บทที่397 บิดาผู้ให้กำเนิดของเด็ก(7)
อันที่จริงความหวังในเรื่องนี้ก็ค่อนข้างน้อยมาก แต่เมื่อพบกับความบังเอิญเช่นนี้ ภายในใจของเวินลั่วฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงรู้ว่าแม่ของเธอนั้นอยากจะตามหาญาติของตัวเองมาโดยตลอด
“อายุ60ปี ตามที่เขารับสารภาพมาเอง และเขาเริ่มค้ามนุษย์ตั้งแต่เมื่อ40กว่าปีก่อนแล้ว”ข้อความของคนคนนั้นยังคงตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และเจาะจงมาก
“ได้ ฉันไป”ดวงตาของเวินลั่วฉิงประกาย หากเป็นเช่นนี้ ไม่แน่อาจจะค้นพบเบาะแสบางอย่างเล็กน้อยก็ได้
ตราบเท่าที่เธอสามารถหาเบาะแสได้ แล้วเธอก็ไปตามสืบเพิ่มอีกนิด ไม่แน่เธออาจจะได้พบญาติของแม่เธอก็ได้
เวินลั่วฉิงรู้ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่แม่หวังไว้ก่อนเสียชีวิต และเธอในฐานะลูกสาว เรื่องบางอย่างเธอจำเป็นต้องไปทำ
“ดีจังเลยค่ะ ขอบคุณคุณถังมากนะคะ รบกวนถามหน่อยค่ะ ตอนนี้คุณถังอยู่ที่ไหนคะ?แล้วคุณถังจะเดินทางมาอย่างไร?ทางเราจะได้เตรียมคนไปรับคุณ”คนนั้นกระตือรือร้นมาก และจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆอย่างรอบคอบ
“ไม่เป็นไร คุณส่งที่อยู่ที่ชัดเจนมาให้ฉัน ฉันไปเอง”เวินลั่วฉิงเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบรบกวนคนอื่น และยิ่งไปกว่านั้นคือตอนนี้เธอยังไม่ได้ตัดสินใจกำหนดเวลาที่จะไป
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณถังถึงแล้วติดต่อเรามานะคะ แล้วเราจะส่งคนไปรับคุณถัง เบื้องบนให้ความสำคัญกับคดีนี้มาก และผู้นำของเราก็จริงจังมากเช่นกัน และเมื่อถึงเวลาผู้นำของเราจะเป็นคนไปรับคุณถังด้วยตัวเขาเองค่ะ”อีกฝ่ายเป็นคนที่ชอบพูดมาก และพูดมากอย่างเห็นได้ชัด
และอีกฝ่ายก็ย้ำว่าเป็นผู้นำของพวกเขาโดยเฉพาะ!
เวินลั่วฉิงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก และเธอก็ไม่ได้คิดมาก เธอให้ความสนใจกับเด็กสองคนที่หลับสนิทอยู่ข้างๆมากกว่า
สามวันต่อมา ถังจื่อโม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และตอนนี้ถังจื่อโม่กำลังพักอยู่ในโรงพยาบาลเอกชน
แม้ว่าจะเป็นโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก ทั้งหมดมีแค่สองชั้น อีกอย่าง ทั้งโรงพยาบาลแห่งนี้ นอกจากจื่อโม่แล้วไม่มีผู้ป่วยคนอื่น ๆอีกเลย และช่วงนี้เวลาผ่านมานี้นอกจากคนของพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าออกที่โรงพยาบาลเลย
หมอเองก็แค่เดินมาดูอาการของจื่อโม่ทุกวันเท่านั้น ซึ่งหมอคนนี้เป็นเพื่อนของรุ่นพี่ และถือว่าเป็นหมอส่วนตัวของรุ่นพี่เช่นกัน
ดังนั้น ช่วงเวลานี้เวินลั่วฉิงก็อยู่ที่นี่ทุกวัน และทุกอย่างที่นี่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี อีกทั้งไม่มีคนอื่น ๆเลยนอกจากพวกเขา มันไม่ต่างจากอยู่บ้านเลย
