ตี้อู่เจ๋อพูดไม่หยุด จนลืมเลือนคนอื่นไปเสียหมด ในสายตาของเขาตอนนี้มีเพียงหลานสาวคนดีเท่านั้น เมื่อเห็นเช่นนั้น ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยจึงร้องประท้วงขึ้นมา
“ท่านปู่ พอน้องสาวกลับมา ท่านปู่ก็ลำเอียงไปถึงไหนต่อไหน!”
“ไปๆ!”
เมื่อตี้อู่เฮ่อเจี๋ยประท้วงขึ้น ตี้อู่เจ๋อจึงหยิบขาไก่ป่าใส่ลงในชามของตี้อู่เฮ่อเจี๋ยกล่าวว่า
“ข้ามีหลานชายหกคน มีหลานสาวกับเขาเพียงแค่คนเดียว ข้าไม่รักนางแล้วจะให้ไปรักใครเล่า!”
กล่าวจบ ตี้อู่เจ๋อก็วางตะเกียบในมือลง แล้วมองไปยังบรรดาหลานชายของตน
“หากพวกเจ้าแน่จริงก็มีลูกสาวสักคนเสียสิ ข้ารับรองเลยว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม! พวกเจ้ามีสักคนสิ!”
คำพูดของตี้อู่เจ๋อเรีกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
สมาชิกในชนเผ่าต่างก็รู้ดี หัวหน้าเผ่าคิดถึงหลานสาวจนแทบจะเป็นบ้า ทุกครั้งที่ลูกสะใภ้ให้กำเนิดลูกหลาน เขาก็ได้แต่ภาวนาว่าให้มีหลานสาวกับเขาสักคนเถอะ! แต่ทุกครั้งความจริงกับความฝันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เด็กที่คลอดออกมาล้วนแต่เป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนท้วนจ้ำม่ำน่ารักเสมอ
ตอนนี้หลานตาของหัวหน้าเผ่ากลับมา ทั้งนางมีนิสัยและรูปร่างหน้าตาที่น่ารักน่าชังเช่นนี้อีกด้วย ทำให้หัวหน้าเผ่ายิ่งรักยิ่งหลงนางเข้าไปใหญ่
“พี่สี่ ทำไมท่านไม่มีลูกสาวสักคนเล่า!”
“ข้า? เจ้าดูอย่างพี่ใหญ่พี่รองสิ แล้วเจ้าว่าข้ามีวาสนาจะได้ลูกสาวกับเขาหรือ?”
ลูกของตี้อู่หรงอี้อายุสองขวบ ลูกของตี้อู่เย่ไหลหกเดือน ล้วนแต่เป็นเด็กผู้ชายทั้งสิ้น ครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้ขาดก้แต่เพียงลูกสาวเท่านั้น!
เมื่อพินิจพิจารณาตี้อู่เย่ไหลอย่างละเอียดแล้ว ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“ไม่มี พี่สี่ ท่านจะต้องได้ลูกชายอย่างแน่นอน!”
“ก็ใช่นะสิ! ดังนั้น หน้าที่สำคัญอันยากลำบากนี้ก็มอบให้เป้นหน้าที่ของเจ้าและน้องหกก็แล้วกัน!” ตี้อู่เย่หานจ้องมองน้องชายทั้งสองคนอย่างเอาใจช่วย
“เจ้าจะต้องสู้ๆนะ!”
“ข้าคือพี่หก!”
ตี้อู่เฮ่ออี้ไม่ชอบใจกับคำเรียกขานนี้เลยสักนิด
“ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่า น้องสาวกลัวมาแล้ว ข้าก็เลื่อนขั้นเป็นพี่หก!”
“ใช่ๆ พี่หก!”
บรรดาพี่ชายที่วัยหนุ่มต่างก็ผลัดกันสร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงสนุกสนาน พี่ชายที่อายุมากที่สุดสามคนเดินถือไหสุราเข้าไปหาซย่าโหวฉิงเทียน
“น้องเขย มา พวกเรามาดื่มกัน!” พี่ชายคนโต ตี้อู่หรงอี้ถือไหสุราเต็มอ้อมแขนทั้งซ้ายขวารวมกว่าสี่ไห วางลงตรงหน้าซย่าโหวฉิงเทียน
“ใช่ น้องเขย! น้องสาวแสนสวยที่น่ารักของพวกเราถูกเจ้าเอาไปครอบครองแล้ว วันนี้เจ้าจึงต้องดื่มเป็นเพื่อนพวกเราสักสามสี่ไหด้วยนะ!”
พี่รองตี้อู่เย่ไหล่วางไหสุราทั้งสี่ลง
“นี่พวกเจ้าจะทำอะไรกัน!” ตี้อู่หรงอี้ที่ตามมาอยู่ด้านหลัง ยิ้มพราวในขณะที่วางไหสุราลง
“น้องเขยอย่าไปฟังพวกเขา! พวกเจ้ากลับมา พี่สามอย่างข้าดีใจยิ่งนัก ข้ามาเพื่อฉลอง! ขอให้เจ้าและน้องสาวรักกันมั่นคง มีลูกมาเป็นพยานรักในเร็ววัน!”
