บทที่ 676 คุณพ่อสุดยอดที่สุดแล้ว (6)
“คุณปู่คะ พอถึงเวลาอย่าตื้นตันเกินไปนะคะ โรคหัวใจของคุณปู่….” เวินลั่วฉิงนึกถึงโรคหัวใจก็ยังมีความไม่ค่อยวางใจ
คุณหมอเตือนแล้วเตือนอีก ห้ามให้คุณปู่ได้รับการกระตุ้น ไม่ว่าจะเรื่องเศร้าหรือเรื่องยินดีก็ต้องหลีกเลี่ยง
“วางใจเถอะ นี่คือเรื่องที่ดีใจ พอคุณปู่ดีใจ โรคต่างๆ ก็หายแล้ว” มีหลักการหนึ่งคือจะอารมณ์ดีเมื่อมีเรื่องน่ายินดี คุณปู่เวินกำลังเป็นแบบนี้อย่างเห็นได้ชัดเจน ขณะนี้สีหน้าของเขาแดงชุ่มมาก อารมณ์ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ก่อนที่จะไปเวินลั่วฉิงได้โทรไปทางที่บ้านของตระกูลถังก่อนแล้ว
ในตอนที่มาถึงบ้านของตระกูลถัง คุณปู่ถังและคุณย่าถังออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลย คุณปู่เวินเห็นว่าคุณปู่ถังออกมารับเขาด้วยตัวเอง ทันใดนั้นก็อดตื้นตันใจไม่ได้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉิงฉิงจะบอกว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน แต่ว่าสถานะของคุณปู่เวินก็วางอยู่ที่นั่น ทำให้คนไม่สามารถไม่เคารพได้
เฟิ่งเหมียวเหมียวพาลูกน้อยทั้งสองรออยู่ที่หน้าห้องรับแขก ไม่ได้มาที่ข้างนอก
คนที่บ้านตระกูลถังต่างก็เชื่อถือกันได้ทั้งหมด ไม่ว่ายังไงแล้วเรื่องของลูกน้อยทั้งสองคนนอกก็ยังไม่รู้ ฉะนั้นพวกเขาจะไม่พาเด็กน้อยทั้งสองออกมาที่ข้างนอกง่ายๆ
ปกติเวลาที่ออกจากบ้าน ลูกน้อยทั้งสองนั่งรถออกไปโดยตรงเลย
คุณปู่เวินพบเจอกับลูกน้อยทั้งสอง ทันใดนั้นตื้นตันจนพูดอะไรไม่ออก จนกระทั่งลูกน้อยทั้งสองไปเรียกเขา คุณปู่เวินจึงจะดึงสติกลับมาได้ รีบพยักหน้าติดต่อกัน ทันใดนั้น ในแววตาก็มีน้ำตาแฝงอยู่
“หากจือฝางสามารถรับรู้ได้ จะต้องดีใจมากแน่ๆ” สำหรับเวินจือฝางแล้ว คุณปู่เวินรู้สึกผิดมาโดยตลอด ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาไปที่ต่างประเทศพอดี จือฝางก็จะไม่ถูกบีบบังคับจนหนีออกจากบ้านไป ก็อาจจะไม่เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต
แน่นอน ทุกคนต่างก็คิดว่าอุบัติเหตุรถครั้งนั้นเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ไม่มีใครรู้ว่า ที่จริงแล้วเวินจีหยันและหลี่หยุนเป็นคนทำ…..
ณ บ้านตระกูลกู่:
“นี่คุณย่าเย่หมายความว่าอะไร? เธอพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?” คุณหญิงกู่ในขณะนี้โมโหจนหน้าแดงไปหมด “ตอนนั้นตระกูลเย่พวกเขาร้องขอแต่งงานกับตระกูลกู่เรา ตอนนี้วันที่แต่งงานก็ประกาศออกไปแล้ว พวกเขาทำแบบนี้หมายความว่าอะไร?”