แม้ว่าถังจื่อโม่จะฟื้นฟูเป็นปกติแล้ว แต่กลับไม่ได้ยื่นคำร้องออกจากโรงพยาบาลเลย เพราะว่าไม่จำเป็น เวินลั่วฉิงคอยสังเกตว่า พวกเขาน่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดเมื่ออยู่ในประเทศO
และตอนนี้เธอต้องกลับไปที่เมืองA เธอต้องการหาเบาะแสบางอย่างที่แม่เธอถูกค้ามนุษย์ในเมื่อก่อน
และคนทางด้านนั้นต้องการให้เธอกลับไปช่วยเหลือพวกเขาไขคดี ดังนั้นเวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่
แม้ว่าตอนนี้ถังจื่อโม่จะฟื้นฟูหมดแล้ว แต่เมื่อเวินลั่วฉิงนึกถึงเธอต้องจากเด็กสองคนนี้ไปอีกแล้ว ภายในใจของเธอก็รู้สึกเศร้ามาก
และในเวลานี้เอง เยว่หงหลิงก็เคาะประตู และเมื่อเธอเห็นเวินลั่วฉิงกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ ก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้อง
“ทำไมฉันสังเกตเห็น ครั้งนี้คุณกลับมาแล้วมักจะเหม่อลอยบ่อยมาก คงไม่ใช่กำลังคิดถึงใครอยู่ใช่หรือเปล่า?”เยว่หงหลินมองไปที่เธอ และพูดติดตลกล้อเล่นกับเธอ
ตอนที่เยว่หงหลิงพูดคำนี้ออกมา ดวงตาของเธอก็กะพริบเบาๆ ความรู้สึกที่ถังไป๋เชียนมีให้เวินลั่วฉิงนั้น เธอรู้ดีที่สุด เพียงแต่ว่าเวินลั่วฉิงนั้นไม่เคยรู้เลย
เวินลั่วฉิง:“……”
เวินลั่วฉิงมองไปที่เธอ ด้วยใบหน้าที่งุนงง
เยว่หงหลิงส่ายหัว แล้วหัวเราะขึ้นกะทันหัน หญิงสาวคนนี้มันปัญญาอ่อนทางด้านความรัก ดังนั้น ที่เธอเหม่อลอยไม่ใช่เรื่องของผู้ชายอย่างแน่นอน
เยว่หงหลิงครุ่นคิด หากว่ามีผู้ชายคนหนึ่งสามารถทำให้เวินลั่วฉิงคิดถึงและกังวลขนาดนี้ ตามนิสัยใจคอของผู้หญิงคนนี้แล้วเธอจะไม่นั่งเหม่อลอยอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน เธออาจจะบินตรงไปอยู่เคียงข้างผู้ชายคนนั้นโดยตรงตั้งนานแล้ว ดีกว่าให้เธอมานั่งคิดอยู่ตรงนี้
เวินลั่วฉิงมีความเชื่องช้าทางด้านความรัก นั้นเป็นเพราะว่าเวินลั่วฉิงยึดมั่นใจของเธอมาโดยตลอด ไม่ให้ตัวเองไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของความรัก ไม่เกี่ยวข้อง ไม่คิด ดังนั้นเธอก็จะไม่ตกหลุมรัก
สิ่งที่เรียกว่าความเฉื่อยชาทางความรัก คือเธอไม่เคยปล่อยใจของตัวเอง ไม่ให้ตัวเองตกหลุมรัก ไม่ให้ตัวเองไปสัมผัสเรื่องของความรัก และไม่ไปคิดมาก ซึ่งก็คือปิดกั้นและปฏิเสธความรักของผู้อื่นที่มีต่อเธอ
แต่หากว่าเธอตกหลุมรักขึ้นมา เวินลั่วฉิงก็จะไม่ใช่เวินลั่วฉิงในตอนนี้อย่างแน่นอน
ตามIQที่สูงของเวินลั่วฉิงแล้ว หากเธอตกหลุมรักขึ้นมาจริง ๆ เธออาจจะบ้าคลั่งยิ่งกว่าคนอื่น ๆอีก
เยว่หงหลิงครุ่นคิด หากว่าเวินลั่วฉิงได้ตกหลุมรักขึ้นมาจริง ๆ เธอจะรักเป็นมากกว่าคนอื่น ๆอย่างแน่นอน
ไม่รู้ว่าผู้ชายคนไหนจะเป็นคนโชคดีคนนั้น ที่ถูกเวินลั่วฉิงรักในอนาคต?
