บทที่ 615 คุณชายสามเย่ถูกวางยา (2)
ฉะนั้น เย่โป๋เหวินกลับไม่กลับบ้า น เย่ซือฉุนไม่สนใจอยู่แล้ว
เมื่่อกอน เพื่อที่เย่ซือเฉินจะได้รับหุ้นส่วนของบริษัทตระกูลเย่ เขายังจะคิดหาวิธีไปทำดีกับคุณปู่เย่ ยังจะทำเสแสร้งต่อหน้าพวกเขา แต่ว่าตอนนี้บริษัทตระกูลเย่ได้ให้เย่ซือเฉินไปเกือบหมดแล้ว เขาจะทำอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ฉะนั้นตอนนี้เย่ซือฉุนเอาแต่เร่ร่อนอยู่ที่ข้างนอก
จินหมิงเจินมองดูโทรศัพท์ที่ถูกวาง สีหน้าก็ซับซ้อนขึ้นทันที
“ฉันได้ข่าวคุณหมอที่โรงพยาบาลบอกว่า ช่วงนี้นายหลับไม่ค่อยสนิทเลย ฉันก็เลยฉันไปสอบถามพวกยาสมุนไพรเก่าๆ เป็นพิเศษเลย ว่ากันว่าผลออกมาดีมาก” คุณย่าเย่เข็นเย่โป๋เหวินไปที่หน้าโต๊ะ เติมน้ำให้เขา แล้วยื่นไปยังข้างหน้าของเขา “อีกอย่างสูตรยาสมุนไพรนี้จุดที่ดีที่สุดก็คือไม่ได้ขมเหมือนยาตัวอื่น ยาแบบนี้พอละลายในน้ำแล้ว ไม่มีกลิ่นคาวใดๆ เลย นายลองดื่มดู”
เย่โป๋เหวินมองไปทางคุณย่าเย่ ขมวดคิ้ว พอเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังของคุณย่าเย่ ก็รับมา แล้วดื่มไปคำหนึ่ง
แต่ว่า เขาดื่มไปแค่คำเดียว ก็วางลงแล้ว
“ช่วงนี้ซือเฉินมีความกดดันหนักมาก การหลับไม่ค่อยดีเลย แต่นายก็รู้จักซือเฉินดี ถึงแม้เขาจะป่วยแล้ว ก็ไม่มีทางไปหาคุณหมอ และไม่ยอมกินข้าว เดี๋ยวซือเฉินก็มาแล้ว นายให้เขาดื่มดู ให้เขาได้หลับสบายในคืนนี้” คุณย่าเย่ไม่ได้พูดชักจูงเย่โป่เหวินอีก แค่เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาอยู่บนตัวของเขา ในตอนที่เธอพูดประโยคนี้สีหน้าดูเป็นห่วงขึ้นมาเยอะมาก “ฉันเป็นห่วงมากจริงๆ ว่าเขาจะเหนื่อยจนทรุดลง”
เย่โป๋เหวินเม้มปาก ในแววตามีความรู้สึกผิดแฝงอยู่
“ซือเฉินเจ้าเด็กนี่อยากจะเอาชนะมากเกินไปแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องทำให้ดีกว่าคนอื่น ตอนนี้เขาได้รับการสืบทอดของบริษัทตระกูลเย่ไปแล้ว แน่นอนว่าต้องมีความกดดันสูง แต่ว่าสถานการณ์ตระกูลเย่ในตอนนี้ ก็ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเขาได้” คุณย่าเย่ถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าน้ำเสียงดูรู้สึกแย่ลงเยอะมาก
มือที่วางอยู่ข้างหลังของเย่โป๋เหวินกำแน่นขึ้น ในแววตายิ่งมีความรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น ตามหลักแล้ว ทุกอย่างในตอนนี้ของตระกูลเย่ควรจะเป็นเขาที่มาแบกรับ แต่ว่าเขากลับทำให้เรื่องทั้งหมดตกอยู่บนตัวของซือเฉิน
