บทที่379 คุณชายสามเย่ ภรรยาของคุณกำลังจะไปแล้ว (7)
เขารู้สึกว่าท่านประธานสมควรจะเป็นโสดไปตลอดชีวิต หาภรรยาไม่ได้อีกเลย
แน่นอนว่าเลขาหลิวได้แต่แอบคิดเรื่องพวกนี้อยู่ในใจไม่กล้าพูดออกไป
“เลขาหลิว คุณกลับมาแล้วเหรอ?” เลขาหรวนที่เดินผ่านมาพอดีเห็นเลขาหลิวยืนนิ่งอยู่หน้าห้องทำงานของท่านประธานก็รู้สึกแปลกใจ
“ท่านประธานไม่ได้บอกว่าให้คุณกลับมาหนึ่งเดือนหลังจากนี้เหรอ?” เลขาหรวนจำได้ว่าเลขาหลิวพูดไว้ตอนที่จะไปว่าท่านประธานไม่ให้เลขาหลิวกลับมาในช่วงหนึ่งเดือนนี้ อย่างไรก็ตามในตอนนั้นทุกคนคิดว่าเลขาหลิวล้อเล่น ดังนั้นตอนนี้เลขาหรวนจึงพูดเพื่อหยอกเขา
เมื่อเลขาหลิวได้ยินที่เลขาหรวนพูดแล้วก็นิ่งไป อันที่จริงเขาก็คิดมาตลอดว่าเรื่องนี้มันแปลก ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน จู่ ๆ ท่านประธานให้เขาเดินทางไปทำงาน และยังบอกว่าภายในหนึ่งเดือนห้ามกลับเมือง A ท่านประธานยังบอกอีกว่าต่อให้ทำเรื่องทางนั้นเสร็จแล้ว แล้วทางนี้มีปัญหา เขาก็ห้ามกลับมาที่เมือง A
แต่ว่าครั้งนี้ท่านประธานมีเรื่องเร่งด่วนให้เขารีบกลับมา และเขาก็เข้าใจสถานการณ์ทางประเทศ C อยู่บ้าง นั่นเป็นเรื่องของชีวิตคน ถ้าไม่อย่างนั้นท่านประธานไม่มีทางให้เขากลับมาแน่
เพียงแต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าทำไมท่านประธานถึงย้ายเขาไปทำงานนอกสถานที่ อีกทั้งยังย้ายเขาไปยังพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย และเขายิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมถึงจะห้ามไม่ให้เขากลับมาภายในหนึ่งเดือนนี้
ในตอนนั้นที่ท่านประธานออกคำสั่งสีหน้าเขาดูน่ากลัวไม่น้อย เขาจึงไม่กล้าถาม เขารู้สึกว่าเป็นไปได้ว่าเขาจะทำอะไรผิดจนทำให้ท่านประธานโกรธ
เลขาหลิวไม่ได้ตอบคำถามของเลขาหรานและเพียงแค่มองดูสัญญาที่อยู่ในมือ แล้วถอนหายใจอีกรอบ แล้วมองไปที่ประตูห้องทำงานแล้วจึงเดินจากไป
ในตอนนี้ ประเทศ C
ก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินได้พูดแล้วว่าหากไม่ได้เห็นคนของเขากลับมาอย่างปลอดภัยจะไม่มีใครได้ออกไปจากสถานที่นี้ ดังนั้นฝั่งตรงข้ามที่อยู่ในนี้ทุกคนจึงรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
พวกเขากลัวว่าถ้าปล่อยคนแล้วถึงเวลาเย่ซือเฉินจะไม่ปล่อยพวกเขาไป พวกเขากลัวฝีมือของเย่ซือเฉิน
ดังนั้นเมื่อครู่เพราะมีใครบางคนลนลานและตื่นตระหนกจนเกินไป จึงได้เกิดเหตุการณ์ทำปืนในมือลั่น แต่ว่าโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถูกเย่ซือเฉินเข้าระงับเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากระงับเหตุการณ์ได้แล้ว เย่ซือเฉินคิดถึงเรื่องที่เลขาหลิวโทรหาเขาเมื่อครู่ และคิดถึงเวินลั่วฉิงที่ยังอยู่ในห้องทำงาน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายในทันใด
จากนั้นเขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหาเบอร์ของเวินลั่วฉิงและโทรออก
เวินลั่วฉิงในตอนนี้กำลังนั่งรอเงียบ ๆ อยู่ในห้องทำงาน ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เวินลั่วฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วพบว่าเย่ซือเฉินโทรเข้ามา เธอกะพริบตาอย่างรวดเร็ว ทำไมเขาถึงโทรมาอีก?
เขายังมีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอ?
เวินลั่วฉิงจ้องดูโทรศัพท์และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครู่เลขาหลิวก็ออกไปทำเรื่องหย่าแล้ว จู่ ๆ เขาโทรเข้ามาหาเธอมีเรื่องอะไร?
เวินลั่วฉิงคิดและตัดสินใจรับสาย
เพียงแต่ในตอนที่เธอกำลังจะกดรับ เสียงเรียกเข้าก็หยุดลง
เวินลั่วฉิงมองดูโทรศัพท์และกะพริบตา ทำไมถึงวางสายไป? โทรผิดเหรอ? หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เธอควรจะต้องโทรกลับไหม?
เวินลั่วฉิงคิดเธอคงจะต้องโทรกลับไปถามเสียหน่อย เผื่อว่าจะเกิดเรื่องอะไรกับเขา
เพียงแค่ยังไม่ทันที่เวินลั่วฉิงนะโทรออก ประตูของห้องทำงานก็ถูกเปิดออก
เลาขาหลิวเดินเข้ามาพร้อมกับทนายอีกคนหนึ่ง
“คุณนายครับ ท่านนี้คือทนายหมิง” เลขาหลิวแนะนำในทันที
“สวัสดีค่ะ” เวินลั่วฉิงกล่าวทักทายด้วยความสุภาพ
“สวัสดีครับ ขอถามว่าคุณได้เอาเอกสารรับรองมาด้วยหรือเปล่า?” ทนายความมองเวินลั่วฉิงด้วยความเกรงใจ เพียงแต่แอบมีความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยว่าท่านประธานของพวกเขาแต่งงานด้วยเป็นผู้หญิงแบบนี้
อย่างไรก็ตามมันคือการแต่งงานด้วยเงื่อนไข เรื่องอื่นนั้นก็ไม่สำคัญ
“เอามาค่ะ” เวินลั่วฉิงรีบหยิบเอกสารที่จำเป็นออกมารวมทั้งทะเบียนสมรสของเธอกับเย่ซือเฉินด้วย
เมื่อเห็นทะเบียนสมรส ดวงตาของเวินลั่วฉิงก็เป็นประกาย
ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้หยิบมันออกมาเพราะเข้าใจว่าเลขาหลิวจะใช้ช่องทางพิเศษหรืออาจจะไม่ต้องใช้ของพวกนี้ ในตอนที่เย่ซือเฉินลากเธอไปจดทะเบียนนั้นก็ไม่ได้ต้องใช้ทะเบียนบ้านหรืออะไรพวกนี้
เอกสารที่ต้องใช้มากมายเวินลั่วฉิงก็พกติดมาด้วย ตัวอย่างเช่นหนังสือเดินทางอะไรแบบนั้นเธอก็เอามาด้วย แบบนี้ วันนี้เธอจะได้รีบไปสนามบินและไม่ต้องกลับไปเอาที่บ้านอีกรอบ
“ขอถามว่าคุณรู้ไหมว่าเอกสารการแต่งงานของท่านประธานอยู่ที่ไหน?” ทนายหมิง มองไปที่เอกสารของเวินลั่วฉิงและถามขึ้น
เวินลั่วฉิงนิ่งไปและคิดขึ้นได้ในตอนที่เดินทางไปประเทศ R นั้น เย่ซือเฉินเก็บหนังสือรับรองการแต่งงานไว้กับตัว ครั้งนี้เขาเดินทางไปต่างประเทศ คงจะไม่ได้เอาไปด้วยหรอกนะ?
