยมี่เอ๋อร์ก็เริ่มน้ำตาคลอ
“เจ้าจะทำอะไร?” สุ่ยมี่เอ๋อร์ตกใจเสียขวัญจนแทบทนไม่ไหว ในใจของนางกำลังร่ำร้องหาสุ่ยจูเอ๋อร์
“ข้ามีวิธีที่จะสามารถทำให้เจ้าได้เข้าใกล้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น——”
แม้ว่าในใจจะหวาดกลัวแทบตาย แต่เมื่อได้ยินดังนั้นนางก็รีบเงยหน้ามองอีกฝ่ายทันที
“จริงหรือ?”
“ขอเพียงเจ้าเชื่อฟังทำตามแผนการของข้า ข้ารับรองเจ้าจะสามารถเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลจื่ออวิ๋นได้อย่างราบรื่น! แต่ว่า ในช่วงเวลานี้เจ้าต้องไม่ไปพบสุ่ยจูเอ๋อร์ แล้วทำตามที่ข้าบอก!”
กับดักจากอีกฝ่ายดึงดูดความสนใจของสุ่ยมี่เอ๋อร์ได้เป็นอย่างดี
‘สามารถเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลจื่ออวิ๋นได้?’
‘สามารถเข้าใกล้เขา?’
‘ได้เช่นนั้นจริงหรือ?’
“หากว่าท่านสามารถช่วยให้ข้าน้อยสมปรารถนาได้ ข้ายินดีที่ช่วยเหลือท่านทุกอย่าง! ยกเว้ยเรื่องที่จะให้ข้าทำร้ายสกุลจื่ออวิ๋น…”
สุ่ยมี่เอ๋อร์กล่าวจบ ก็คุกเข่าลงตรงเบื้องหน้าเหวินเซิน
อย่างน้อยที่สุดนางก็รู้ดีว่า ในใต้หล้านี้ไม่มีความช่วยเหลือใดได้มาเปล่าๆ ไม่มีใครยอมช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน อีกฝ่ายย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอย่างแน่นอน
แต่ทว่า ในใจของนางก็มีข้อจำกัดอยู่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือจะไม่มีวันกระทำในสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเด็ดขาด
สุ่ยมี่เอ๋อร์คิดว่า ความรักที่ตนเองมีต่อประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นนั้นคือรักจริง
เมื่อได้ยินสุ่ยมี่เอ๋อร์กล่าวเช่นนี้ เหวินเซินก็ยิ้มเยาะขึ้นมาทันที!
‘กล้ามายื่นเงื่อนไขกับนายน้อยของเรา?’
‘เจ้ามันไม่คู่ควร!’
‘แม่นาง เจ้านี่มันโง่งมโดยแท้จริงๆ!’
อาศัยเจ้าที่เพียงแค่นับรบขั้นปราชญ์เล็กๆ ที่ถูกส่งไปเส้นสายสอดแนมข้างกายซย่าโหวฉิงเทียนเจ้าจะทำอะไรได้?
เหวินเซินพบหญิงสาวที่โง่งมเช่นนี้มานักต่อนักเสียจนเคยชิน สุ่ยมี่เอ๋อร์คนนี้น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก!
สกุลสุ่ยพังพินาศเช่นนี้แล้ว ยังมัวแต่มาอาลัยอาวรณ์หลงรักศัตรูที่สังหารครอบครัวตัวเองทั้งบ้านอยู่ได้ หากว่าสุ่ยฮั่วอีรู้ว่าลูกสาวของลูกบุญธรรมของตนที่เลี้ยงดูมาไร้สามารถเช่นนนี้ คงจะโกรธเกรี้ยวจนแทบจะลุกขึ้นมาจากหลุมศพเลยกระมัง
ตรงกันข้ามกับสุ่ยจูเอ๋อร์ แม้ว่านางจะนิสัยเสียอารมณ์ไม่ดี ทั้งยังมักจะเสแสร้ง แต่เมื่อถึงเวลาที่สำคัญนางกลับมีสติกว่าคนอื่นมาก
“สุ่ยมี่เอ๋อร์ เจ้าไม่มีสิทธิ์มายื่นเงื่อนไขกับข้า! เจ้าคิดดู หากว่าข้านำเรื่องที่พวกเจ้ามีชีวิตรอดมาได้ไปบอกกับประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น เขาจะทำอย่างไร?”