“คนที่อยู่ในคลิปนั้นใช่หรือไม่ใช่หยิงหยิงกันแน่?” กู่ชิงผิงสีหน้าเคร่งขรึม แววตาหรี่ขึ้นมาดูมีอันตรายมาก
“แน่นอนว่าคือหยิงหยิงอยู่แล้ว วันนั้นพวกเขาเรียกหยิงหยิงไปที่บ้านของตระกูลเย่ และเป็นพวกเขาที่จัดให้หยิงหยิงและคุณชายสามเย่อยู่ด้วยกัน นอกจากหยิงหยิงแล้ว จะเป็นใครได้อีก?” คุณหญิงกู่ได้ยินคำพูดนี้ของกู่ชิงผิงแล้ว กระวนกระวายจนเกือบจะกระโดดขึ้นมาแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า คุณหญิงกู่เองก็ไม่ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมากนัก
เรื่องทั้งหมด เธอล้วนแต่ฟังกู่หยิงหยิงมา
ในตอนที่คุณหญิงกู่พูดประโยคนี้ กู่หยิงหยิงที่ยืนอยู่ข้างๆ กะพริบตาแรงมาก ก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนที่บ้าน ตอนนี้ยิ่งไม่สามารถบอกได้แล้ว
แต่ว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกับคุณย่าเย่เรียบร้อยแล้วแท้ๆ เธอคิดว่าเรื่องนี้น่าจะไม่มีข้อผิดพลาดอะไรแล้ว แต่ว่าทำคุณย่าเย่ถึงกลับคำกะทันหันล่ะ?
“ในเมื่อคือหยิงหยิง งั้นเย่ซือเฉินและหยิงหยิงก็มีความเป็นสามีภรรยาที่แท้จริงแล้ว พวกเขาทำแบบนี้เกินไปแล้ว” สีหน้าของกู่ชิงผิงดูหนักแน่นขึ้น “ถึงแม้ว่าธุรกิจของตระกูลเย่จะใหญ่โต แต่ว่าตระกูลกู่เราก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเลย ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาอยากจะรังแกก็สามารถรังแกได้ เรื่องนี้พวกเขาจะต้องให้คำอธิบายกับเรา”
“แน่นอนอยู่แล้ว ตระกูลเย่พวกเขาอยากจะรังแกพวกเรา ฝันไปเถอะ” คุณหญิงกู่ฮื้มออกมาอย่างเย็นชา
“หยิงหยิง เธอไปที่บ้านของตระกูลเย่กับฉันตอนนี้เลย ไปถามเรื่องนี้กับพวกเขาให้ชัดเจน” คุณหญิงกู่หันไปทางกู่หยิงหยิง ดึงมือเธอแล้วเดินออกไปทางข้างนอก
“คุณแม่ หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรเข้าใจผิดกันค่ะ เรื่องนี้น่าจะไม่ใช่คุณย่าเย่ที่พูด? อาจจะมีคนตั้งใจสร้างความแตกแยกล่ะคะ?” กู่หยิงหยิงมีความผิดในใจ มีความรู้สึกผิด แน่นอนว่าไม่กล้าพาคุณแม่ของเธอไปที่บ้านของตระกูลเย่แบบนี้
อีกอย่าง กู่หยิงหยิงรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก เธอรู้สึกว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผล
“คุณแม่ คุณแม่ให้หนูทำเรื่องต่างๆ ให้ชัดเจนก่อนค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น” กู่หยิงหยิงรู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องไปพบคุณย่าเย่คนเดียวก่อน พูดคุยกับคุณย่าเย่ ถามให้เข้าใจว่าคุณย่าเย่หมายความว่าอะไรกันแน่
“เธอทำให้ชัดเจน? เธอทำให้ชัดเจนได้หรอ? ก็เพราะว่าเธอรีบร้อนเกินไปถึงได้ทำให้เรื่องกลายเป็นแบบนี้ เธอดูสิผู้หญิงคนหนึ่ง คนอื่นให้ไปตอนกลางคืนดึกๆ เธอก็ไปเลย เธอพึ่งเจอกับเย่ซือเฉินไม่กี่รอบก็มีความสัมพันธ์กันแล้ว เธอเป็นแบบนี้ เขาจะรักษาเธอยังไง ผู้ชายพอได้กินถึงปากแล้ว ก็ไม่รู้จักรักษาแล้ว” คุณหญิงกู่กำลังเทศนากู่หยิงหยิงด้วยสีหน้าที่โมโห รู้สึกโกรธในความไม่เอาถ่านมากๆ