“คงจะไม่ได้ต้องใช้เอกสารรับรองการแต่งงานของเขาหรอกใช่ไหมคะ? ไม่ได้ต้องการสัญญาหรอกเหรอคะ?” เวินลั่วฉิงคิดว่าหากเย่ซือเฉินเอาเอกสารไปด้วย งั้นเธอจะไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศไปหาเย่ซือเฉินเพื่อขอหนังสือรับรองของเขาหรอกนะ?
ตอนนี้เธอคงทำไม่ทันแล้ว! !
“ท่านประธานไม่ได้บอกคุณเหรอ?” ทนายหมิง นิ่งไปและจู่ ๆ ก็พูดออกมา
เวินลั่วฉิงนิ่งไปจากนั้นก็ส่ายหน้า เธอรู้เพียงว่าครั้งก่อนเย่ซือเฉินนำเอกสารติดตัวไปด้วย ไม่รู้ว่าครั้งนี้นำติดตัวไปด้วยไหม แต่เวินลั่วฉิงไม่อยากจะเสียเวลาไปหา
เธอจะต้องรีบไปขึ้นเครื่องบิน เธอไม่มีเวลาเยอะขนาดนั้น
เดิมทีเพียงสามีภรรยาทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องก็ไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส
คำพูดของทนายหมิง ทำให้เวินลั่วฉิงคิดขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ที่เย่ซือเฉินโทรหาเธอ จากนั้นก็วางสายไป หรือว่าที่เขาโทรหาเธอก่อนหน้านี้ก็เพื่อจะคุยกับเธอเรื่องนี้ จากนั้นจึงรู้สึกว่ามันไม่จำเป็น จึงได้วางสายไป?
แต่ว่าที่ทนายหมิง ถามกับที่เวินลั่วฉิงคิดนั้นไม่ค่อยจะเหมือนกัน ทนายหมิง เห็นเธอส่ายหน้าและกะพริบตาเล็กน้อย เอกสารรับรองการแต่งงานของพวกนี้นั้นไม่ได้สำคัญอะไรนัก เธอกับท่านประธานเป็นสามีภรรยากัน ท่านประธานจะไม่คุยเรื่องพวกนี้กับเธอเลยเหรอ?
ดูแล้ว ท่านประธานคงจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอมากมายและไม่เชื่อในตัวเธอ
ทนายหมิง คิดถึงจุดนี้และไม่ถามอะไรอีก อันที่จริงไม่มีเอกสารจากท่านประธานก็สามารถทำได้ หรือไม่มีเอกสารจากเธอก็ทำได้เหมือนกัน เพียงแต่มันจะยุ่งยากอยู่บ้างเท่านั้น เขาเพียงแค่จงใจหาข้ออ้างเพื่อมาดู
เขาแค่อยากจะดูว่าผู้หญิงที่ท่านประธานแต่งงานด้วยเป็นแบบไหนกันแน่
แต่ว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ท่านประธานจะแต่งงานกับผู้หญิงขี้เหร่คนนี้ ดีที่เป็นแค่การแต่งงานแบบมีเงื่อนไข ถ้าหากต้องอยู่ด้วยตลอดชีวิต ชีวิตของท่านประธานคงจะหดหู่น่าดู
อย่างไรก็ตามในเมื่อเป็นทนายความผู้ทรงคุณวุฒิ เขาไม่อาจจะพูดคำพูดพวกนี้ออกไปได้
ถึงแม้ว่าทนายหมิง จะไม่พูดอะไรแต่เวินลั่วฉิงกลับเข้าใจดี จากความสามารถของเวินลั่วฉินก็สามารถจะเดาความคิดทั้งหมดของเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ว่าเวินลั่วฉิงก็ไม่ได้พูดอะไร นั่นไม่จำเป็น เธอไม่เคยปล่อยให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมามีผลกระทบต่อเธอได้