บทที่ 629 เรื่องบานปลายใหญ่โต คุณชายสามเย่โกรธจริงๆแล้ว (4)
แต่เมื่อเธอผลักประตู เบียดเข้าไปอย่างเงียบๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องสบตาเข้ากับดวงตาของถังจื่อโม่อย่างจัง
เด็กน้อยถังจื่อโม่ตื่นแล้ว ใส่เสื้อผ้าเสร็จสรรพ ผ้าห่มก็พับเรียบร้อย ทุกอย่างจัดการได้อย่างเหมาะสม แต่เวลานี้เขายังนั่งอยู่บนเตียงไม่ได้ออกไป เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเธออยู่
ถังจื่อซีกำลังแปรงฟัน ล้างหน้าอยู่ในห้องอาบน้ำ
เวินลั่วฉิงสบตากับเด็กน้อยถังจื่อโม่ ยิ่งรู้สึกผิดในใจมากขึ้น
“หม่ามี๊กลับมาเช้าจังเลย”ถังจื่อโม่มองหน้าเธอ ใบหน้าอันเล็กจ้อยมีความเคร่งเครียดอยู่บ้าง ได้ยินก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่คำพูดจากใจ
“อืม เช้าจ้า ลูกรักก็ตื่นเช้ามากจ้า”เวินลั่วฉิงพยักหน้า เดินไปด้านหน้าถังจื่อโม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม คำพูดนี้ฟังดูจริงใจเป็นพิเศษ
เด็กน้อยถังจื่อโม่กะพริบตาแล้วกะพริบอีก มองหม่ามี๊ของตนอย่างเหลือเชื่อ หม่ามี๊ของตนกลายเป็นคนหน้าหนาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เธอไม่ได้กลับมาทั้งคืนแท้ๆ ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองกลับมาเช้าอีก?
“ได้ยินว่าเมื่อคืนแม่ไปช่วยเย่ซือเฉินเหรอ?ช่วยทั้งคืน?”ถังจื่อโม่ไม่อยากให้เวินลั่วฉิงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป ดังนั้นครั้งนี้ เขาจึงพูดตรงไปตรงมา
ไม่ได้พูดอ้อมค้อมเฉกเช่นเมื่อสักครู่อีก
เวินลั่วฉิงกะพริบตา เริ่มรู้สึกผิดในใจอีกครั้ง แต่ยังคงพยักหน้า แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เธอไม่สะดวกพูดเรื่องนี้กับเด็กน้อยถังจื่อโม่จริงๆ
“เย่ซือเฉินถูกไฟคลอก?หรือจมน้ำ?หรือว่าถูกลมพัดไป?”เห็นได้ชัดว่าสีหน้าถังจื่อโม่เคร่งเครียดขึ้นหลายส่วน ดูออกว่าไม่สบอารมณ์เลยสักนิด
เขาเพิ่งพูดเมื่อวานหมาดๆ บอกจะให้บททดสอบกับเย่ซือเฉิน คุณแม่ก็รับปากสนับสนุนเขาแล้วแท้ๆ แต่ผลปรากฏว่า เมื่อคืนคุณแม่หนีไปที่บ้านเย่ซือเฉิน นอนกับเย่ซือเฉินทั้งคืน
คุณแม่หนีไปนอนกับเย่ซือเฉินทั้งคืน ยังสนับสนุนเขาอยู่อีกเหรอ?
นอนก็นอนสิ พูดว่าไปช่วยคนอะไรกัน?
เย่ซือเฉินเป็นอะไรไป?จำเป็นต้องให้เธอช่วย?
“หา?”เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของเด็กน้อยถังจื่อโม่ ครุ่นคิดอย่างตั้งใจ จากนั้นตอบว่า “รุนแรงกว่านั้นอีก”
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่ารุนแรงกว่าเหตุการณ์ที่ลูกชายบอกมาจริงๆ
สำหรับเย่ซือเฉิน ไฟไหม้ จมน้ำก็ไม่ถือเป็นปัญหาอะไร!