“แต่ว่า นายเองก็ไม่ต้องเป็นห่วง เจ้าเด็กนี่ฉลาด และเพอร์เฟกต์มากๆ หลังจากที่มอบบริษัทตระกูลเย่ให้เขาแล้ว เขาก็ดูแลได้ดีมาก แต่ว่ามีความกดดันหนักเกินไป ช่วงนี้จึงนอนไม่ค่อยหลับเลย ยานี้ฉันหามาให้นาย แต่ก็เพื่อเขา แต่นายก็รู้ เพราะว่าเรื่องในตอนนั้น เขาก็โทษพวกเรามาโดยตลอด คำพูดคอยเตือนของพวกเราก็ไม่ฟังเลย เขายังปฏิเสธความหวังดีทั้งหมดจากเราด้วย เฮ้อ” ในตอนที่คุณย่าเย่พูดถึงตรงนี้ ก็ใช้แรงถอนหายใจอีกครั้ง “เรื่องในตอนนั้น พวกเราจัดการแบบนั้น อาจจะไม่ดีพอสำหรับซือเฉิน แต่ว่าพอเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น พวกเราก็ไม่มีทางอื่นแล้ว”
“รอเขากลับมาแล้ว นายก็คุยกับเขาดีๆ เขายังให้ความเคารพกับนายอยู่ ยังเชื่อฟังนายอยู่” คุณย่าเย่พูดเสริมเพิ่มอีกคำหนึ่ง
เย่โป๋เหวินไม่ได้พูดอะไร เงียบอยู่ตลอดเวลา คุณย่าเย่นั้นก็โล่งอกไปที
คุณย่าเย่รู้ว่าขอแค่เขาไม่ปฏิเสธ เรื่องนี้ก็มีความหวังแล้ว
คุณย่าเย่ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอรู้ดี กับลูกชายคนนี้ ยิ่งพูดเยอะยิ่งไม่ดี
“ฉันไปดูอาหารในครัวก่อนนะ อาหารเย็นคืนนี้ต่างก็เป็นอาหารที่นายชอบ” คุณย่าเย่หาข้ออ้างหนึ่งออกมา แล้วจากไปชั่วคราว
สองปีมานี้ ถึงแม้ว่าเย่โป๋เหวินจะยอมเจอเขา แต่ว่าไม่ได้คุยกับเธอทุกครั้งเลย คุณย่าเย่รู้ว่าเขาไม่ชอบถูกรบกวน
“คุณชายเย่ นี่ก็สองปีแล้ว ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว” หลังจากที่จินหมิงเจินเห็นคุณย่าเย่เดินออกไปแล้ว ก็เดินเข้ามาด้วยความระมัดระวัง กับเย่โป๋เหวิน เธอเองก็กลัวเหมือนกัน
แต่ว่า เธอก็รู้ดี อยู่ในบ้านหลังนี้ ขอแค่จับเย่โป๋เหวินไว้ได้ งั้นชีวิตก็จะดีขึ้นหน่อย
ตอนนั้นเย่โป๋เหวินเห็นด้วยที่จะให้เธอเข้ามาดูแลตระกูลเย่ ตอนแรกเธอก็คิดว่าเย่โป๋เหวินยอมรับเธอแล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงว่า ผ่านไปไม่นานเย่โป๋เหวินกลับย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาล
ยังดีที่คุณปู่เย่ไม่ได้ไล่เธอออกจากบ้านเย่
เย่โป๋เหวินก้มหน้าลง ไม่ได้มองเธอ และไม่ได้มีการตอบสนองใดๆ ราวกับว่าไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย
“คุณชายเย่ คุณย่าบอกว่าตัวนี้มีประโยชน์ต่อคุณ คุณดื่มหน่อยเถอะค่ะ” จินหมิงเจินไม่ได้รู้สึกแลกใจกับท่าทีของเขา เย่โป๋เหวินเป็นแบบนี้กับเธอมาโดยตลอด เธอยกชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา ยื่นไปทางเย่โป๋เหวิน
เย่โป๋เหวินไม่ได้รับมา แค่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปทางเธอ แววตาของเธอเย็นชามาก สุขุมมาก เย็นชาจนราวกับว่าเย็นเป็นกองน้ำแข็ง