“คุณแม่ เรื่องนี้ต้องมีความเข้าใจผิดแน่นอน ต้องมีความเข้าใจผิดแน่นอน หนูโทรไปถามก่อนนะ” กู่หยิงหยิงฟังจนปวดหัวแล้ว รับขึ้นตึกไปคนเดียว
ขึ้นตึกไป หลังจากที่กลับไปยังห้องของตัวเอง กู่หยิงหยิงก็รีบหาเบอร์โทรศัพท์ของตระกูลเย่ออกมา แล้วโทรออกไป
“ฮัลโหล ที่นี่คือบ้านของตระกูลเย่ครับ คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ” พ่อบ้านเป็นคนรับสาย
“ฉันหาคุณย่าเย่ ฉันคือกู่หยิงหยิง ให้คุณย่าเย่รับสายหน่อยได้ไหม?” กู่หยิงหยิงในขณะนี้มีความรีบเล็กน้อย เธออยากจะรีบทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ครับ งั้นคุณรอสักครู่นะครับ ผมไปเรียกคุณย่า” พ่อบ้านวางโทรศัพท์ลง แล้วไปเรียกคุณย่า
คุณย่าเย่ในขณะนี้นั่งอยู่หน้าประตู ได้ยินคำพูดของพ่อบ้านแล้ว แต่เธอกลับไม่ขยับ
เธอไม่ขยับ พ่อบ้านก็ไม่ดีที่จะพูด พ่อบ้านเข้าใจว่าเธอตั้งใจทำแบบนี้ จึงไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ตัวเองไปทำงานอย่างอื่นต่อแล้ว
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที คุณย่าเย่จึงจะค่อยๆ กลับไปที่ห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา “ฮัลโหล ใคร?”
คุณย่าเย่ในขณะนี้น้ำเสียงเย็นชามาก ไม่มีความรู้สึกใดๆ
ที่จริงเมื่อกี้พ่อบ้านได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ฉะนั้นคุณย่าเย่ในขณะนี้จึงตั้งใจถามแบบนี้
“คุณย่าเย่ คือหนูค่ะ หนูคือกู่หยิงหยิง” กู่หยิงหยิงรอไปนานมาก รอจนเริ่มทนไม่ได้แล้ว ได้ยินน้ำเสียงนี้ของคุณย่าเย่ ก็โมโหไฟไหม้มาก แต่เธอรู้ว่าเธอจำเป็นต้องทน
“อ๋อ ที่แท้ก็หยิงหยิงเองหรอ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” จากนั้น น้ำเสียงที่ธรรมดาทั่วไปดังผ่านออกไปแบบนั้น
กู่หยิงหยิงได้ยินน้ำเสียงนี้แล้ว ก็รีบขมวดคิ้ว “คุณย่าเย่ คุณย่าเห็นรายงานข่าวที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตในวันนี้หรือยังคะ?”
ประโยคนี้ของกู่หยิงหยิงสามารถพูดได้ว่าถามได้ถี่ถ้วนมาก
“รายงานข่าวอะไรน่ารังเกียจ?” คุณย่าเย่ทำตัวเหมือนไม่รู้เรื่อง
“ก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิงที่อยู่ในคลิปค่ะ ข่าวนั้นประกาศออกมาว่าผู้หญิงในคลิปไม่ใช่หนู ยังพูดอีกด้วยว่าคุณย่าเป็นคนบอก…..” กู่หยิงหยิงตั้งใจหยุดไป เธอเชื่อว่าพอเธอพูดถึงตรงนี้ คุณย่าเย่ก็จะเข้าใจเอง
“อ๋อ เธอหมายถึงเรื่องนี้หรอ ฉันเองก็กำลังแปลกใจอยู่เหมือนกัน” คุณย่าเย่ยิ้มที่ริมฝีปากด้วยความเย็นชา “หยิงหยิง เธอบอกฉันสิ ผู้หญิงเมื่อคืนนั้นเป็นใครกันแน่?”
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า คุณย่าเย่เจ้าเล่ห์มากจริงๆ นี่เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากำลังถามกลับกู่หยิงหยิง