บทที่ 254 คุณชายสามเย่โหดเหี้ยมมาก (1)
คนคนนี้ช่างน่าแปลกจริงๆ
แต่ ดูจากปฏิกิริยาของเขาแล้ว เงินลั่วฉิงแน่ใจแล้วว่าเธอ ไม่ได้รั่วไหลออกมามากเท่าไรนัก ดังนั้นเมื่อกี้ที่เธอพูดความ จริง เย่ซือเฉินจึงไม่ได้เชื่อเลย
ถ้าอย่างนั้นเขารู้เรื่องของถังจื่อโม่ได้ยังไง ?
แน่นอน ว่าตอนนี้เป็นลิ่วฉิงไม่กล้าถามเยอะ เพราะบางที พูดยิ่งเยอะยิ่งผิดพลาดเยอะ
แต่ มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ที่กระทบกระเทือนเขาให้ กลายเป็นแบบนี้ ?
น่าจะไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนที่เธอทำกับเขาหลังเมา
เหล้าทั้งหมดหรอกนะ ?
เวลานี้เงินลั่วฉิงกลับหวังว่ายังมีเรื่องอื่นอีก เพราะอย่าง น้อยจะได้เบี่ยงเบนความสนใจของเขาไปที่อื่นได้ หรือเขา สามารถลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปได้
แต่ ความจริงได้ประจักษ์ให้เห็นแล้ว ความคิดของ เงินลั่วนิงสําหรับเรื่องบางเรื่องก็ไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ !
สายตาของเย่ซือเฉินหรี่จ้องมองไปทีเธอ เห็นแววตาที่ไร้ เดียงสาของเธอ โมโหจนกัดฟันแน่น และเวลาต่อมา เขาก้มลง จูบเธออย่างดุเดือดอีกครั้ง
เวลานี้เขาไม่อยากพูดคุยกับเธอ เขาแค่อยากทำสิ่งที่เขา อยากทําเท่านั้น
ถังจื่อโม่แล้วยังไง ? ถังไป๋เขียนแล้วยังไง ? ตอนนี้ คนที่อยู่ข้างกายเธอ เวลานี้ เขาคือสามีที่ถูกต้อง ตามกฎหมายของเธอ คนที่สามารถครอบครองเธอได้ก็มีแค่ เขาคนเดียว
แค่จุดนี้ ก็ทำให้ชนะทุกสิ่งอย่างแล้ว ไม่ใช่เหรอ ? เมื่อนึกถึงจุดนี้ สายตาของเปซื้อเฉินที่โกรธก็ค่อยๆคลาย
ลง จูบของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลง
หยุด หยุด”เป็นลั่วฉิงตัวแข็งเล็กน้อย การจูบแบบนี้ของ เขาทำให้เธอตั้งสติไม่ได้ เรื่องเมื่อคืนเป็นมันอุบัติเหตุ และใน เมื่อมันเป็นอุบัติเหตุ ก็ไม่สมควรที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ดัง นั้น จำเป็นต้องหยุดเดี๋ยวนี้
ส่วนเปซือเฉินก็ยอมเชื่อฟังและหยุดลงทันที แต่เขาไม่ได้ พูดอะไร มีแต่สายตาคู่นั้นจ้องมองไป โดยมองเธอด้วยสายตา แบบมีอะไรก็รีบพูดเพาะเขามีเรื่องด่วนที่ต้องทำ
เมื่อต้องสบตาแบบนี้ของเขา ตอนแรกเงิน วฉิงก็มีความ ละอายใจอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งทำให้ความมั่นใจหดหายไปอีก
“นี่มันเป็นห้องของฉัน คุณควรกลับไปที่ห้องของ คุณ…..งแม้ว่าจะไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่ แต่เงินลั่วฉิงก็ แสดงความต้องการของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน และชัดเจน มากด้วย
เมื่อคืนเป็นเพราะว่าเธอเมา ดังนั้นจึงมีเรื่องที่ควบคุมไม่ ได้เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เธอมีสติอยู่
ตอนที่เงินลั่วฉิงพูดประโยคนี้นั้น สายตาจ้องมองไปที่ เย่ อเฉินตลอด สังเกตความเปลี่ยนแปลงของสีหน้าเขา เธอ ค้นพบว่า เมื่อเธอพูดประโยคนี้จบสีหน้าของเย่ซือเฉินก็เปลี่ยน ไปทันที……. แต่สีหน้าของ เอเฉินไม่ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชา ไม่ได้ โกรธ แค่สีหน้าที่มองเธอแปลกประหลาดเล็กน้อย มันเป็นการ มองที่แปลกทำให้รู้สึกใจไม่ดีเลย ริมฝีปากของเขาค่อยๆขยับ
ค่อยๆพูดออกมา : “เหตุผล”
“อ๋ ? “เมื่อเป็นลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเขา ทำให้ตั้งสติตัว เองไม่ได้ไปสักพัก
เหตุผล ? เหตุผลอะไร ?
