บทที่462 หลักฐานในคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน คุณชายสามเย่มาเพื่อชำระแค้น (1)
เวินจีหยันพวกเขาคงจะไม่ถือโอกาสที่คุณท่านรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล แล้วจะย้ายของในตระกูลเงินไปหมดเลยรึไง?
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นหน้าพวกเขาเลย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังวางแผนทำเรื่องอะไรอยู่กันแน่?
เวินลั่วฉิงถอนหายใจอีกทีนึง ของนอกกายเหล่านั้น เธอไม่เคยหวงหรือให้ความสำคัญอะไรอยู่แล้ว แต่ว่า การกระทำในตอนนี้ของเวินจีหยันพวกเขามันเกินไปแล้ว
ถึงกับไม่เหลือรถยนต์ไว้แม้แต่คำเดียว ขับบอกไปหมดทุกคัน
ไม่มีรถ เวินลั่วฉิงคิดว่าคงจะต้องไปนั่งรถแท็กซี่ไปแล้วล่ะ คฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลเวินไปโบกรถไม่สะดวก จะต้องเดินออกไประยะนึงถึงจะได้
แต่เมื่อเวินลั่วฉิงออกจากประตูบ้าน กลับเห็นว่าด้านนอกประตูบ้านมีรถจอดอยู่คันนึง แน่นอนว่า ประเด็นสำคัญมันไม่ใช่รถยนต์ จุดสำคัญคือคนที่ยืนอยู่ด้านข้างรถยนต์ต่างหาก
รถหรูรุ่นลิมิเต็ด จอดอยู่นอกคฤหาสน์ตระกูลเวิน ยังคงเป็นที่สะดุดตา และดึงดูดสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี
หากไม่มีคนคนนั้นยืนอยู่ด้านข้างรถ เวินลั่วฉิงคงอาจจะอยากชื่นชมรถคันนั้นอยู่สักพัก
แต่ว่า เป็นเพราะคนที่ยืนด้านข้างรถ เวลานี้ เวินลั่วฉิงไม่มีอารมณ์จะชื่นชมอะไรทั้งนั้น
แน่นอนว่า หากคุณชายสามเย่รู้ความคิดของเธอในเวลานี้ คงจะตบเธอคอหักตายแน่
ตอนที่เห็นเย่ซือเฉินนั้น ฝีเท้าของเวินลั่วฉิงก็หยุดเดินลงโดยจิตใต้สำนึกตัว ทั้งแข็งทื่อ ความจริงแล้วในขณะนั้น เวินลั่วฉิงถึงขนาดอยากเดินถอยหลังโดยอัตโนมัติ แต่ว่าเธอเป็นคนที่ผ่านบรรยากาศงานใหญ่โตอะไรมาเยอะแล้ว ก็เลยควบคุมท่าทีของตนเองให้ไม่ถอยหลัง
เย่ซือเฉินพิงรถยนต์เล็กน้อย ไม่ขยับอะไร แววตาคู่นั้นมองเธอสายตาแบบสบายๆ เหมือนให้ได้ตั้งใจที่จะมองเลย
เมื่อเห็นเธอ เขาก็ไม่ได้ขยับ และไม่พูดอะไร มองเธอเงียบๆอยู่อย่างนั้น
เขาไม่มีท่าทีอะไร ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ บนใบหน้าก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสีหน้าใดๆเลย ในขนาดนั้น เวินลั่วฉิงถึงกับสงสัยว่าเขาคงจะมองไม่เห็นเธอหรือเปล่า?
คุณชายสามเย่ตาบอดแล้วเหรอ?