จินหมิงเจินสบตากับดวงตาของเขา สูดหายใจเข้าลึก เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามือที่ถือแก้วอยู่นั้นสั่นไม่หยุด
เธอรู้ว่าเย่โป๋เหวินไม่ชอบเธอ ไม่เคยชอบเธอมาก่อน ไม่ เขาไม่เพียงไม่ชอบเธอ ถึงขั้นยังรังเกียจเธออีกด้วย รังเกียจถึงขั้นสุดขีด
สองปีก่อน ที่เขายอมตกลงให้เธอเข้ามาในบ้านเย่ ไม่ใช่เพราะตอนนั้นเขาบาดเจ็บ อ่อนไหวต่อความสัมพันธ์ แต่เพราะว่าตอนนี้เธอมีสิ่งของที่เขาอยากจะได้
หลังจากที่เขาได้รับของที่เขาต้องการแล้ว ก็ย้ายออกจากบ้านเย่ เข้าไปพักในโรงพยาบาล
จากนั้นที่เธอไม่ถูกไล่ออกจากบ้านเย่ เพราะว่าเธอรู้ความลับของเขา รู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจเย่โป๋เหวิน
ฉะนั้น เธอรู้ว่าเขาไม่มีทางทำสีหน้าดีๆ ให้กับเธอแน่นอน
แต่ว่า ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ว่ายังไงตอนนี้เธอก็เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านเย่แล้ว เขาไม่มีทางไล่เธอออกไปแน่นอน
จินหมิงเจินยิ้ม จากนั้นก็นั่งลงยังเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ สีหน้าของเธอไม่ได้ดีเท่าเมื่อกี้ ยิ่งดูประชดเข้าไปใหญ่ “พี่เหวิน พลายปีขนาดนั้นนี้ พี่ก็ยังไม่ลืมเธอ”
น้ำเสียงของจินหมิงเจินในตอนนี้เปลี่ยนไปเลย ชื่อเรียกก็เปลี่ยนไปด้วย
ในตอนที่จินหมิงเจินพูดถึง ‘เธอ’ ได้แอบกัดฟันอยู่ลับๆ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีความประชดอยู่ที่มุมปาก
“ไป” เย่โป๋เหวินหรี่ตาขึ้นทันที ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็แย่ถึงขั้นสุดขีด คำว่าไปคำนั้นถูกบีบออกมาจากระหว่างฟัน
“พี่เหวิน อย่าโกรธ ตอนนี้พี่ก็กลับมาแล้ว งั้นก็ไม่ต้องไปแล้ว พวกเราเป็นสามีภรรยากันดีๆ เถอะ” คำพูดนี้ของจินหมิงเจินอ่อนโยนมาก แต่ว่าเห็นได้อย่างชัดเจนเลยคำพูดนี้กำลังขู่เย่โป๋เหวินอยู่
จินหมิงเจินรู้ดี หากเย่โป๋เหวินอยู่ที่บ้านเย่ต่อ สภาพการเป็นอยู่ของเธอจะดีมาก เธอและลูกชายก็จะได้รับสิ่งต่างๆ มากขึ้น
เย่โป๋เหวินไม่ได้พูดอะไรอีก แค่มองเธอด้วยความเย็นชา แววตานั้นนอกจากความเย็นชาแล้ว ก็ไม่มีอารมณ์อื่นอีกเลย
“พี่เหวิน พี่ว่า ถ้าหากเย่ซือเฉินรู้ความจริงในตอนนั้น เขาจะทำยังไง? พี่ต้องไว้นะ เย่ซือเฉินในตอนนี้ไม่ใช่เด็กเก้าขวบในตอนนั้นแล้ว” ครั้งนี้จินหมิงเจินกลับไม่กลัวแล้ว ไม่ว่าเธอจะทำยังไง เย่โป๋เหวินก็ไม่มีทางชอบเธอ ได้แต่รังเกียจเธอ งั้นทำไมเธอถึงไม่ใช้ข้อได้เปรียบที่มีอยู่ในมือ ให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีล่ะ