บทที่409 เขามารอเธอโดยเฉพาะ (1)
ในขณะนี้ เย่ซือเฉินกำลังคิดว่าที่เวินลั่วฉิงไม่โผล่หน้ามาถึงตอนนี้ เป็นเพราะไม่อยู่ที่นี่จริงๆมากกว่า เสียงร้องไห้ของเด็กนั้นก็หยุดลงแล้ว
นัยน์ตาเย่ซือเฉินประกายแวววับเล็กน้อย แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังจะค้นสักหน่อย ค้นสักหน่อยถึงจะวางใจได้ ถ้าหากเวินลั่วฉิงยังอยู่ที่นี่ล่ะ
เวินลั่วฉิงวางแผงยากับเขาแล้ว หากเป็นเพราะกลัวเขามาคิดบัญชีกับเธอ ทุกอย่างล้วนไม่แน่นอน จึงซ่อนตัว เขาก็ไม่ได้เข้าใจเธอไปซะทุกอย่าง
เพราะฉะนั้น เย่ซือเฉินจึงสั่งให้สองสามคนค้นที่ชั้นล่าง จากนั้นเขาก็ก้าวเดินอีกครั้ง เดินไปในทางขึ้นชั้นบน แม้เสียงร้องไห้ในชั้นบนจะหยุดแล้ว แต่เขาก็ยังอยากไปดูสักหน่อย
ในขณะนี้ มีปืนหลายกระบอกชี้ไปหาเย่ซือเฉินในเวลาเดียวกัน แต่เย่ซือเฉินไม่สนใจสักนิด ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย
กลับเป็นคนของถังไป๋เชียน ที่ไม่กล้ายิ่งง่ายๆ ดังนั้นจึงโดนบีบให้ถอยหลังไปสองสามก้าว เมื่อเห็นเย่ซือเฉินเดินไปถึงครึ่งทางของบันไดไปอย่างต่อหน้าต่อตา
ถังไป๋เชียนแววตาขุ่น ในความเยือกเย็นมีความโหดเหี้ยมมากขึ้น ทันใดนั้นปืนที่ถืออยู่ในมือก็จับแน่นขึ้น และตอนนี้เอง จู่ๆเสียงโทรศัพท์เย่ซือเฉินดังขึ้น
เย่ซือเฉินหยิบโทรศัพท์ออกมา เห็นว่าเป็นเบอร์กู้หวู ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็กดรับอย่างรวดเร็ว
เมื่อกี้ เขาโทรไปหากู้หวูถามว่าเวินลั่วฉิงอยู่ในเมืองAรึเปล่า กู้หวูตอนนี้โทรกลับมา อาจเป็นไปได้ที่ว่าทางนั้นได้ข่าวอะไรมา
“ลูกพี่ คุณหญิงกลับเมืองAไปแล้วจริงๆครับ”เมื่อกดรับสาย กู้หวูก็รีบพูดทันที
“จริงเหรอ”นัยน์ตาเย่ซือเฉินประกายแวววาวเล็กน้อย ที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เชื่อคำพูดถังไป๋เชียนหรอก เพียงแค่ไม่อยากจะพลาดเรื่องอะไรไปอีก ดังนั้นจึงให้คนไปเช็ก คิดไม่ถึงว่าเวินลั่วฉิงจะกลับไปเมืองAจริงๆด้วย
“เธอกลับเมืองAไปทำอะไร”นัยน์ตาลึกๆของเย่ซือเฉินกำลังมีความสงสัยเล็กน้อย เธอเพิ่งจากเมืองมา ทำไมถึงกลับไปอีก
แน่นอนว่าเย่ซือเฉินไม่ได้หลงเข้าข้างตัวเองโดยคิดว่าที่เวินลั่วฉิงกลับไปนั้นเป็นเพราะเขา นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยมีความรู้สึกตัวเช่นนั้นเลย
“ได้เชิญจากคนของตำรวจให้กลับไปช่วยคลี่คลายคดี……”
ตอนที่กู้หวูตอนนี้นั้น คำพูดก็ค่อยๆเว้นจังหวะไปชั่วขณะ ในเสียงราวกับผิดปิกติไปเล็กน้อย “คนที่รับผิดชอบคดีนี้คือเล้งหรง ดังนั้นตอนนี้คุณหญิงอยู่ด้วยกันกับเล้งหรงครับ”
เรื่องของเล้งหรงสำหรับเย่ซือเฉินแล้วกู้หวูนั้นรู้ดีที่เป็นสุด ดังนั้นในขณะนี้กู้หวูจึงต้องเน้นย้ำจุดนี้เป็นพิเศษ