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจทีนึง ไม่เจอกัน 3 วัน แล้วจู่ๆมาเจอเขาเวลานี้ ทำให้เธอมีความรู้สึกมึนงงแบบไม่น่าเชื่อ
ไม่ ไม่ควรมึนงง เวลานี้เธอควรจะคิดเรื่องผลกระทบที่จะตามมา เมื่อเช้า 3 วันก่อน ตอนที่เธอจะจากไป เขาบอกว่าจะไปหาเธอที่โรงพยาบาล ถ้าไม่เจอตัว ผลที่ตามมาต้องรับเอง
ฉันได้ชัดมาก วันนั้นที่เขาไปหาเธอที่โรงพยาบาล แล้วไม่เจอตัว จากนั้นเขาโทรศัพท์หาเธอ เธอวางสายไปโดยไม่ตั้งใจ จากนั้นยังกดวางสายเขาอีกครั้งสาเหตุเพราะเรื่องของไป๋ยี่รุ่ย
แต่ว่า จากนั้นมาเขาก็ไม่โทรศัพท์มาหาอีกเลย หลายวันมานี้ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย ทีแรกเธอยังคิดว่าเรื่องนี้มันจะผ่านไปแบบนั้นแล้ว
แต่เรื่องราวมันแสดงให้เห็นว่า เธอไร้เดียงสาไปจริงๆ
คนคนนี้มายืนขวางที่ 5 ประตูคฤหาสน์ตระกูลเวินตั้งแต่เช้า เธอคิดว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ พี่เขากำลังมาแก้แค้นเธออย่างเห็นได้ชัดเจนเลย
เวินลั่วฉิงกำลังคิดว่าจะไปทักทายเขาซะหน่อยไหม?ถ้าจะไปทักทาย เธอควรจะพูดอะไรดี?
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าปกติแล้วถ้าเป็นคนที่พูดเก่งมาก แต่ตอนนี้แม้แต่กล่าวทักทายยังไม่รู้จะพูดอะไรดีเลย
เย่ซือเฉินยังคงไม่มีท่าทีใดๆ และยังไม่พูดอะไร ร่างกายของเขายังคงพิงประตูรถอยู่ ขนาดท่าพิงรถยังไม่เปลี่ยนสักนิด เห็นได้ชัดว่าคุณชายสามเย่ไม่มีท่าทีที่จะเอ่ยปากพูดก่อนเลยสักนิด
เวินลั่วฉิงคิดว่า ไม่งั้น เธอก็เดินผ่านไปตรงๆก็ได้แล้ว ในเมื่อเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาการตอบสนองอะไร และไม่พูดอะไร
เวินลั่วฉิงเมื่อคิดแบบนี้แล้ว ก็เริ่มก้าวเดินไปข้างหน้า เธอพบว่า สายตาของคุณชายสามเย่ขยับเล็กน้อย สุดท้ายมาตกลงที่ขาเธอ สัญลักษณ์เอาที่เธอเดิน สายตาของเขาก็ขยับตาม จ้องมองขาของเธอตลอดเวลา
จู่ๆเวินลั่วฉิงก็รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของเธอหนักหน่วงมาก เรากลับบ้านมีน้ำหนักเป็นร้อยๆกิโลเลย
ที่จริง อารมณ์สีหน้าของเขาในตอนนี้สงบมาก แววตาของเขาก็ดูสงบมาก แต่ เวินลั่วฉิงกลับรู้สึกว่า หากเธอยังก้าวเดินอีกก้าวนึง หากก้าวผ่านด้านหน้าของเขาไปแบบนั้น
เขาคงจะตัดขาทั้งสองข้างของเธอทิ้งเลยแหละ
“บังเอิญจัง”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจทีนึง สุดท้ายก็หยุดฝีเท้าลง สุดท้ายก็เป็นเธอที่ทนไม่ไหว เป็นฝ่ายเอ่ยปากกล่าวทักทายกับเขาก่อน
เพราะเวินลั่วฉิงคิดคำพูดอื่นไม่ออกแล้ว ก็เลยพูดไปเพียง 3 พยางค์นั้น
แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงเข้าใจดี วันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เขาจงใจมาขวางเธอชัดๆ
ที่เธอพูดแบบนั้นเพราะคิดว่ามันจะช่วยให้สถานการณ์มันเบาลงไม่มากก็น้อย
คุณชายสามเย่เงยหน้าขึ้น มองเธอทีนึง สายตานั้นเบาสงบมาก สงบเหมือนตอนนี้เขากำลังมองอากาศอยู่ ไม่มีสีหน้าอะไรทั้งนั้น
เมื่อมองแบบนี้ จะดูไม่ออกว่าเขามีอารมณ์โกรธเลยสักนิดเดียว
แต่ เมื่อสบตากับเขา เวินลั่วฉิงกลับรู้สึกหวาดระแวงจนใจสั่น
คุณชายสามเย่จ้องมองเธอยังเย็นชาอยู่อย่างนั้น ผ่านไปสักพัก ริมฝีปากเขาขยับเล็กน้อย พูดอย่างช้าๆชัดๆว่า:“เวินลั่วฉิง ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าผมไปหาแล้วไม่เจอตัวคุณ จะเกิดอะไรขึ้น ?”