เมื่อพี่ชายคนที่สามเริ่มต้น พี่ชายคนอื่นๆต่างก็ทยอยเดินเข้ามา ยกเว้นเสียแต่ตี้อู่เฮ่ออี้
ลูกสาวลูกเขยหมาดๆเข้าบ้านทั้งที จะไม่ถูกมอมสุราได้ที่ไหนกัน!
มองดูบรรดาพี่ชายทั้งหลายวางมาดเข้าเพื่อจะแข่งดวลสุรากับซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ตี้อู่เฮ่ออี้จึงหลบมายือีกด้านเสียเลย
เขาจะไม่เข้าไปร่วมวงด้วยเด็ดขาด!
วันที่อวี้เฟยเยียนแต่งงานวันนั้น เขาไปร่วมงานด้วยและทันได้เห็นกับตาว่าซย่าโหวฉิงเทียนดื่มสุราราวกับน้ำเปล่าก็ไม่ปาน มอมทุกคนเสียจนเมามาย
‘พวกเขาคิดจะแข่งดื่มกับน้องเขย?’
แต่เขาไม่เด็ดขาด! เห็นท่าทางของคนหนุ่มสาวเหล่านั้นแล้ว บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายก้ได้แต่ยิ้มและหัวเราะออกมาขณะที่มองภาพความสนุกสนานครื้นเครงนั้นอย่างมีความสุข
เมื่อเขามิอาจมอมสุราซย่าโหวฉิงเทียนเหมือนดังที่หนุ่มๆกำลังทำได้ จึงได้แต่ยืนมองความสนุกที่เกิดขึ้นก็ไม่ผิดกติกาอะไร
“พวกเจ้านะ ตั้งใจดื่มเป็นเพื่อนน้องเขยของพวกเจ้าด้วยละ! คนหนุ่มสาวจะไม่ดื่มเหล้าได้อย่างไรกัน!”
ตี้อู่เจ๋อคอยกระตุ้นอยู่ข้างๆ
“’วันนี้เป็นวันดี ดื่มให้เต็มที่! เจ้าใหญ่ รีบไปเอาเหล้าดีมาเร็วเข้า! เจ้ารอง เจ้าสาม พวกเจ้าก็อย่าได้อีดออดเหนียมอาย ดื่มแล้วเมาก็ไม่มีอะไรเสียหาย!”
“พวกเราไม่ได้มีความสุขเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว ทุกคนดื่ม!”
ได้ยินผู้เป็นบิดากล่าวเช่นนี้ ตี้อู่จิ่งซานและน้องชายอีกสองคนสบสายตากัน ทั้งสามคนส่ายหน้าอย่างจนใจ นี่ตาเฒ่าคิดจะมอมหลานสาวและหลานเขยให้ไปเลยหรืออย่างไรกัน!
ก็จริงนะ แต่งงานกับแก้วตาดวงใจของเผ่าตันทั้งที วันนี้จึงต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้!
ในเมื่อตี้อู่เจ๋อเอ่ยปากขนาดนี้แล้ว ลุงอีกสามคนจึงเดินเข้าไปร่วมวงด้วยทันที คนอื่นๆในชนเผ่าจึงค่อยๆเดินเข้าไปห้อมล้อมซย่าโหวฉิงเทียนทันที
“เยียนเอ๋อร์ มานั่งนี่! นั่งกับยายนี่!”
จิ่งเหนียนดึงอวี้เฟยเยียนให้เข้ามานั่งข้างตน
“ให้พวกผู้ชายผู้พวกนั้นดื่มกันไป! แต่เจ้าจะต้องกินให้อิ่มนะ! ที่นี่คือบ้านของเจ้า อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาด!”
“จริงด้วย เยียนเอ๋อร์ กินกับข้าวนี้สิ!”
หญิงวัยกลางคนสามคนแทบจะแข่งกันคีบกับข้าวที่อร่อยที่สุดให้กับอวี้เฟยเยียนเลยทีเดียว การที่เหล่าไท่ไท่ทำเช่นนี้ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้อวี้เฟยเยียนเข้าไปช่วยซย่าโหวฉิงเทียนได้
ซึ่งสำหรับการนี้ อวี้เฟยเยียนถึงกับจนใจ
พวกเขาแต่ละคนจ้องแต่จะมอมเหล้าซย่าโหวฉิงเทียน แต่ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ก็ยังไม่แน่นะสิ!
พวกผู้หญิงก็ดื่มสุราเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสุราที่หมักจากผลไม้ หมักจากข้าว สุราที่พวกผู้ชายดื่ม คือสุราขาวที่มีดีกรีร้อนแรง ได้กลิ่มหอมเข้มข้นของสุรามาแต่ไกล
ซย่าโหวฉิงเทียนที่ถูกห้อมล้อมก็ไม่มีเกรงใจแม้แต่น้อย ชามหนึ่งกระดกดื่มลงไป อึกๆ โดยไม่มีเว้นวรรค เรียกเสียงชื่นชมได้อย่างล้นหลาม
“น้องเขย เหล้าดี! มา พี่ห้าจะดื่มกับเจ้าเอง!”