ใบหน้าเย่ซือเฉินเย็นลงหลายองศาอย่างกะทันหัน สมควรตาย ทำไมถึงไปยุ่งกับเล้งหรงอีก
ตอนที่เธอมาประเทศMก็ไปหาถังไป๋เชียน ตอนนี้กลับเมืองAก็ไปพบเล้งหรงอีก ทำไมไม่เห็นเธอยากมาเจอเขาบ้าง
เย่ซือเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
แน่นอน ว่ามีเรื่องหนึ่ง ที่คุณชายสามเย่ไม่มีวันลืม ตอนแรก เขาทำเพื่อต้องการที่จะทำลายความคิดของเล้งหรงไปให้หมดสิ้น จากนั้นก็เอาทะเบียนสมรสออกโดยตรง แต่ตอนนี้ พวกเขาหย่ากันแล้ว แถมเธอยังไปเจอเล้งหรงอีก……
จู่ๆเย่ซือเฉินก็นึกเรื่องหนึ่งได้ นั่นก็คือ ครั้งนี้เป็นเพราะเธอถูกเชิญกลับไปช่วยคลี่คลายคดี งั้นต้องไม่ใช่ไปในฐานะเวินลั่วฉิงแน่นอน ไม่ใช่ฐานะเวินลั่วฉิง ก็ไม่จำเป็นต้องมีการปลอมตัวอย่างแต่ก่อนเช่นนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหน้าตาที่แท้จริงของเธอ
แม่ง จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยเห็นหน้าตาที่แท้จริงของภรรยาเขาเลย มีสิทธิ์อะไรไปให้เล้งหรงเห็นก่อน
เย่ซือเฉินรู้ว่าหน้าตาที่แท้จริงของเธอนั้นสวยมาก แม้เขาจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ฟังจากคำบรรยายของฉิงถิงแล้วไม่ผิดแน่นอน
ทีแรกเล้งหรงก็ชอบเธออยู่แล้ว หากได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเธออีก งั้นยิ่งไม่ใช่จะ……
ตอนนี้ภายในจิตใจของเย่ซือเฉินกำลังต่อสู้กันอยู่
และเด็กถังจื่อโม่ก็กำลังเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ การระมัดระวังตัวจากอันตรายของถังจื่อโม่นั้นดีมาก ดังนั้น เขาไม่กล้าส่งเสียงอะไรมาก แต่ไม่กล้าไปอย่างรวดเร็ว
หากพุ่งไปอย่างรวดเร็ว ถ้ามีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น จะซ่อนตัวคงไม่ทันแล้ว
เขาต้องค่อยๆ รู้ชัดในสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
และตอนนี้ การก้าวเท้าของเย่ซือเฉินได้ช้าลง
“ได้ยินมาว่า วันนี้ตั้งแต่เช้า เล้งหรงไปรับคุณหญิงด้วยตัวเองครับ”ฉะนั้นไม่รู้ว่ากู้หวูนั้นจงใจหรือเป็นเพราะอะไรกันแน่ ถึงได้พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยค
นิสัยเล้งหรงนั้นเย่ซือเฉินทราบเป็นอย่างดี บางครั้ง หัวหน้าข้างบนลงมาตรวจสอบ เล้งหรงเป็นพวกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจใครทั้งนั้น ควรทำอะไรก็ไปทำ
สามารถทำให้เล้งหรงออกไปรับด้วยตัวเองได้เหรอ
นอกเสียจากว่าเล้งหรงจะรู้เรื่องที่เธอเป็นเวินลั่วฉิงมาก่อนแล้ว
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ ก้าวเท้าเย่ซือเฉินก็หยุดลงทันที แล้วรีบมองไปชั้นบนแวบหนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัว ลงจากบันได
