บทที่ 414 เธอสวยเกิน คุณชายสามเย่ไม่กล้ายอมรับ (2)
บัดนี้ถังหลินสามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาล เมื่อมีน้องสาวที่ฉลาดปราดเปรื่องมากๆ แม้แต่คุยกันก็ยังต้องครุ่นคิดอยู่นาน
“พวกเราแต่งงานกันตามเงื่อนไข และหย่าตามสัญญา มีปัญหาอะไรเหรอ?”เวินลั่วฉิงได้ยินคำถามของเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น เรื่องง่ายๆอย่างนี้ยังต้องคิดมากอีกเหรอ?
“วางใจได้ ไม่ทำให้ลำบากใจที่ต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างพี่น้องพ้องเพื่อนกับน้องสาวเด็ดขาด”เวินลั่วฉิงคิดว่าเขาเป็นกังวลเรื่องนี้ฉะนั้นจึงพูดให้กระจ่าง
“คุณไม่มีปัญหา แต่คุณแน่ใจเหรอว่าทางเย่ซือเฉินจะไม่มีปัญหา?”ถังหลินแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก ตัดสินใจพูดให้เรื่องราวชัดเจนกว่านี้ อย่างน้อยก็ต้องให้เธอรู้ในสิ่งที่เย่ซือเฉินพยายามทำ
“เขามีปัญหาอะไร?สัญญาฉบับใหม่เขาก็เป็นคนออกเอง ตอนที่หย่ากันเลขาหลิวก็ได้ถามเขาก่อนแล้ว ซึ่งเขาก็ตอบตกลง เขายิ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”สำหรับเรื่องนี้เวินลั่วฉิงคิดว่าเป็นเช่นนี้ ฉะนั้นจึงพูดอย่างมั่นใจมากๆ
“เขาเขียนสัญญาฉบับใหม่?”ดวงตาก็ถังหลินหรี่ขึ้น หากเป็นเช่นนี้ เย่ซือเฉินก็สมควรอยู่แล้ว เขาเข้าใจที่ก่อนแต่งงานได้เขียนสัญญาการแต่งงานไว้ แต่หลังจากแต่งงานยังตั้งเงื่อนไขออกมาใหม่ ถ้าไม่ใช่สมน้ำหน้าคืออะไรล่ะ?
แต่ทว่าถังหลินนึกถึงสิ่งที่เย่ซือเฉินทำในช่วงนี้ รู้สึกว่า ถึงแม้เย่ซือเฉินจะสมควรเจอเช่นนี้ แต่ก็ควรให้โอกาสเขาได้พบหน้ากัน เพื่อจะได้เปิดอกคุยกันให้กระจ่างเสียจะดีกว่า
“เย่ซือเฉิน……”ถังหลินตัดสินใจเล่าเรื่องเย่ซือเฉินตามหาตัวเธออย่างบ้าคลั่งให้เธอฟัง
อันที่จริงถังหลินรู้ว่าตอนนี้เย่ซือเฉินกำลังเดินทางมาอยู่ ไม่แน่ว่าจะมาถึงในเวลาไม่ช้านี้แล้ว
แต่ทว่า ขณะนี้มือถือของเวินลั่วฉิงก็ดังขึ้น
“ขอโทษค่ะ ฉันรับสายก่อน”เวินลั่วฉิงเอ่ยปากพูดกะทันหัน ทำให้ตัดบทพูดของถังหลินไป จากนั้นก็รับสายโทรศัพท์
“ฉิงฉิง มีเรื่องหนึ่งอยากให้คุณช่วยผมหน่อย”ถังไป๋เชียนเป็นผู้โทรศัพท์มา เมื่อรับสายก็มีน้ำเสียงของเขาคล้ายกับมีความเร่งด่วนส่งผ่านเข้ามา
“เรื่องอะไรเหรอ?”สีหน้าของเวินลั่วฉิงยังคงเป็นปกติธรรมชาติไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“คนของหยุนเถิงบอกให้ผมไปช่วยสืบคดีหน่อย ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะรับหรอก แต่พวกเขาบอกว่า หากผมไม่รับคดีนี้ วันหลังจะไม่ร่วมมือกับพวกเราทุกกรณี ผมดูข้อมูลของคดีแล้ว จำเป็นต้องให้คุณเข้าช่วยเหลือหน่อย”
“ได้ค่ะ”ในเมื่อเป็นเรื่องของคดีความ เวินลั่วฉิงก็ไม่อาจปฏิเสธได้ กฎของพวกเขาคือ คดีที่รับงานมา ใครตรงกับความสามารถของใคร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะมีธุระส่วนตัวอันใดก็จะต้องวางลง จะไม่ให้เสียงานส่วนรวมเด็ดขาด
ถังไป๋เชียนเห็นเธอรับปาก เห็นได้ชัดว่าเบาใจไปได้มาก แต่ก็พูดต่อว่า“เรื่องเร่งด่วนมาก คืนพรุ่นนี้ต้องการให้คุณไปร่วมงานเลี้ยงกับผม คุณกลับมาได้ทันเวลาไหม?”