ให้เหตุผลผมข้อหนึ่ง”เปซื้อเฉินมีความอดทนมากใน ขณะนี้ จึงพูดซ้ำอีกครั้งสำหรับความหมายที่เขาต้องการสื่อ สายตาของเงินลั่วฉิงกะพริบเล็กน้อย มีความรู้สึกว่าปฏิ
กิริยาของเยซือเฉินมีความแปลกประหลาดเล็กน้อย ไม่ค่อย ปรกติเท่าไร
เรื่องแบบนี้ทําไมต้องมีเหตุผลด้วย ?
แต่ ท่าทีของเย่ซือเฉินแน่วแน่มากตอนนี้ ทำให้เป็นลั่วนิ่งรู้ ดีว่าถ้าตัวเองไม่พูดเหตุผลออกมาเขาจะไม่ยอมหยุดแน่ๆ
“เราได้ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันหมายถึงฉันได้ระบุไว้ ในสัญญาแต่งงานแล้ว ในสัญญาไม่รวมถึงหน้าที่ฉันท์สามี ภรรยา ไม่สามารถบังคับฝ่ายได้ฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่ฉันท์สามี ภรรยากัน”เหตุผลที่เป็นลั่วฉิงให้ได้ในตอนนี้ก็มีแค่ข้อนี้ข้อ เดียว แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อขึ้นทำให้เธอมีความละอายใจไม่ น้อย ดังนั้นน้ำเสียงที่พูดออกมาจึงเบาเล็กน้อย
เงิน วฉิงมองไปที่เย่ซือเฉิน ในใจหวั่นไหวเล็กน้อย เนื่องจากมีเรื่องเมื่อคืนเกิดขึ้น ทำให้เวลานี้เป็นลั่วฉิงพูดอะไรก็ ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร
อีกอย่าง ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้สถานการณ์เมื่อคืนเป็นยัง ไงกันแน่
เพราะเธอจำอะไรไม่ได้จริงๆ แต่เธอก็รู้ว่าได้มีเรื่องบาง เรื่องเกิดขึ้นแล้ว แต่ เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเปซือเฉิน เธอดื่มเหล้าเมา แต่
เย่ซือเฉินไม่ได้เมา เย่ซือเฉินมีสติอยู่
ดังนั้นเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
เย่ซือเฉินแอบกลืนน้ำลายลงคอ แอบสังเกตดูเย่ซือเฉิน
“อืม ดีมาก”เย่ซือเฉินพยักหน้าช้าๆ สีหน้าไม่ได้มีอาการ ไม่พอใจ เสมือนเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
เงินลั่วฉิงแอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คาดไม่ถึง ว่าครั้งนี้ เขาจะพูดง่ายขนาดนี้
แค่นี้ก็ดีแล้ว แค่นี้ก็ดีมากแล้ว !!
แค่ ในเวลาต่อมา เย่ซือเฉินก้มลงจูบเธออีกครั้ง
“เย่ซือเฉิน คุณทําอะไร ? “สีหน้าของเงินลั่วนิ่งเปลี่ยนไป ทันที และถามออกมาอย่างตกใจ
เมื่อกี้เขายังพูดกันดีๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ? แล้วตอนนี้เขาจะทําอะไร ?
“ คุณผู้หญิงเย่ สัญญาของเราได้เขียนไว้ระบุอย่าง ชัดเจน แต่เมื่อคืนได้มีการฝ่าฝืนกฎแล้ว และคนที่ฝ่ากฎคน แรกก็คือคุณ ไม่ใช่ผม ดังนั้น ตอนนี้คุณไม่มีสิทธิ์พูดอะไร เย่ซือเฉินพูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีความละอาย ใจเลยแม้แต่น้อย
เขากำลังหลอกล่อเธอทีละขั้นๆเพื่อให้เธอก้าวเข้าไปกับ ดักที่เขาวางไว้ ดังนั้นเวลานี้เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะมีความ ละอายใจ
เวิน วฉิง : ..….…….