ถังจื่อโม่มองหน้าเธอ มุมปากเม้มแน่น ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่กระโดดลงจากเตียง จากนั้นก็ออกไปด้านนอก
เวลานี้เด็กน้อยถังจื่อโม่ไม่อยากคุยกับเธอ!เขารู้สึกว่าตอนนี้คุณแม่เสียคนแล้ว
เวินลั่วฉิงกะพริบตารัวๆ เฮ้ย โกรธแล้วจริงๆด้วย?ไม่สนใจเธอแล้ว?
เวินลั่วฉิงเพิ่งอยากเรียกเขา แต่บังเอิญที่เด็กน้อยถังจื่อซีล้างหน้าเสร็จ เดินออกมาพอดี เมื่อเห็นเธอ ใบหน้าก็ยิ้มอย่างเบิกบานทันที “คุณแม่กลับมาแล้ว แม่ช่วยคุณพ่อได้หรือยังคะ?”
ใบหน้าถังจื่อซีประดับความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ยิ้มอย่างชื่นมื่นเป็นพิเศษ
“อืม”เวินลั่วฉิงคุกเข่าลง อุ้มเด็กน้อยถังจื่อซีขึ้นมากอด จากนั้นก็หอมแก้มเธอแรงๆหนึ่งครั้ง ลูกรักจื่อซีของเธอเข้าอกเข้าใจตน
ถังจื่อโม่ที่เดินมาถึงหน้าประตูหันไปมองถังจื่อซี พลางด่าเสียงต่ำ “ยัยโง่”
มีเพียงน้องสาวโง่เง่าเต่าตุ่นเท่านั้นที่หลงกลคุณแม่ได้
“พี่ชาย พี่ว่าฉันโง่เหรอ?”ถังจื่อซีได้ยินถังจื่อโม่กล่าว เงยหน้าขึ้นมองเขา ปากแดงก็บู้ขึ้นมา
“นอกจากน้องแล้ว ยังมีใครอีก?”ถังจื่อโม่เห็นถังจื่อซีกอดอยู่ในอ้อมอกคุณแม่ไว้แน่น ก็ยิ่งเม้มปากแน่นขึ้น
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะถูกทอดทิ้งไปแล้ว
เย่ซือเฉินบอกว่าเกลียดเด็ก ไม่ชอบเด็ก ส่วนคุณแม่ก็กลับไปนอนกับเย่ซือเฉินทั้งคืน ตอนนี้ไม่สนใจเขาแล้ว
“ถังจื่อโม่ พวกเรามาคุยกันก่อนค่ะ?”เวินลั่วฉิงเห็นสีหน้าของถังจื่อโม่ รู้ว่าเขากำลังอารมณ์เสียอยู่
“ผมไม่คุยกับแม่”แต่เวลานี้ ถังจื่อโม่โกรธจริงๆอย่างเห็นได้ชัด จึงเปิดประตูเดินออกไป
“แม่ค่ะ พี่ชายเป็นอะไรเหรอคะ?”เด็กน้อยถังจื่อซีก็รู้สึกว่าพี่ชายของตนแปลกๆ
“พี่ชายหึงค่ะ”เวินลั่วฉิงนึกถึงสีหน้าของถังจื่อโม่ อดหัวเราะไม่ได้ ท่าทางเวลาเด็กน้อยถังจื่อโม่หึงขึ้นมา เหมือนคุณชายสามเย่ไม่มีผิด
เวินลั่วฉิงกำลังครุ่นคิดว่า เดี๋ยวคงต้องคุยกับถังจื่อโม่ดีๆ เธอเข้าใจความรู้สึกของถังจื่อโม่ดี เมื่อคืนได้ยินคำพูดแบบนั้นของเย่ซือเฉินกับหูตัวเอง และเมื่อคืนเธอก็ดันไปหาเย่ซือเฉินอีก ซึ่งไม่ได้กลับมาทั้งคืน เด็กน้อยถังจื่อโม่จึงตึงเครียดเล็กน้อย
“หึง?พี่ชายหึงอะไรคะ?”เด็กน้อยถังจื่อซีไม่ได้ปวดหัวทางด้านนี้เลย หน้าที่หลักของเธอในทุกๆวันก็คือ กินอิ่ม ดื่มเพียงพอ แล้วทำตัวเป็นเจ้าหญิงสวยงามที่แสนจะน่ารักก็พอ
