บทที่ 507 กลยุทธ์ชายงามของใครบางคน (1)
“ลูกพี่ใหญ่ อันนี้มันขัดต่อกฎขององค์กรยมบาลของพวกเรานะครับ”เฉิงจื่องุนงง องค์กรยมบาลของพวกเรารับประกันว่าจะไม่รั่วไหลข้อมูลของลูกค้าเด็ดขาด แต่ตอนนี้ลูกพี่ใหญ่ถึงกับเอาหลักฐานการจ้างงานออกไป?
“ใครเป็นคนตั้งกฎ?”เย่ซือเฉินยกคิ้วขึ้น เปลวไฟแห่งความเผด็จการนั้นบ้าบิ่นจนสุดลูกหูลูกตาแลยทีเดียว
“ท่านลูกพี่ใหญ่เป็นคนตั้งครับ”มุมปากเฉิงจื่อกระเพื่อมแรงๆ อันนี้ยังต้องถามอีกเหรอ?ตอนนั้นลูกพี่ใหญ่เป็นคนตั้งกฎพวกนี้ด้วยตัวเอง
“แล้วยังมีปัญหาอีกไหม?”น้ำเสียงที่เบาและงุ่มงามของเย่ซือเฉินเพียงพอให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้เลย
“ไม่มีปัญหาแล้วครับ”เฉิงจื่อกล้ำกลืนน้ำลายเข้าปาก คุณคือลูกพี่ใหญ่ ยิ่งใหญ่ที่สุด คุณว่าอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เขาจะพูดอะไรได้อีก?
“จำไว้ว่ามอบให้คนแซ่เห่อ”เย่ซือเฉินสั่งการหนึ่งประโยค หากมอบให้คนบ้านตระกูลกู้ก็คงถูกเก็บซ่อนเอาไว้ หรือมอบหลักฐานให้ถังหยุนเฉิงก็เท่ากับเป็นการเพิ่มขี้ปากให้แก่เขา คนแซ่เห่อเป็นคนกลาง เป็นผู้มีคุณธรรม จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเป็นอย่างมาก
“นายคือต้นแบบผู้ชายเอาแผ่นดินไม่เอาสาวงามจริงเหรอ?”คุณเหลยเห้อยืนอยู่ด้านข้างเขา ถึงแม้จะได้ยินไม่หมด แต่ก็พอจะคาดเดาออกมาเป็นเรื่องอะไร
คุณชายสามเย่มองเขาครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดูคล้ายยิ้มและไม่ยิ้ม“ผมทนเรื่องอื่นได้ แต่รังแกภรรยาของผม หากผมทนแล้วยังถือว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกไหม?”
“เห้อะ หลายปีมานี้ลุงก็ไม่เคยเห็นนายอดทนต่อเรื่องอะไรมาก่อนเลย”เหลยเห้อกระตุกมุมปาก พูดราวกับว่าเย่ซือเฉินอย่างเขาเคยทนอะไรมาก่อนเสียอย่างนั้น
“คุณแม่นายบอกว่านายเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่เชื่อฟัง ลุงว่าบนโลกใบนี้นอกจากคุณแม่ของนายแล้ว คงไม่มีใครคิดว่าคุณชายสามเย่เป็นเด็กดีเชื่อฟังหรอกมั้ง”เหลยเห้อค่อยๆเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
“ช่วงนี้คุณแม่สบายดีไหมครับ?”เห็นได้ชัดว่าคุณชายสามเย่เก็บระงับอารมณ์ได้แล้วหลายส่วน แววตามีความซับซ้อนระคนอยู่ด้วย
“วางใจได้ เธอสบายดีมาก ลุงดูแลเธอเอง”ขณะที่เหลยเห้อพูดประโยคนี้ออกมา น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างมาก
“ผ่านไปกี่ปีแล้ว ทำไมลุงยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย?”ได้ยินสิ่งที่เหลยเห้อกล่าว และเมื่อเห็นสีหน้าของเหลยเห้อ คุณชายสามเย่เชื่อใจเขาว่าเขาดีกับคุณแม่จริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนก็น่าจะอยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผยถูกหลักธรรมเนียบถึงจะถูก
