บทที่ 510 เล่ห์กลสาวงาม
“เหตุร้ายครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ.2016 สถานที่เกิดเหตุคือศูนย์ฝึกซ้อมที่ซื้อเฉิง ซึ่งไปที่แปดหอพักเหมือนกัน
แต่ว่าทุกหอพักมีคนตาย 5 คน รวมทั้งหมด 40 คน ครั้งนี้ศัตรูใช้ปืนไร้เสียง ทุกคนล้วนถูกยิงเป็นจำนวน 7 นัดด้วยกันทั้งหมด และตำแหน่งก็เกือบเหมือนกันหมดทุกคน”
“เหตุร้ายครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ.2017 เกิดขึ้นที่ศูนย์ฝึกเขตชายแดน ตรงนั้นเป็นที่ทุรกันดาร มีผู้เสียหาย 32 คน
ซึ่งแต่ละคนถูกตัวหลอดเลือดแดงบริเวณขา และนองเลือดตาย ก่อนตายน่าจะสลบไปก่อน”
“ฉันอยากหาแนวทางของศัตรูจากเรื่องพวกนี้ แต่ข้อมูลทั้งหมด นอกจากแปดหอพักแล้ว นอกนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรเลย ทั้งเวลา
สถานที่ก็ไม่ได้เชื่อมโยงกันเลย”
“ยังไงเสียฉันไม่เคยดูสถานที่เกิดเหตุจริงๆ ฉะนั้นไม่อาจวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ และยากจะหาตัวพวกเขาเจอ”
ถังหยุนเฉิงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก เขารู้ว่าคดีนี้ยากมาก ไม่เช่นนั้นตลอดสามปีมานี้ก็คงไม่ไร้เบาะแสหรอก
“คุณก็ไม่ต้องเร่งร้อนหรอก หากตระกูลถังมีมรสุมครั้งนี้จริงๆ……”ตอนนี้อารมณ์ของถังหยุนเฉิงเคร่งเครียดกว่าใครอื่น แต่เธอก็ยังอยากปลอบใจเวินลั่วฉิง
“พวกเขาก่อเหตุปีละครั้ง แล้วปีนี้ล่ะ?เป็นไปได้ไหมวันนี้จะ?หากใช่ แล้วจะเป็นเวลาไหนกัน?สถานที่ไหน?ฉะนั้นต้องไขคดีให้ได้”เวินลั่วฉิงจ้องมองถังหยุนเฉิง ความหมายแน่ชัดมาก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ทำเพื่อตระกูลถังเท่านั้น ยังรวมไปถึงชีวิตผู้คนอีกมากมายด้วย
ถังหยุนเฉิงตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปมาก“แต่ว่าตอนนี้ไม่มีเบาะแสอะไรเลย”
“แต่ว่า ตอนนี้ฉันมีการสันนิษฐานอยู่อย่างหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าเป้าหมายสุดท้ายของพวกเราเป็นเหล่าทหารราบ ฉะนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับภารกิจของเหล่าทหารราบของแปดตระกูลใหญ่ เพราะเป้าหมายไม่ชัดเจนก็เท่ากับงมเข็มในมหาสมุทร ดังนั้นมันเป็นงานใหญ่ หากโชคดีก็อาจพบเบาะแสได้ในเวลาอันสั้น แต่หากโชคร้ายใช้เวลาหลายวันก็ไม่พบเบาะแสที่มีประโยชน์อะไรเลยก็เป็นได้”
“และสิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ ฝ่ายหัวหน้ากงไม่ให้เรามีเวลาสืบสวนมาก ทางตระกูลกู้ก็คงสรรหาวิธีขัดขวางอยู่ ส่วนพวกเราที่มีเวลาไม่มาก เหลือเพียงสองวันเท่านั้น”เวินลั่วฉิงเคยสืบสวนมาหลายคดีความ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ยากที่สุด ไม่เพียงแต่คดียากแล้ว ยังเป็นเพราะมีคนจำนวนมากคอยหาวิธีขัดขวางอยู่ตลอดเวลา
“คุณกินข้าวแล้วพักผ่อนก่อน จากนั้นผมจะพาคุณไปพบหัวหน้ากง”ดวงตาของถังหยุนเฉิงเพิ่มความเฉียบขาดเข้ามา ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวพันกับทหารลูกน้อง เขาก็ไม่สนใจไม่ได้เด็ดขาด
“หากคุณพาฉันไปหาหัวหน้ากง คาดว่าหัวหน้ากงยิ่งปฏิเสธหาวิธีหยุดยั้งแน่ๆ ไม่สู้ติดต่อหากู้หนานจะดีกว่า”เวินลั่วฉิงไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของถังหยุนเฉิง
เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าเรื่องนี้จะเกิดอะไรผิดคาดไม่ได้ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลกระทบต่อเวลาด้วยกันทิ้งสิ้น พวกเขาไม่มีเวลามากแล้ว
“ยัยเด็กกู้หนานก็ไม่ได้พูดง่ายๆเอาซะเลย”ถังหยุนเฉิงนึกถึงกู้หนานพลันส่ายหัวไปมา กู้หนานไม่มีอะไรดีเลย