ในขณะที่คุณชายสามเย่พูดคำนี้ น้ำเสียงยังคงปกติ ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเยอะ รับฟังแล้วไม่เหมือนรู้สึกโกรธเลยสักนิด
ร่างกายเวินลั่วฉิงแข็งทื่อโดยจิตใต้สำนึก เขามาเพื่อแก้แค้นเธอจริงๆด้วย เธอจำได้ว่าเช้าวันนั้นเขาพูดอะไรไว้บ้าง เขาบอกว่าผลที่ตามมาต้องรับให้ได้ แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ตามมาคืออะไร
“หลายวันมานี้มีธุระนิดหน่อย ฉัน……”เวินลั่วฉิงคิดจะอธิบายซะหน่อย ถ้าไม่อธิบายเรื่องนี้คงจะไม่ผ่านไปง่ายๆแน่
“คุณมีธุระ?” แต่ พอเธอจะอธิบายดวงตาคุณชายสามเย่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็ว แววตาที่สงบในตอนแรกกลับกลายเป็นความเย็นชาสุดๆ
เธอยังกล้าบอกกับเขาว่าเธอมีธุระ?
ธุระของเธอก็คือไปอยู่กับไป๋ยี่รุ่ย?
ธุระของเธอคือทำเพื่อไป๋ยี่รุ่ยตนก็เลยวางสายเขา จากนั้นก็หายตัวไป2วัน2คืน ทำให้พวกเขาไม่เห็นแม้แต่เงา
“ไหนลองว่ามาซิ คุณมีธุระอะไรบ้าง ช่วงเวลา 2 วัน 2 คืนนั้น คุณอยู่กับใครบ้าง ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง?”คุณชายสามเย่รู้ว่า 2 วัน 2 คืนนั้นเธออยู่กับไป๋ยี่รุ่ยตลอด แต่เวลานี้เขาก็ยังคงเอ่ยถามออกมา
เวลานี้ ความเยือกเย็นในแววตาของเขาไม่ลดลงเลย แต่น้ำเสียงยังมีการควบคุมไว้ เหมือนน้ำเสียงในตอนแรกที่ทั้งเบาและค่อย
เวลานี้เวินลั่วฉิงรู้สึกหดหู่ เธออยากจะอธิบายกับเขาอยู่แล้ว แต่เขาก็พูดแทรกเธอ ตอนนี้เขาก็กลับมาถามเธออีก
คนคนนี้เป็นโรคอะไรกันแน่?
แน่นอนว่า เวินลั่วฉิงในตอนนี้ย่อมไม่กล้าที่จะพูดแขวะอะไรเขาแน่
“ช่วงเวลา2วัน2คืนนั้น คุณอยู่กับใครบ้าง?”เวินลั่วฉิงยังไม่ตอบอีก เย่ซือเฉินก็ถามไปอีกครั้ง ตอนที่พูดประโยคนี้ น้ำเสียงของคุณชายสามเย่เรื่องคงทั้งเบาและค่อย แต่ก็รู้สึกได้ถึงความดุร้ายจากการกัดฟันพูดของเขา
เวินลั่วฉิงกะพริบตาเบาๆ นี่เขารู้แล้วยังแกล้งถามอีกงั้นเหรอ?
วันนั้นที่เขาโทรศัพท์มาหา ก็รู้แล้วว่าเธออยู่กับไป๋ยี่รุ่ยไม่ใช่เหรอ?
“ไป๋ยี่รุ่ย”แต่ว่า พอสบตาเขาในตอนนี้ เวินลั่วฉิงก็ตอบไปตามความจริง
ตอนนี้เวินลั่วฉิงตอบอย่างซื่อสัตย์ และตอบไปตรงๆ อืม ตรงจริงๆ
ตรงจนคุณชายสามเย่อยากบีบคอเธอให้ตาย !!