ในฐานะที่เป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในครอบครัว ตี้อู่เฮ่ออีจึงถูกเรียกว่าเป็นน้องหกน้อยมาโดยตลอดซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจ บัดนี้ดีเลย เขาได้กลายเป็นพี่ชาย เพราะในบ้านมีสมาชิกที่อายุน้อยกว่าเข้ามา ดีจริงๆเลย!
“น้องสาว?” ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายตี้อู่เฮ่ออี ฉับพลันดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย
งดงามยิ่งนัก——
หลังจากที่พินิจพิจารณารูปร่างหน้าตาของอวี้เฟยเยียนจนชัดเจนแล้ว ตี้อู่เจ๋อถึงกับรีบจ้ำอ้าวเข้ามาในทันที
เสี่ยวเยียน เสี่ยวเยียนเจ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่!
มองดูตี้อู่เจ๋อที่แทบจะวิ่งถลาเข้ามาหา ก็ทำให้อวี้เฟยเยียนต้องยิ้มบางๆออกมา
“คารวะท่านตา!”
“ท่านตา”
ตี้อู่เจ๋อยังคงงงงวย หน้าตาและรอยยิ้มนี้คือลูกสาวที่น่ารักของเขาชัดๆนี่นา แล้วเหตุใดอีกฝ่ายถึงเรียกเขาว่าท่านตา?
“เจ้าแก่ นางไม่ใช่เสี่ยวเยียน นางคือหลานสาวของเรา”
“หลานตา!” ตี้อู่เจ๋อรีบยอมรับอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว ไม่มีทางที่ตี้อู่เยียนเอ๋อร์จะยังสาวยังสวยอยู่ได้ นึกไม่ถึงว่านางจากบ้านไปหลายปี จนมีลูกสาวแล้วอีกด้วย นี่เขาเป็นตาแล้วหรือนี่!
“ดีๆ! หลานสาวของตา!”
ตี้อู่เจ๋อเริ่มตาแดงๆ
เจ้ารูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเยียนเอ๋อร์เหลือเกิน ข้ายังคิดว่าเยียนเอ๋อร์กลับมาแล้วเสียอีก
“จริงด้วย!”
จิ่งเหนียงจับมืออวี้เฟยเยียนขึ้นมา พินิจพิจารณาอย่างละเอียดแล้วเอ่ยว่า
“รูปร่างหน้าตาก็เหมือน มือเล็กๆนี่ก็เหมือน ยิ้มขึ้นก็เหมือน ลักษณะท่าทางกิ่งเหมือน นางก็คือหลานสาวที่น่ารักของเรา! เจ้าแก่ เจ้าว่านี่ยังไม่ใช่แขกที่น่ารักอีกหรือ!”
“ท่านปู่ท่านย่า แม่นางท่านนี้คือลูกสาวของท่านอาเล็กจริงๆหรือครับ? คือน้องสาวของพวกเรา?” ชายหนุ่มทั้งห้าคนยืนอยู่เบื้องหน้าของอวี้ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และอาการตกตะลึง อีกทั้งยังเป็นเปี่ยมด้วยมิตรภาพอีกด้วย
“ใช่นะสิ! นางชื่ออวี้เฟยเยียน! คือน้องสาวของพวกเจ้า! พวกเจ้าห้ามรังแกน้องสาวเด็ดขาดนะ!” จิ่งเหนียงกล่าวขึ้น
ทันนั้น ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยรีบแนะนำตัวเองด้วยท่าทีกระตือรือร้น
“น้องสาว ข้าคือพี่ห้าของเจ้า ตี้อู่เฮ่อเจี่ย!”
เมื่อเขาริเริ่ม บรรดาพี่ชายที่เหลือจึงรีบเด็ดนำตัวเองอย่างไม่มีใครยอมใคร
“น้องสาว ข้าคือพี่สามตี้อู่หรงเต๋อ!”
“ข้าตี้อู่เย่ฮั่น พี่สี่ของเจ้า!”
“ข้าคือพี่ใหญ่ ตี้อู่หรงอี้! สวัสดีน้องสาว!”
“พี่รอง ตี้อู่เย่ไหล! ข้าหวังที่จะมีน้องสาวสักคนมาตั้งนานแล้ว นึกไม่ถึงว่าฝันของข้าจะเป็นจริง!”