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอ ? ฉันเมาแล้ว จำอะไรไม่ได้ เลย”สายตาของเงินลั่วฉิงกะพริบเล็กน้อย คิ้วขมวดเข้าหากัน สีหน้าที่แสดงออกมีความไร้เดียงสาและความกลัดกลุ้มปะปน
อยู่
เวลานี้เงินลั่วฉิงต้องการผลัดความรับผิดชอบ ไม่ยอมรับ
มัน !
“ต้องการให้ผมช่วยฟื้นความทรงจำให้คุณไหม ? “ทำไม เย่ซือเฉินจะเดาความคิดของเธอไม่ออก ดูท่าทีของเธอแล้ว ตลกเล็กน้อย เขาเคยคิดปฏิกิริยาของเธอไว้หลายแบบ แต่สิ่ง ที่ไม่เคยคาดคิดเลยก็คือเธอจะไม่ยอมรับ
เดิมทีเขาคิดว่าด้วยนิสัยใจคอของเธอแล้ว เขาต้องใช้วิธี ที่แข็งกระด้าง และรุนแรง
แต่ ถึงแม้ว่าเธอจะเก่งขนาดนั้น ก็เป็นเพียงแค่เด็กสาว อายุยี่สิบห้าปีคนหนึ่งเท่านั้นเอง ดังนั้นสำหรับเรื่องนี้ เธอจึง เลือกวิธีที่เด็กผู้หญิงทั่วไปจะทำกัน
เขาชอบท่าทีตอนนี้ของเธอ และชอบวิธีแบบนี้ของเธอ มาก
เขาคิด ถ้าเป็นแบบนี้ มันจะยิ่งมีความหมายมากขึ้น !!
“ฉันรู้สึกว่า เรื่องแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายบังคับผู้ หญิงมากกว่า ผู้หญิงจะไปบังคับผู้ชายได้อย่างไรกัน คุณว่า ไหม คุณชายเย่ ? “ถึงแม้เงินลั่วฉิงจะรู้ว่าสภาพของเธอไม่ เหมือนคนอื่น แต่เธอรู้ตัวดีด้วยฝีมือของเธอแล้วไม่มีอะไรที่ เป็นไปไม่ได้ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ เธอยังคิดมาตลอดว่าตัวเธอเอง ที่เป็นคนขืนใจเยซีอเนิน
แต่เวลานี้เขาตัดสินใจแล้วไม่ว่าเป็นตายร้ายดียังไงเธอก็ จะไม่ยอมรับผิดชอบเด็ดขาด ถึงแม้ว่าเธอจะทำจริง เธอก็จะ ไม่ยอมรับมัน เพราะว่าเธอรู้ดีว่าถ้าตอนนี้เธอยอมรับความจริง แล้ว จะไม่เป็นผลดีสําหรับเธอ
ตอนที่เป็นลั่วฉิงพูดอยู่นั้น ยังจงใจแสดงความอ่อนแอ ออกมา ยกแขนขึ้นและส่ายไปมาต่อหน้าเขา: “คุณดูทั้งแขน และขาของฉันผอมแห้งอย่างนี้ ? ไม่มีแรงอะไร แม้แต่ แมลงสาบยังตีไม่ตายเลย ไม่เหมือนคุณแข็งแกร่งขนาดนี้”
ความหมายของเงินลั่วฉิงแสดงให้เห็นอย่างกระจ่างแล้ว ว่า เธออ่อนแอไม่มีแรง เขาแข็งแกร่งและมีแรง ดังนั้นเป็นไปไม่ ได้ที่เป็นเธอปืนใจเขา นี่คือความจริงพื้นฐานที่สุดแล้ว
ขณะนี้ เธอเหมือนต้องการจะโยนความผิดออกไป
เย่ซือเฉินมองไปที่แขนของเธอ มันผอมเรียวจริง
แต่ อ่อนแอ ? แม้แต่แมลงสาบก็ตีไม่ตาย ? คำพูดของเธอ ขณะนี้ช่างขัดกับความจริงเหลือเกิน ?