“แต่สำหรับกู้หนาน ถังหลินยังพอเอาอยู่”เวินลั่วฉิงมองถังหยุนเฉิงด้วยรอยยิ้ม“ฉันติดต่อหากู้หนานก่อน เธอต้องตกลงแน่ๆและยอมให้ฉันเข้าห้องเอกสารด้วย เพราะนี้เป็นสิ่งที่หัวหน้ากงเคยกล่าวเอาไว้แล้ว แต่เธอคงไม่ให้เวลาฉันนานๆ พอฉันเข้าห้องเอกสารก็ให้ถังหลินโทรหาเธอเลย กู้หนานให้เวลาฉันเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของถังหลินแล้ว”
“ความหมายของคุณก็คือให้ถังหลินใช้เล่ห์กลสาวงาม?”เฟิ่งเหมียวเหมียวก็ได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงพอดี มองเธออย่างลึกล้ำ
“แค่โทรศัพท์คุยกันเอง พูดสิ่งที่น่าฟังหน่อย ไม่ทำให้เขาต้องเสียสละอะไรมากเลย”เวินลั่วฉิงคิดว่าเธอเป็นห่วงลูกชาย จึงรีบอธิบาย
“ได้ ทำตามที่คุณพูดเลย”ถังหยุนเฉิงตอบตกลงทันที
เวินลั่วฉิงรีบโทรหากู้หนานบอกว่าต้องเข้าห้องเอกสารเพื่อดูข้อมูลอะไรบางอย่างอีกหนึ่งรอบ
ตอนนั้นกู้หนานกำลังอยู่ที่ห้องโถงของบ้านตระกูลกู้ เหล่าผู้ชายบ้านตระกูลกู้ที่วางแผนการใหญ่ยังไม่ได้ออกไป กู้หนานจึงเปิดลำโพงเสียงให้ทุกคนได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิง
“ตอบตกลงเธอเลย ให้เธอชะล่าใจก่อน” เจ้าสี่แห่งบ้านตระกูลกู้เขียนให้กู้หนานดู
“ได้”กู้หนานเห็นคำที่ลุงสี่เขียนก็รีบตอบรับเวินลั่วฉิงโดยพลัน จากนั้นก็วางสายอย่างรวดเร็ว
“เจ้าสี่ ทำไมต้องตอบตกลงเธอด้วย ถ่วงไว้ไม่ดีกว่าเหรอ?”กู้เจิ้งฉุนมองหน้าเจ้าสี่ด้วยสีหน้าไม่พึงพอใจ
“ผมสั่งให้คนไปจัดเตรียมแผนแล้ว ทางโน้นตอบว่าคนที่อยู่องค์กรหงหูยินดีให้ความร่วมมือ และรูปถ่ายก็จะเสร็จในไม่ช้า พวกเรารีบติดต่อหาหัวหน้ากงกัน รอให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าห้องเอกสารแล้ว พวกเราก็ไปจับตัวทันที อย่างนี้จะไม่ดีกว่าเหรอ”เวลานี้เจ้าสี่ยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้น
“พอถึงเวลานั้นกู้หนานเอาเอกสารลับที่สำคัญต่อแปดตระกูลใหญ่ไว้ในตัวของเธอ แต่ต้องไม่เกี่ยวกับคดีครั้งนี้ แล้วพวกเราก็จะจับได้คาหนังคาเขาเลย”เจ้าสี่เสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค และเป็นวัตถุประสงค์ที่เขาจับในห้องเอกสาร
“แผนของพี่สี่ไม่เลวเลย พี่สี่ฉลาดมาก ถ้าเป็นเช่นนี้ ถึงแม้เธอจะมีสถานะเป็นถึงขั้นฮ่องเต้ก็ไร้ประโยชน์แล้ว ฮ่าๆๆ……”กู้เจิ้งเหลียนหัวเราะเสียงดังกังวานขึ้นมา
กู้เจิ้งเหลียนเป็นลูกชายคนสุดท้องของตระกูลกู้ ปกติทำอะไรไม่ใช้สมอง หุนหันใจร้อน
“เพียงแต่เวลากระชั้นชิดนัก อาจเตรียมการไม่รัดกุม มีจุดรั่วไหลได้”กู้เจิ้งหลุนมีสีหน้าวิตกกังวลหลายส่วน
“เวลากระชั้นชิดหน่อย แต่ขังผู้หญิงคนนี้สักสองสามวันก็ไม่ใช่ปัญหา แล้วอีกอย่างพวกเรามีหัวหน้ากงเป็นผู้หนุนหลัง พวกเราก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สิ”เจ้าสี่ถนัดเรื่องวางกลอุบายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงมีประโยชน์ต่อเขา เขาจะลอบวางแผนด้วยกันทุกคน
“อืม เจ้าสี่พูดถูก ถึงเวลาให้หัวหน้ากงออกหน้าไปจับ ภายหลังเรื่องก็จะแดงมาไม่ถึงตัวพวกเรา”กู้เจิ้งฉุนรู้สึกว่าแผนนี้ดีมากเลย
“แน่นอนไม่โยงมาถึงพวกเราแน่ ผมหาแพะรับบาปได้แล้ว”เจ้าสี่ยิ้มอย่างร้ายกาจหลายส่วน
“ใคร?”ทุกคนเกือบจ้องมองเขาพร้อมกัน
“คนบ้านตระกูลเห้อ เห้อผิงหยวน หลานของเห้อจุ่น”เจ้าสี่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าอันเชี่ยวชาญเรื่องวางกลอุบายมีความสยดสยองเป็นพิเศษ
“พี่สี่อย่าผลักเรื่องนี้ไปที่ตัวของไอ้แก่เห้อจุ่น ความคิดนี้ดีมาก ผมดูไอ้แก่เห้อจุ่นขัดตาตั้งนานแล้ว ปกติทำตัวคุณธรรมสูงส่งดีนัก ชอบทำเป็นไม่แยแสใส่ผม ควรสั่งสอนตั้งนานแล้ว”
ใบหน้าผู้ชายตระกูลกู้บัดนี้เผยความลำพองใจกันทุกคน