เหวินเซินไม่ชอบใจกกับการที่สุ่ยมี่เอ่อร์เอ่ยยื่นเงื่อนไขกับเขา เพราะในสายตาของเขา สุ่ยมี่เอ๋อร์ไหนเลยจะมีสิทธิ์มายื่นเงื่อนไขกับเขาได้ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ชื่อเสียงเรียงนามของตนก็ทำให้สุ่ยมี่เอ๋อร์ตกใจไม่น้อย
“เจ้า เป็นใครกันแน่?” สุ่ยมี่เอ๋อร์ใจเต้นระส่ำ อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่านางคือสุ่ยมี่เอ๋อร์? หรือว่าตลอดทางที่พวกนางสองพี่น้องเดินทางมาถูกคนคนสะกดรอยตามมาโดยตลอด?
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สำคัญก็คือเจ้าจงพึงระลึกฐานะของตัวเอาไว้ให้มั่น หากว่าเจ้ารับปาก ข้าจะหาวิธีส่งเจ้าเข้าไปอยู่ข้างกายประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น แต่หากเจ้าไม่รับปาก ก็ต้องตาย——”
เหวินเซินยื่นดาบแหลมที่เย็นเยียบจ่อบริเวณลำคอของสุ่ยมี่เอ๋อร์พร้อมกับวาดมันไปมา สุ่ยมี่เอ๋อร์ไหนเลยจะเคยพบกับการช่มขู่คุกคามเช่นนี้
“ข้ารับปากเจ้า ข้ารับปากเจ้า!” สุ่ยมี่เอ๋อร์กล่าวจบ เหวินเซินก็ยัดยาเม็ดหนึ่งใส่ปากนางทันที
เจ้าให้ข้ากินอะไร… ยิ่งพูดจนจวนจะจบประโยค เสียงของสุ่ยมี่เอ๋อร์ก็ยิ่งแหบพร่า จนสุดท้ายเสียงหวานใสเจื้อยแจ้วก็แหบแห้ง จนพูดไม่ออกในที่สุด
ขณะเดียวกันรูปโฉมของสุ่ยมี่เอ๋อร์ก็เปล่ยนแปลงไปเช่นกัน
จากสาวน้อยที่งดงามจิ้มลิ้มน่ารัก กลับหลายเป็นหญิงสาวชาวบ้านหน้าตาธรรมดา ทั้งยังมีกระสีดำขึ้นบนใบหน้า หากนำไปทิ้งไว้ที่ข้างถนนละก็ไม่มีใครจดจำนางได้อย่างแน่นอน
“กรี๊ด กรี๊ด——”สุ่ยมี่เอ๋อร์พยายามร้องตะโกน ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับแหมบเล็กน่าเกลียดจนฟังแทบไม่ได้ศัพท์
เจ้าทำอะไรกับข้า? สุ่ยมี่เอ๋อร์จ้องมองเหวินเซินอย่างความหวาดกลัว
‘นางเป็นใบ้!’
เมื่อสุ่ยมี่เอ๋อร์รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้า ก็รีบยกมือขึ้นจับสัมผัสใบหน้าของตนทันที
ใบหน้างดงามนี้คือสิ่งเดียวที่นางจะใช้ดึงดูดความสนใจจากประมุขแห่งถ้ำจื่ออิว๋นได้! เมื่อไร้ซึ่งความงาม แล้วนางจะทำให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นมาสนใจนางได้อย่างไร?