ขอเพียงจริงใจต่อคุณแม่ของเขา เขาก็ไม่ต่อต้านอยู่แล้ว
“เมื่อก่อนแม่ของนายถูกทำร้ายอย่างสาหัส จึงหวาดกลัวและตีตัวออกห่างจากผู้ชาย แต่หลายปีมานี้เธอคุ้นชินกับการมีลุงอยู่ข้างกายแล้ว ไม่ขับไล่ลุง ลุงก็พอใจมากแล้ว ไม่กล้าเพ้อฝันไปถึงเรื่องอื่นอีก”บัดนี้สีหน้าเหลยเห้อเต็มเป็นไปความห่วงใยและสุขอย่างรู้จักพอ
เขารอคอยและปกป้องเธอมาเป็นเวลาสิบห้าปี จนสามารถทำให้เธอคุ้นชินกับเขา ไม่ขับไล่ไสส่งอีกต่อไป
เขาเกรงว่าหากเขาขอเธอแต่งงาน เธอจะถดถอยไม่เข้าให้เขาเข้าใกล้อีก
เรื่องในอดีตทำให้เธอเจ็บปวดรวดร้าวมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงคนไหนก็คงยากต่อการหลุดพ้นจากบ่วงแห่งความทุกข์ระทมได้ เธอพยายามสุดความสามารถแล้ว
เย่ซือเฉินเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
“ลุงกลับไปก่อน แม่นายยังรอลุงอยู่ที่บ้าน ต้องการให้ช่วยเหลืออะไรอีกก็โทรศัพท์มาหานะ”เหลยเห้อก็ไม่ได้พูดมากอะไรอีก บางครั้งพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ประเด็นสำคัญคือการกระทำมากกว่า
“อืม”เย่ซือเฉินตอบรับเสียงทุ้มต่ำ
“รอให้ตามภรรยากลับมาได้แล้วก็พาภรรยาไปเยี่ยมคุณแม่นายนะ เรื่องนี้เป็นความปรารถนาของเธอมาโดยตลอด”เหลยเห้อก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วหยุดลง หันไปมองเย่ซือเฉินด้วยแววตาตั้งหน้าตั้งตารอคอยความหวัง
“หากเป็นผู้หญิงคนอื่นนายอาจต้องกังวลว่าจะเป็นที่ชื่นชอบไหม แต่สำหรับเวินลั่วฉิง นายหายห่วงได้เลย”เหลยเห้อรู้ว่าผู้หญิงของเขาปรารถนาสิ่งใด เหลยเห้อก็ไม่อยากซ้ำรอยอดีตอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้หญิงของเขาเป็นแน่
แต่คนที่เย่ซือเฉินแต่งงานด้วยคือเวินลั่วฉิง เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไร
“ผมรู้แล้ว”เย่ซือเฉินรับปากเร็วมาก ไม่มีความลังเลเล็กสักนิด เขาก็คิดจะพาเวินลั่วฉิงไปพบคุณแม่ของเขาอยู่แล้ว เพียงแต่เกิดเรื่องมากมายขึ้นภายหลังเสียก่อน จึงไม่มีโอกาสที่เหมาะสมเสียที
ผู้หญิงของเขา เขาเชื่อใจอยู่แล้ว
“สามารถแต่งงานกับเธอ นับว่าเป็นบุญของนาย และเป็นบุญของแม่นายด้วย พยายามเข้าไว้ ให้ตามเธอกลับมาเร็วๆ”เหลยเห้อตบไหล่เย่ซือเฉินเบาๆ จากนั้นก็เดินออกไป
มุมปากของเย่ซือเฉินยกขึ้นเล็กน้อย ภรรยาของเขาต้องดีที่สุดอยู่แล้ว
หลังจากคุณชายสามเย่ออกมาจากห้อง ถังหยุนเฉิงก็ยืนอยู่ในตำแหน่งไม่ห่างจากเขานัก
“ทำไมนายมาที่นี่ได้ล่ะ?ถังหลินให้นายมาเหรอ?”ถังหยุนเฉิงเห็นสีหน้าของเย่ซือเฉินไม่สู้ดีนัก จึงมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มีเรื่องอื่นอีกใช่ไหม?”