“ได้ค่ะ ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”เวินลั่วฉิงไม่ได้ลังเลอะไรมาก เดิมทีเธอก็คิดจะรีบกลับไปอยู่แล้ว
เพียงแต่ถังหลินได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จะกลับไปเดี๋ยวนี้เหรอ?ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็หารือไม่ได้เสียแล้ว
เขารู้ว่าถังไป๋เชียนเป็นคนโทรมา เขาไม่รู้ว่าถังไป๋เชียนคิดจะทำอะไร แต่เขารู้ว่าเธอมีสิทธิ์ตัดสินใจ ในเมื่อเธอได้รับปากอีกฝ่ายแล้วถังหลินก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเด็ดขาด
ซึ่งถังหลินจะพูดเรื่องร้ายของถังไป๋เชียนลับหลังก็เป็นไปไม่ได้ เพราะถังหลินรู้สึกว่า ตอนนี้ในใจเธอไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่สนิทเท่าถังไป๋เชียนก็ได้ สิ่งที่เขาพูด เธออาจจะไม่เชื่อก็ได้
ถังหลินรู้ว่าตอนนี้เย่ซือเฉินกำลังเดินทางมาที่นี่ ไม่แน่ว่าอาจจะถึงแล้ว……
แต่ทว่า ดูจากท่าทางเมื่อสักครู่ของเธอ เรื่องที่พูดคุยกันน่าจะเป็นเรื่องงาน ซึ่งเธอจะเป็นคนตั้งใจและจริงจังทำงานอย่างเข้มงวดเลย
และด้วยนิสัยของเย่ซือเฉิน หากรีบมาได้ทันเวลา ต้องไม่ยอมให้เธอจากไปแน่ๆ ถ้าเป็นเช่นนั้นเรื่องราวก็จะโกลาหลกันใหญ่
“จะเร่งกลับเหรอ?”ถังหลินตัดสินใจไม่รั้งเธอไว้แล้ว
“อืม ใช่สิ เมื่อกี้คุณว่าเย่ซือเฉินทำไมเหรอ?”เมื่อสักครู่เวินลั่วฉิงได้ยินเขาพูดถึงเย่ซือเฉิน ฉะนั้นจึงอดที่จะถามขึ้นมาหนึ่งประโยคไม่ได้
“ไม่ต้องสนใจมัน ถ้าคุณมีธุระด่วน ผมจะส่งคุณ”บัดนี้ถังหลินกลัวว่าเย่ซือเฉินจะมาเจอตัวเธอเข้า เกรงว่านิสัยที่แกร่งกร้าวทะนงตนของเย่ซือเฉินเมื่อประชันกับนิสัยตั้งใจและยึดมั่นของเธอ เรื่องราวจะยิ่งแย่ลงกว่าเก่า
เพราะเขาดูออกว่าเธอเร่งกลับไปจริงๆ ซึ่งไม่มีสิ่งใดมาขัดกั้นเธอได้
หากเย่ซือเฉินมาแล้วก็คงไม่ปล่อยให้เธอไป หากเย่ซือเฉินฝืนให้เธออยู่ต่อ ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปเช่นไร
“ถ้างั้นก็ขอบคุณคุณชายถังมากๆนะคะ”เวินลั่วฉิงไม่ได้เกรงใจเขา เพราะเธออยากกลับไปโดยเร็ว ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
“คุณน่าจะเรียกผมว่าพี่ชายไม่ใช่เหรอ?”ถังหลินรู้สึกไม่พอใจกับการเรียกขานของเธอ
“ยังไม่มีผลตรวจเลย และอีกอย่างถึงจะใช่ แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่เอง”เวินลั่วฉิงแก้คำอย่างตั้งใจ
มุมปากถังหลินกระตุกอย่างแรง ยัยคนนี้บางเวลาก็ไม่น่ารักเอาเลย จำเป็นต้องพูดจริงจังขนาดนี้ไหม?
