บทที่ 712 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (2)
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณ์ไหน สำหรับเขา เธอเป็นปีศาจที่มีเสน่ห์ยั่วยวนอย่างแรงกล้า เป็นปีศาจที่สามารถคร่าชีวิตได้
“อืม”มือของเวินลั่วฉิงโอบคอเขาไว้ด้วยท่าทางออดอ้อนอย่างมีเสน่ห์
ยามนี้เธอเปล่งเสียงทีละคำช้าๆและเบาๆ ความยั่วยวนนั้นสิบเต็มสิบ
เมื่อก่อนเวินลั่วฉิงปฏิเสธเรื่องอย่างนี้ตลอด แต่ ณ ปัจจุบันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ตอนนี้หัวใจเธอตั้งมั่นผู้ชายคนนี้ไว้แล้ว
อีกทั้งลูกๆก็โตขนาดใช้ซีอิ๊วเป็นแล้ว ยังต้องเล่นตัวอะไรอีก
“ฉิงฉิง คุณกำลังอ่อยผมอยู่?”ดวงตาคุณชายสามเย่กลายเป็นมืดมัว น้ำเสียงก็คล้ายจะแหบหลายส่วน
ผู้หญิงคนนี้ไม่อ่อยเขา เขาก็ควบคุมไม่อยู่แล้ว เวลานี้เธอมายั่วยวนด้วยกิริยาเช่นนี้ ทำให้เขาแทบอยากกลืนเธอเข้าไปเลย
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มือที่คล้องคอเขา ค่อยๆใช้นิ้วลูบผิวของเขา ท่าทางจี้จุดเล้าโลมอย่างนี้ ทำให้ร่างกายคุณชายสามเย่แข็งตึงชั่วพริบตา ดวงตายิ่งมืดมัวขึ้นหลายส่วน เลื่อนกระจกกั้นลง เลขาหลิวที่อยู่ด้านหน้ามองภาพด้านหลังไม่เห็น
เวลานี้คุณชายสามเย่ไม่มีปัญหาเรื่องการจูบอย่างหนำใจ แต่คุณชายสามเย่ควบคุมไม่ให้ตัวเองทำสิ่งที่เยอะกว่านี้ไม่ได้
เนื่องจากเขาต้องไปทำเรื่องสำคัญกว่าเรื่องนี้ ถ้าเช่นนั้น……
“ไปสำนักทะเบียน”วินาทีต่อมา คุณชายสามเย่นั่งตัวตรงกะทันหัน จากนั้นพูดกับเลขาหลิวที่ขับรถอยู่ด้านหน้าหนึ่งประโยค
สาเหตุที่คุณชายสามเย่นั่งตัวตรง เพราะกลัวควบคุมตัวเองไม่อยู่ จนเอาเธอในรถ จากนั้นก็จะทำให้เขาเสียเวลาไปทำเรื่องทางการ
เวินลั่วฉิงชะงัก กะพริบตาเบาๆ อารมณ์อย่างนี้คุณชายสามเย่ควรพาเธอกลับบ้านไม่ใช่เหรอ?
พิสดารมาก?
เมื่อกี้เธออุตส่าห์ยั่วยวนเขาสักเต็มเหวี่ยง?
แต่เขากลับ?เขากลับ?
วินาทีนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกสับสนกะทันหัน
และเวลานี้ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่
“คุณช่วยผมสืบค้นเบอร์โทรคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ถังฉิ้นเอ๋อหน่อย”เย่โป๋เหวินกำลังโทรศัพท์คุยด้วยสีหน้าหนักอึ้งเป็นพิเศษ
เขาต้องไปพบหน้าถังฉิ้นเอ๋อ ต้องไป!!
หลายปีมานี้ เย่โป๋เหวินปิดกั้นตัวเอง ไม่ติดต่อกับคนนอก แต่เขาติดต่อกับคนคนหนึ่งเสมอมา
“โป๋เหวิน คุณจะทำอะไร?”คนนั้นได้ยินคำพูดของเย่โป๋เหวิน น้ำเสียงมีความตกใจหลายส่วน
“โป๋เหวิน เมื่ออดีตผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเลย ไม่ต้องไปใส่ใจอีก หากรื้อเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมา คนมากมายจะพลอยทุกข์ใจไปด้วย……”คนนั้นพยายามเกลี้ยกล่อมเขา น้ำเสียงมีความหนักอึ้งหลายส่วน
“คุณก็รู้ใช่ไหม?คุณก็ได้ข่าวของถังฉิ้นเอ๋อแล้วใช่หรือไม่?”เสียงเย่โป๋เหวินมีความตื่นเต้นหลายส่วน ความตื่นเต้นที่เกือบคล้ายผิดปกติ
“ช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถังดังมาก ผมต้องรู้อยู่แล้ว”คนนั้นไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่พูดถึงข้างหลังก็ถอนหายใจเบาๆ
“งั้นคุณก็สงสัยใช่หรือไม่?”วินาทีนี้ มือของเย่โป๋เหวินสั่นระริก“เธอคือ……”
“โป๋เหวิน คุณไม่ควรกลับมา”อีกฝั่งหนึ่งของสายตัดบทเขาทิ้ง ถ้าเย่โป๋เหวินไม่กลับมา อยู่ที่ศูนย์รักษาตัว เขาก็ไม่รู้เรื่องนี้แล้ว
ไม่รู้ก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น เรื่องราวในอดีตหนักหนาสาหัสมาก เมื่อไปแตะต้องหรือขุดคุ้ยขึ้นมา ไม่มีใครรู้ว่าผลมันจะเป็นอย่างไร
“โป๋เหวิน ผ่านไปยี่สิบปีแล้ว หลังผ่านมายี่สิบปีทุกอย่างก็ซาลงแล้ว อย่าไป……”เสียงอีกฝั่งหนึ่งของสายยิ่งเคร่งเครียดหลายส่วน
“ไม่ ผมจำเป็นต้องให้กระจ่าง จำเป็น……”เซ่โป๋เหวินถอนหลายใจแรงๆหนึ่งเฮือก ดวงตาทั้งคู่ค่อยๆปิดลง สีหน้ายังคงมีความเจ็บปวดและหนักอึ้งมาก “ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ?ไม่เพียงแต่เชื่อมโยงถึงเรื่องอดีตอีกต่อไป……”
ตอนที่เย่โป๋เหวินลืมตาอีกครั้ง ความเจ็บในดวงตาแผ่กระจายออกมา ความหนักอึ้งนั้นเจือความกังวลใจไว้ด้วย หรืออาจถึงขั้นหวาดกลัว เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวพันเรื่องในอดีตเท่านั้น ยังเกี่ยวพันไปถึง……
“โป๋เหวิน คุณหมายความว่าอย่างไร?”น้ำเสียงอีกฝั่งหนึ่งของสายมีความไม่เข้าใจหลายส่วน
ไม่เพียงแต่เพราะเรื่องในอดีต งั้นยังมีเรื่องอะไรอีก?