“ไม่มี”เย่ซือเฉินปรายสายตามองไปที่เขา ครุ่นคิดได้สักพัก สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อเวินลั่วฉิงกำลังปิดบังสถานะที่แท้จริงอยู่
เขาจึงต้องให้ความร่วมมือถึงจะถูก
หัวหน้ากงกับถังหยุนเฉิงไม่ได้อยู่ในที่เดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก ตอนนี้หัวหน้ากงกลับไปก่อนแล้ว กู้หนานไปเป็นเพื่อนเวินลั่วฉิง
ก่อนอื่นก็เดินทางมาถึงเขตของหัวหน้ากงก่อน บอดี้การ์ดนำลูกกุญแจของห้องเอกสารมาให้กู้หนาน
ก่อนหน้านี้คุณเหลยเห้อเดินทางมาเป็นพยานใบรับรองของเวินลั่วฉิงว่าเป็นของจริง ฉะนั้นทางหัวหน้ากงก็ไม่กล้าวางแผนการร้ายอะไรในตอนแรก
ซึ่งนี้ก็เป็นสาเหตุที่เวินลั่วฉิงรีบมาดูนั่นเอง
“คุณกู้ครับ อีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง คุณมีประชุมที่สำคัญมากนะครับ”บอดี้การ์ดที่ตามกู้หนานมาจงใจพูดแจ้งเตือนขึ้นหนึ่งประโยคเมื่อกู้หนานเปิดห้องเอกสารแล้ว
“ได้ ฉันรู้แล้ว วางใจได้ฉันไม่สายหรอก”กู้หนานก็จงใจตอบหนึ่งประโยค ซึ่งเป็นการพูดให้เวินลั่วฉิงฟัง
อีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งหลังจากนี้มีประชุมสำคัญ กู้หนานต้องรีบไป ซึ่งหมายความว่าเวินลั่วฉิงมีเวลามากสุดแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เวินลั่วฉิงแอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เธอคาดเดาได้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไร แต่รีบเดินเข้าห้องเอกสารทันที
กู้หนานเดินตามเข้ามา จากนั้นก็ล็อคประตูห้องเอกสาร
เวินลั่วฉิงเดินไปยังตู้เอกสาร พลางเปิดออกมา จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูลที่ตนอยากได้
ตอนที่เวินลั่วฉิงเปิดตู้เอกสาร ดวงตาก็หรี่ขึ้น เธอพบว่ามีคนมาแตะจับที่ตู้เอกสารก่อนหน้านี้ไม่นาน น่าจะเป็นก่อนที่เธอจะมาถึงไม่นาน ซึ่งคาดว่าหัวหน้ากงจะเอาเอกสารบางอย่างไป
ช่างร้ายกาจเสียจริงๆ!!
เหมือนกับว่าเวินลั่วฉิงแค่เปิดดูผ่านๆ พบว่าส่วนที่ถูกเอาออกไปเป็นรายงานจัดแจงรายละเอียดต่างๆ แน่นอนว่าแค่นิดเดียว แต่เป็นรายงานวิเคราะห์จากแผนกสำคัญ
มุมปากเวินลั่วฉิงยกขึ้น อดที่จะยิ้มไม่ได้ รายงานการวิเคราะห์หากคนทั่วไปมองแล้วก็จะมีความสำคัญต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก แต่สำหรับเธอแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย ที่ผ่านมาเธอไม่เคยดูเรื่องพวกนี้เฃย ฉะนั้นถึงแม้หัวหน้ากงเอารายงานผลวิเคราะห์ไปทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจส่งผลกระทบต่อเธอได้