เมื่อพวกเขาแนะนำตัวเอง ทำให้อวี้เฟยเยียนเข้าใจในที่สุด พี่ใหญ่ตี้อู่หรงอี้และพี่สามตี้อู่หรงเต๋อคือลูกชายของท่านลุงใหญ่ พี่รองตี้อู่เย่ไหลและพี่สี่ตี้อู่เย่ฮั่นคือลูกชายของท่านลุงรอง ส่วนตี้อู่เฮ่อเจ๋อและตี้อู่เฮ่ออี้คือลูกชายของท่านลุงสาม
รอจนกระทั่งอวี้เฟยเยียนทักทายพี่ชายของนางทีละคนจนครบนั่นเอง ซย่าโหวฉิงเทียนที่ถูกละเลยในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปเห็นมีผู้ชายมาล้อมหน้าล้อมหลังแมวน้อยของเขา เขาวาดมือรั้งอวี้เฟยเยียนกลับคืนมาไว้ในอ้อมกอดของตนเองทันที
“ท่านนี้คือ——”
ในตอนนั้นเองทุกคนถึงได้มองเห็นซย่าโหวฉิงเทียน เมื่อเห็นหน้าตาบอกบุญไม่รับของซย่าโหวฉิงเทียน ตี้อู่เฮ่ออี้จึงรีบแนะนำทันที
“เขาคือน้องเขย ซย่าโหวฉิงเทียน น้องสาวและน้องเขยแต่งงานกันตั้งแต่อยู่ที่แผ่นดินหลัวอวี่แล้ว”
“น้องเขย?!” สีหน้าท่าทางของพี่ชายทั้งหลายแปลกประหลาดยิ่งนัก
ยากนักกว่าจะมีน้องสาวที่หน้าตางดงามราวกับหยกที่ขาวบริสุทธิ์กับเขาสักคน นางก็แต่งงานสียแล้ว!
‘แม่เจ้า อย่าทำร้ายกันเช่นนี้ได้หรือไม่นะ!’
“หลานเขยของเรา?”
ตี้อู่เจ๋อและจิ่งเหนียงตกจะลึงไม่น้อย ที่รู้ว่าชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรผู้นี้ คือหลานเขยของพวกเขา?
“ท่านตา ท่านยาย!” ซย่าโหวฉิงเทียนทำความเคารพผู้อาวุโสทั้งสอง แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะดึงอวี้เฟยเยียนไปไว้ด้านหลังอย่างปกป้อง
มีบรรดาพี่ชายที่ท่าทางราวกับเสียสิงห์กระทิงแรดเช่นนี้ เขาจะต้องปกป้องแมวน้อยให้ดี!
รู้ดีว่าลมเพชรหึงของซย่าโหวฉิงเทียนเริ่มขึ้นหน้าอีกแล้ว อวี้เฟยเยียนก้ถึงกับหัวเราะขึ้นมาด้วยความขวยเขิน
“ช้าก่อน!”
‘หลานเขย? เขาจะต้องทดสอบเสียหน่อย!’
“เจ้าหนุ่ม เจ้าอายุอานามเท่าไหร่? บิดามารดาทำมาหากินอะไร? มีพี่น้องหรือไม่? ตอนนี้เจ้าทำอาชีพอะไรเลี้ยงตัว? พวกเจ้าแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่? เจ้ามีเมียเล็กบ้านน้อยบ้างหรือไม่? คิดจะมีลูกสักกี่คน? เจ้าฝึกวรยุทธ์หรือเปล่า? วรยุทธ์ของเจ้าอยู่ลำดับขั้นใด?”
ผู้เป็นตาเปิดปากยิ่งคำถามรั่วเป็นชุด ทำเอาอวี้เฟยเยียนแทบอาเจียนออกมาทีเดียว
เอาสิ!
นี่มันยากเสียยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่ซย่าโหวฉิงเทียนไปสู่ขอนางที่จวนพระยาภักดีเสียอีก
ซย่าโหวฉิงเทียนประลองยุทธกับอวี้จิงเหลยเพียงแค่รอบเดียว ก็สามารถเอาชนะท่านปู่ของนางได้ แต่เมื่อมาถึงที่นี่ เกรงว่าจะผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ง่ายๆเสียแล้ว!
สำหรับคำถามจากผู้เป็นตา ซย่าโหวฉิงเทียนค่อยๆตอบไปทีละข้อ ครั้นเมื่อมาถึงคำถามที่ว่าตั้งใจจะมีลูกสักกี่คนเข้า แล้วซย่าโหวฉิงเทียนตอบไปว่าคนเดียว ก็ทำเอาตี้อู่เจ๋อโกรธเคืองจนหนวดกระดิกทีเดียว
“เจ้าว่าอะไรนะ? จะมีลูกเพียงคนเดียว?! จะไปได้อย่างไรกัน! อย่างน้อยก็สักหกคน!”