ถังไป๋เชียนน่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะหลายปีที่ผ่านมานี้ เวินลั่วฉิงไม่เคยมีความรักระหว่างชายหญิงกับถังไป๋เชียนเลย
หลายปีที่ผ่านมานี้ เวินลั่วฉิงคิดกับถังไป๋เชียนเป็นญาติคนหนึ่งของเธอแล้ว เวลายิ่งนานเท่าไหร่ ความรู้สึกที่เป็นญาติแบบนี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นความรักระหว่างชายหญิงก็จะน้อยลง
ถังไป๋เชียนรักเวินลั่วฉิง แต่เขากลับไม่เคยบอกเวินลั่วฉิงอย่างชัดเจน ว่าเขารักเธอ เพราะเขากลัวว่าจะถูกเวินลั่วฉิงปฏิเสธ ถ้าเป็นเช่นนี้ ระหว่างพวกเขาสองคนก็จะยิ่งเป็นไปไม่ได้
จู่ ๆเยว่หงหลิงก็นึกถึงเย่ซือเฉิน ซึ่งก็คือเย่ซือเฉินคนที่เคยแต่งงานกับเวินลั่วฉิง
เธอรู้สึกว่าเย่ซือเฉินคนนั้นน่าจะพิเศษโดยเฉพาะ มิฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ว่าเวินลั่วฉิงจะแต่งงานกับเขา แต่ก็น่าเสียดายที่พวกเขาหย่าร้างกันเร็วมาก
“พี่หงหลิง ฉันจะกลับไปเมืองA”เยว่หงหลิงกำลังนึกถึงเรื่องของเย่ซือเฉินอยู่ แต่จู่ ๆเธอก็ได้ยินเสียงของเวินลั่วฉิง
“กลับไปหาเย่ซือเฉินเหรอ?”เพราะเยว่หงหลิงกำลังนึกถึงเรื่องของเย่ซือเฉินอยู่ จึงพูดคำนี้ออกมาโดยตรง
“ห๊ะ?ไม่ใช่”เวินลั่วฉิงรู้สึกงุนงง และคิด จากนั้นจึงอธิบายว่า:“ฉันกับเขาหย่ากันแล้ว ระหว่างเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแล้ว และครั้งนี้ฉันกลับไปเพราะธุระส่วนตัวของฉัน ไม่ใช่ไปหาเขา”
เวินลั่วฉิงอธิบายอย่างละเอียดในขณะนี้ และมีความเน้นย้ำอยู่เล็กน้อย
ดวงตาของเยว่หงหลิงกะพริบอย่างรวดเร็ว เพราะตามนิสัยใจคอของเวินลั่วฉิงแล้วเธอไม่เคยอธิบายอย่างละเอียดเช่นนี้ อีกอย่างระหว่างเธอกับหล่อนนั้นพูดคุยกันอย่างเรียบง่าย เพราะต่างก็เป็นคนที่ฉลาด ไม่จำเป็นต้องอธิบายละเอียดขนาดนี้
แล้วตอนนี้เพราะเหตุใดจึงทำให้เวินลั่วฉิงอธิบายกับเธอละเอียดมากขนาดนี้?
“ออ ไม่ใช่กลับไปหาเขา แต่ไม่แน่อาจจะพบเจอกันก็ได้นะ”มุมริมฝีปากของเยว่หงหลิงเม้มขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของเธอก็มองไปที่เวินลั่วฉิงโดยตรง
เมื่อเวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเยว่หงหลิง เห็นได้ชัดว่าเธอตะลึงไปชั่วขณะ และมือของเธอที่วางอยู่ด้านข้างก็สั่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้ เธอลังเลเพราะความกังวลใจของเธอ และตอนนี้เยว่หงหลิงพูดขึ้นเช่นนี้ จู่ ๆในใจของเธอก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นเล็กน้อย
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร?
“ทำไมเหรอ?กลัวเจอเขา?พวกคุณหย่ากันแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆต่อกันแล้ว คุณจะกลัวอะไร?”เยว่หงหลิงเห็นท่าทางของเวินลั่วฉิง รอยยิ้มที่มุมริมฝีปากของเธอก็ดูลึกขึ้นเล็กน้อย
“เปล่านิ ฉันจะกลัวเขาทำไม คุณเองก็บอกแล้ว เราหย่ากันแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกันแล้ว แล้วฉันยังมีอะไรน่ากลัวอีก?”เวินลั่วฉิงตอบโต้กลับอย่างรวดเร็ว และคำพูดนี้เธอก็ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา เพราะเธอรู้สึกว่าเรื่องมันต้องเป็นแบบนั้น