เขามาเพราะต้องการหาเวินลั่วฉิง ตอนนี้เวินลั่วฉิงกลับเมืองAไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอกำลังอยู่ด้วยกันกับเล้งหรง
เขาไม่มีเวลาที่สามารถสิ้นเปลืองไปกับเรื่องอื่นได้
ในตอนที่เย่ซือเฉินกำลังหมุนตัวเดินจะไปนั้น ถังจื่อโม่ก็มาถึงหน้าประตูบันไดแล้ว จากนี้ก็เห็นแผ่นหลังเย่ซือเฉิน
ตอนนี้ยังอยู่ในเย่ซือเฉินห้องโถง ยังไม่ได้ออกไป
ถังจื่อโม่ไม่เคยเห็นตัวจริงเย่ซือเฉินมาก่อน แต่เขาเคยค้นหาพวกข้อมูลของเย่ซือเฉินมาก่อน เคยเห็นรูปเย่ซือเฉิน แต่เป็นด้านหน้าทั้งนั้น ไม่ใช่ด้านหลัง
ดังนั้น ในตอนนี้ถังจื่อโม่จึงไม่รู้ว่าคนนั้นคือเย่ซือเฉินหรือเปล่า
ถังจื่อโม่อยากลองเรียกดูสักที
เพราะยังไงคนในตอนนี้ก็จากไปหมดแล้ว งั้นก็แปลว่าเรื่องได้จบลงแล้ว ไม่มีอันตรายอะไรอีก เขาเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ร้องตะโกนเช่นนี้ก็คงไม่มีเรื่องอะไรหรอก
ถังจื่อโม่คิดได้แบบนี้ ก็ร้องตะโกนออกไปจริงๆ
เพียงแต่ คำว่าเย่ของเขาได้พูดออกไปครึ่งหนึ่งเท่านั้น ก็ถูกถังไป๋เชียนเห็นเข้า ถังไป๋เชียนตะลึงไปทันที ทันใดนั้นก็ถลึงตาใส่ใครคนหนึ่งที่อยู่บนบันได จากนั้นใครคนนั้นก็รีบพุ่งไปอยู่ตรงหน้าถังจื่อโม่ แล้วปิดปากถังจื่อไว้ทันที
ต่อจากนั้นก็พาถังจื่อโม่เข้าไป
ตอนนี้เย่ซือเฉินเดินมาถึงหน้าประตูใหญ่แล้ว ทันใดนั้น จู่ๆเขาก็เหมือนได้ยินมีคนเรียกเขา พูดให้ถูกคือตะโกนเรียกเย่ไปครึ่งหนึ่ง
เย่ซือเฉินไปหันหน้ากลับไปดูทีหนึ่ง แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ ถังไป๋เชียนยังยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาทั้งคู่กำลังจ้องมองเขา
“เย่ซือเฉิน ไปดีๆล่ะ ไม่ส่งเนอะ”ในตอนที่เย่ซื่อเฉินหันหน้ามานั้นถังไป๋เชียน ก็จงใจพูดประโยคเช่นนั้นออกมา
ความหมายของถังไป๋เชียนนั้นชัดเจนมาก ว่าต้องการอยากจะปกปิดเสียงเรียกของถังจื่อโม่ในเมื่อกี้
เย่ซือเฉินหรี่ตาลง เขารู้ว่าแผนเจ้าเล่ห์ของถังไป๋เชียนแผน แต่เรื่องถังไป๋เชียนเขาไม่อยากจะสน ตอนนี้เขาแค่อยากจะหาเวินลั่วฉิงให้เร็วๆ
แน่นอน เขาก็คิดว่าถังไป๋เชียนอาจตั้งใจอยากถ่วงเวลาของเขาไว้ เพราะฉะนั้นเย่ซือเฉินจึงไม่อยากสนใจอะไรมากอีก แล้วเดินออกไปทันที
หลังจากเย่ซือเฉินจากไปแล้ว หันไปมองจางผิง คิดไปสักพัก จากนั้นก็สั่งออกไป”จับตาดูต่อไป ดูว่ามีสถานการณ์อะไร จับตามองเด็กมากหน่อยแล้วกัน”
เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินในขณะนี้ยังไม่ลืมเสียงร้องไห้ของเด็กคนในก่อนหน้านี้
ถังไป๋เชียนเห็นเย่ซือเฉินเดินไปไกลแล้ว ถึงจะหมุนตัว ขึ้นไปชั้นบน เห็นว่าทางเดินบันได ถังจื่อโม่ถูกคนควบคุมตัวไว้ แถมปากยังถูกปิดเอาไว้