“สองคน!” ซย่าโหวฉิงเทียนต่อรอง
“ไม่ได้! ห้าคน!”
“สามคน!”
“สามคนน้อยเกินไป! สี่คน!” ตี้อู่เจ๋อยังกัดฟันต่อรอง
ท่าทางของคนทั้งสองจริงจังปานนี้ ทำเอาอวี้เฟยเยียนเกือบจะกระอักเลือด ลูกสามคนก็หนักหนาสาหัสเพียงพอแล้ว ท่านตายังจะให้นางมีมากกว่านี้
“อย่างน้อยที่สุดสี่คน นี่คือสุดของข้าแล้ว!” ตี้อู่เจ๋อแกว่งนิ้วสี่นิ้วไปมา
ตี้อู่เจ๋อเองมีลูกชายสามคนมีลูกสาวเพียงคนเดียว ต่อมามีหลานชายอีกหกคน มีอวี้เฟยเยียนเป็นหลานสาวเพียงคนเดียว มาตอนนี้ยังมีเหลนอีกสองคนดันเป็นผู้ชายอีก
เฮ้อ อยากจะมีหลานสาวน่ารักๆสักคน เหตุใดถึงได้ยากเย็นเพียงนี้นะ!
เขาเกรงว่าลูกสามคนแรกของอวี้เฟยเยียนจะเป็นผู้ชาย ดังนั้นนางจึงจะต้องมีคนที่สี่ จนกว่าจะมีลูกสาวถึงจะพอ
ตี้อู่เยียนเอ๋อร์ไปจากเผ่าตันหลายปี เขาเองก็ไม่มีโอกาสได้เห็นอวี้เฟยเยียนเติบโตด้วยโตขึ้นมาด้วยตาของตนเอง หากว่าพวกเขามีลูกสาวละก็ ตี้อู่เจ๋อคิดว่าจะเลี้ยงดูด้วยตนเอง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับขอกำหนดของตี้อู่เจ๋อก็ทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด
‘เด็กเปรตตั้งสี่คนมันมากเกินไป!’
‘แมวน้อยต้องเจ็บตัวถึงสี่ครั้ง!’
ราวกับคาดเดาความคิดของซย่าโหวฉิงเทียนออก ตี้อูเจ๋อจึงยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยว่า
“พวกเจ้าสามารถมีลูกแฝดชายหญิงก็ได้นี่นา! เช่นนี้แล้วคลอดสองครั้งก็เพียงพอ!”
“ลูกฝาแฝด?”
‘เจ้าเด็กเปรตที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการ?’
สุดท้าย ซย่าโหวฉิงเทียนถึงได้พยักหน้ารับปาก
“มีลูกสี่คน! รับรองว่าข้าต้องทำภารกิจให้สำเร็จอย่างแน่นอน!”
ท่าทางมั่นใจเป็นมั่นเป็นเหมาะของเขา ทำให้ตี้อู่เจ๋อดีอกดีใจยิ่งนัก มีลูกมากถือว่ามีวาสนา ครอบครัวใหญ่ที่ครื้นเครงสนุกสานต่างหากถึงจะดี
จวบจนกระทั่งซย่าซย่าโหวฉิงเทียนตอบคำถามระดับขั้นวรยุทธ์ของตนเองนั่นแหละ ตี้อู่เจ๋อถึงกับ หา จนกัดลิ้นตัวเองเลยทีเดียว
“น้องเขย เจ้าคือปราชญ์ราชันย์?” ตี้อู่หรงเจ๋อตกตะลึงงัน คนที่ก่อนหน้านี้สำเร็จขั้นด้วยความเก่งกาจคือเจ้า? ไม่กระมัง! เก่งกาจถึงเพียงนี้เชียว!
ปราชญ์ราชันย์ปรากฏบนแผ่นดินอู๋โยว บนฟากฟ้าเกิดปรากฎการณ์ประหลาด แม้ว่าพวกเขาจะอาศัยอยู่ในป่าลึกก็ตาม ก็ได้พบเห็นปรากฎการณ์เหล่านั้นเช่นกัน
ในตอนนั้นผู้คนต่างก็กำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าปราชญ์ราชันย์ในครั้งนี้คือใครกัน คาดเดาไปคาดเดามาก็ไม่มีใครคาดเดาคำตอบถูกต้องสักคน