ใบบรรดาผู้คนเหล่านั้น ซย่าโหวฉิงเทียนมิใช่ผู้ที่อายุน้อยที่สุด ทว่า อวี้เฟยเยียนคือน้องสาวคนเล็กที่สุด ดังนั้น ฉับพลันซย่าโหวฉิงเทียนจึงมีพี่ชายที่แสนจะเอื้อมอาทรเพิ่มมาถึงหกคนในคราวเดียว
“ดื่ม!”
ซย่าโหวฉิงเทียนและตี้อู่เฮ่อเจี๋ยชนชาม ว่าแล้วสุราก็เกลี้ยงไปอีกชามในครั้งเดียว
“เหอะ! คอแข็งเพียงนี้! พี่น้อง หากพวกเราไม้งัดความสามรถที่แท้จริงออกมาแสดงเสียบ้าง วันนี้คงจะต้องถูกน้องเขยหัวเราะเยาะเป็นแน่!”
“พี่ใหญ่พูดถูกต้อง พวกเราจะน้อยหน้ากว่าไม่ได้! น้องเขย ข้าคือพี่สาม มาๆ พวกเรามาดื่มกัน!”
ฝั่งพวกผู้ชายก็สนุกสนาครื้นเครง ทางด้นฝ่ายหญิงก็ครึกครื้นไม่แพ้กัน
เด็กๆตัวน้อยไม่เคยพบคนภายนอกมาก่อน ครานี้เมื่อได้พบอวี้เฟยเยียนที่รูปร่างหน้าตางดงามเข้า แต่ละคนต่างก็พากันมองสำรวจนางอย่างถ้วนทั่วไม่วางตา
“ท่านแม่ นางช่างงดงามจริงเลย!”
“จริงด้วย! สวยกว่าพี่เสี่ยวฮวาอีกนะคะ!”
“ต่อไปนางจะอยู่กับเราที่นี่หรือคะ?”
เสียงกระซิบกระซาบยิงคำถามรั่วเร็วเข้ามาไม่หยุด อวี้เฟยเยียนคือราชาอาวุโส แม้แต่เสียงลมพัดใบไม้ขยับนางยังได้ยิน แน่นอนว่าย่อมต้องได้ยินเสียงเด็กน้อยเหล่านั้นอยู่แล้ว
สาวน้อยคนหนึ่งอาจหาญเดินเข้าไปตรงหน้าอวี้เฟยเยียน ดวงตากลมโตของเด็กสาวตัวน้อยมองดูอวี้เฟยเยียน
“พี่สาว ท่านเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ใช่หรือไม่คะ?” คำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
หญิงสาวชาวตันขวาแต่ละคนล้วนแต่มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามหยาดฟ้ามาดิน ท่วงท่าสะโอดสะองนุ่มนวล ตรงกันข้ามหากเป็นชายก็จะมีรูปร่างพอประมาณ สะอาดสะอ้าน คล้ายบัณฑิตผู้เปี่ยมด้วยความรู้ ส่วนเรื่องของหน้านั้นก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ
อวี้เฟยเยียนเมื่ออยู่ท่ามกลางหญิงสาวหน้าตางดงามมากมาย แลดูราวกับดวงจันทรืที่สุกสกาวสว่างไสวสะกดสายตาเป็นพิเศษ
“ข้าไม่ใช่นางฟ้า เจ้าต่างหากที่เป็นนางฟ้าน้อย!”
อวี้เฟยเยียนยิ้ม นางคว้าเถาวัลย์สีเขียวสดพวงหนึ่งขึ้นมาถักทอด้วยมืออยู่สักครู่ ไม่นานก็ได้ออกมาเป็นตะกร้าสานใบน้อยหนึ่งใบที่ฝีมือประณีตยิ่งนัก อวี้เฟยเยียนเด็ดดอกไม้ใส่ไว้ภายในตะกร้าบางส่วน แล้วส่งให้กับเด็กหญิงตัวน้อย
“นางฟ้าน้อย นี่คือตะกร้าน้อยของเจ้านะ!” อวี้เฟยเยียนท่าทางใจดีเป็นมิตร เสียงของนางอ่อนหวานนุ่มนวล จึงทำให้เด็กๆชื่นชอบได้ไม่ยาก
“ขอบคุณค่ะพี่สาว!” เด็กสาวตัวน้อยไม่มีทางปฏิเสธของสวยๆงามๆได้เลย นางหิ้วตะกร้าสานใบน้อย กระโดดดลดเต้นด้วยความดีใจกลับไปหามารดา
“ท่านแม่คะ พี่สาวบอกว่าข้าคือนางฟ้าน้อย!” เมื่อมีคนนำร่อง เด็กๆที่เหลือจึงกล้าที่จะวิ่งเข้าไปห้อมล้อมอวี้เฟยเยียน
“พี่สาว ข้าก็อยากได้!”
“พี่สาวข้าด้วย!”
“พี่สาวคนสวย ข้าอยากได้ผีเสื้อสักตัว!”