ถังหลินคิดในใจว่า ไม่รู้ตอนนี้เย่ซือเฉินมาถึงไหนแล้ว แต่น่าจะใกล้ถึงแล้ว หากตอนนี้เขาย้อนกลับไปเส้นทางเก่า ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอหน้าเย่ซือเฉินหรือไม่?
อันที่จริงถังหลินรู้สึกลังเลขัดแย้งกับตัวเอง เพราะอยากจะเจอหน้าเย่ซือเฉิน แต่ก็กังวลว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตอีก
ซึ่งในขณะนั้น มือถือของเวินลั่วฉิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา มุมปากของเวินลั่วฉิงก็ยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และมองถังหลินแวบหนึ่งด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นก็เอามือถือเดินไปรับสายด้านข้าง
เมื่อรับสาย ถังหลินเห็นมุมปากของเธอยกยิ้มไม่หยุด ซึ่งเป็นรอยยิ้มแห่งความสุขและดีใจที่อยากจะปกปิดยังไงก็ปิดไม่มิด
น้ำเสียงของเธอเบามาก ถังหลินจึงได้ยินไม่ชัดเจน แต่ถังหลินฟังออกว่าน้ำเสียงของเธอนั้นอ่อนโยนคล้ายกับหยดน้ำที่ไหลลงมาอย่างอ่อนนุ่ม
ถังหลินหยุดชะงัก เธอกำลังคุยสายกับใครอยู่นะ?อ่อนโยนอย่างนี้?ยิ้มหวานอย่างนี้?
เป็นศัตรูความรักของเย่ซือเฉินหรือเปล่า?
“คุณแม่จะกลับมาเมื่อไหร่คะ?ลุงถังบอกว่าพวกเราจะย้ายที่อยู่ใหม่อีกแล้ว ถ้าแม่ยังไม่กลับมาก็หาตัวพวกเราไม่เจอแล้วนะคะ”อีกฝั่งหนึ่งของสายถังจื่อซีกำลังพูดจาออดอ้อนอยู่
เวินลั่วฉิงได้ยินว่าจะย้ายบ้านก็ขมวดคิ้วขึ้น เมื่อกี้ตอนคุยโทรศัพท์รุ่นพี่ไม่ได้บอกว่าจะเปลี่ยนที่อยู่สักหน่อย
“รู้ว่าจะย้ายไปไหนไหม?”เวินลั่วฉิงอดใจไม่ไหวถามหนึ่งประโยค เธอคิดไม่ถึงว่าจะต้องย้ายบ้านเร็วอย่างนี้
“หนูไม่รู้ค่ะ ให้พี่ชายพูดกับแม่นะคะ”ถังจื่อซีรู้ความจริงๆ เรื่องใหญ่อย่างนี้ให้พี่ชายเป็นฝ่ายบอก
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ลุงถังบอกว่ารับงานเลยต้องกลับไปที่ประเทศ M คุณแม่กลับเข้าประเทศMก็พอแล้วครับ”เป็นไปดังนั้นถังจื่อโม่รู้เรื่องอย่างละเอียดจริงๆ
“ได้ครับ จะกลับไปเดี๋ยวนี้เลย”บัดนี้เวินลั่วฉิงมีความร้อนใจและกังวลใจเพิ่มขึ้นมา ร่างกายของจื่อโม่เพิ่งจะหายดี เดินทางไปๆมาๆต้องไม่ดีกับเขาแน่ ฉะนั้นเธอจำเป็นต้องเร่งกลับไปโดยเร็ว