เวินลั่วฉิงมองใบหน้าลูกสาวที่น่ารักไร้เดียงสา มุมปากอดยกขึ้นไม่ได้ “ไป พวกเราลงไปหาพี่ชายกัน หนูถามพี่ชายดูนะคะ”
เด็กน้อยถังจื่อโม่กำลังงอนอยู่ ดังนั้นเธอต้องไปปลอบใจเขาหน่อย
เวินลั่วฉิงช่วยถังจื่อซีจัดแจงเสื้อผ้า จากนั้นก็จูงถังจื่อซีลงไปชั้นล่าง
ท่านปู่ถังกับท่านย่าถังกลับมาถึงแล้ว กำลังนั่งอยู่ในห้องโถง และเฟิ่งเหมียวเหมียวก็อยู่ด้วย ส่วนเด็กน้อยถังจื่อโม่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างเงียบกริบ
เวลานี้คนในห้องโถงมีไม่น้อย แต่กลับเงียบงันเป็นพิเศษ
ทุกคนเห็นเวินลั่วฉิงลงมา สีหน้าพลันผิดปกติหลายส่วน เฟิ่งเหมียวเหมียวรีบเก็บมือถือของตัวเอง เด็กน้อยถังจื่อซีก็ค่อยๆเก็บมือถือของตัวเองด้วย
เวินลั่วฉิงเป็นคนช่างสังเกต รู้ความผิดปกติที่เกิดขึ้น คิ้วของเธอขมวดขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันหรือ?
ทำไมรู้สึกพวกเขามีเรื่องปิดบังเธออยู่?
“ฉิงฉิง หนูตื่นแล้วเหรอ พอดีเลย รีบลงมากินข้าวเช้ากัน”เฟิ่งเหมียวเหมียวลุกขึ้นยืน กล่าวทักทายเวินลั่วฉิงอย่างอบอุ่น
ดวงตาเวินลั่วฉิงกะพริบเร็วๆ เมื่อสักครู่เฟิ่งเหมียวเหมียวเพิ่งเห็นเธอกลับเข้ามาจากด้านนอก รู้ทั้งรู้ว่าเธอตื่นแล้ว?
ถามอย่างนี้รู้สึกแปลกๆ!
อีกทั้ง ตอนนี้เธอจูงมือถังจื่อซีไว้ ความสนใจของเฟิ่งเหมียวเหมียวควรอยู่ที่ตัวจื่อซีหรือเปล่า?!
ตั้งแต่ลูกรักทั้งสองกลับมา ทุกคนในบ้านต่างให้ความสนใจเด็กทั้งสองตลอดเวลา ซึ่งเวินลั่วฉิงคุ้นเคยกับจุดนี้ดี ดังนั้นการตอบสนองของเฟิ่งเหมียวเหมียวในวันนี้แปลกจริงๆ
“ใช่ ใช่ ฉิงฉิงรีบลงมากินข้าวเช้ากัน”ท่านย่าถังก็ลุกขึ้นยืนด้วย เห็นได้ชัดว่าเวลานี้ท่านย่าถังก็เพ่งความสนใจมาที่ตัวเธอเช่นกัน
เรื่องมันไม่ปกติ ไม่ปกติเป็นอย่างมาก!!
“เป็นอะไรหรือคะ?เกิดอะไรขึ้น?”เวินลั่วฉิงรู้ว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่ เพียงแต่เป็นเรื่องอะไรกัน ถึงทำให้พวกเขาปิดเธออย่างนี้?
“ไม่มี จะเกิดอะไรขึ้นได้ หนูลงมากินข้าวเช้ากัน”ท่านย่าถังแย้มยิ้ม แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น เพียงแต่แววตาหลบๆหลีกๆของท่าน หักหลังท่าน!
“คุณย่า คุณปู่ทวด คุณย่าทวด”ถังจื่อซีวิ่งลงจากบันได ขานเรียกอย่างหวานละไม ก่อนจะวิ่งไปอยู่ด้านหน้าท่านย่าถัง