“คุณช่วยผมค้นเบอร์ออกมาก่อน ผมจะเจอหน้าถังฉิ้นเอ๋อ”เย่โป๋เหวินไม่ได้ตอบเขา เพราะเขายังไม่มั่นใจในบางเรื่อง เขาอยากพูดถังฉิ้นเอ๋อเพื่อให้เรื่องราวกระจ่าง
“คุณจะพบหน้าเธอ?”อีกฝ่ายได้ยินเขาพูดอย่างนี้ก็อดตกตะลึงไม่ได้ เขาคิดว่าเย่โป๋เหวินแค่ค้นเบอร์แล้วโทรไปหา คาดไม่ถึงว่าเซ่โป๋เหวินตงไปหาเธอโดยตรง?
“อืม ผมจะพบหน้าเขา”เย่โป๋เหวินตัดสินใจแล้ว สิ่งที่เขาตัดสินใจจะไม่เปลี่ยนแปลงอีก
และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เขาจำเป็นต้องไปทำ
“โป๋เหวิน คุณรู้อยู่แล้วแท้ๆ……”น้ำเสียงคนนั้นมีความวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด เขาลองเกลี้ยกล่อมเย่โป๋เหวินอีกครั้ง
“คุณไม่ต้องห้ามผม ผมตัดสินใจแล้ว คุณค้นเบอร์ได้แล้วบอกผม”เย่โป๋เหวินตัดบทพูดเขา เย่โป๋เหวินหยุดเพียงชั่วครู่ ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็เสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “หากคุณไม่ช่วยผมค้นหา ผมจะหาเองหรือไม่ก็ไปหาเธอโดยตรงเลย”
“ได้ ผมช่วยคุณสืบหา”คนนั้นได้ยินเขาพูดถึงขั้นนี้แล้ว จึงได้แต่รับปาก
หลังเย่โป๋เหวินวางสาย ปิดมุมปากไว้แน่น อารมณ์ในแววตายิ่งซับซ้อนเพิ่มขึ้น ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
หรือเขาไม่ควรกลับมาจากศูนย์รักษาตัวจริงๆ แต่เขาดันกลับมาแล้ว เขากลับมาแล้ว พอรู้เรื่องนี้ก็คงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ได้
หรือนี่อาจจะเป็นฟ้าลิขิต!!
ฟ้าลิขิตเช่นนี้ เขาจะต่อต้านเช่นไร?
สิ่งที่ควรมาก็จะมา สิ่งที่ควรเผชิญหน้าก็ต้องเผชิญหน้า เขาไม่อาจหลบหนีได้……
นาทีนี้ที่รถของคุณชายสามเย่
คุณชายสามเย่นั่งตัวตรงมาก มือข้างหนึ่งโอบเวินลั่วฉิงไว้ ไม่ได้มีการกระทำที่ใกล้ชิดกันแต่อย่างใด
เวินลั่วฉิงเห็นท่าทางของเขาก็เบะปาก สถานการณ์เช่นนี้ คุณชายสามเย่กลับอยู่ในกฎเกณฑ์ นับว่าเป็นครั้งแรก
เพื่อจะไปจดทะเบียนสมรสให้ได้ เขาก็ช่าง……
เรื่องจดทะเบียนสมรส ตอนนี้เวินลั่วฉิงไม่ได้คัดค้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว เธอรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องไปจดทะเบียนสมรสต้องเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็วแน่ๆ
แต่เธอนึกถึงลูกรักทั้งสองในบ้าน นึกถึงถังจื่อโม่ หากเธอไปจดทะเบียนสมรสกับเย่ซือเฉินง่ายๆอย่างนี้ จื่อโม่ของเธอจะเห็นด้วยหรือเปล่า?
อีกอย่างคุณชายสามเย่ทำอย่างนี้สะเพร่าไปไหม?
จดทะเบียนสมรสครั้งแรกก็สุกเอาเผากินแล้ว ครั้งนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อีกเหรอ?
ใครเขาทำอย่างนี้เวลาแต่งงาน?
สำหรับจุดนี้ ในใจเวินลั่วฉิงยังคงไม่พอใจเล็กน้อย