บทที่ 726 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (16)
เขารู้มาโดยตลอดว่าอยากล่อถามอะไรจากปากผู้หญิงคนนี้นั้นยากโครตๆ
แต่ถึงจะกลับไป อย่างน้อยก็ต้องจูบลาก่อน เขาถึงกลับไปอย่างพอใจ
เวินลั่วฉิงชะงัก จากนั้นก็เขย่งเท้ารีบไปหอมที่แก้มเขาอย่างรวดเร็วหนึ่งครั้ง
“เวินลั่วฉิง คุณคิดว่าผมเป็นเด็กสามขวบเหรอ?อันนี้เรียกว่าจูบ?คุณไม่จริงจังนะเนี่ย?”เย่ซือเฉินทั้งโกรธและขำในเวลาเดียวกัน หอมแก้มเขาแล้วเรียกว่าจูบ?มือของเขาโอบกอดเธออย่างชิดแน่นกว่าเดิม ไม่ให้เธอถดถอย ยิ่งไม่ให้เธอไปไหนได้
“แล้วคุณจะเอายังไง?”เวินลั่วฉิงก็รู้ว่าจูบเมื่อกี้ของตนเรียบร้อยเกินไป แต่ตอนนี้เธอรู้สึกกดดัน ดังนั้นเธอไม่ได้ไปจูบที่ริมฝีปากเขา
“ที่นี่……”เย่ซือเฉินชี้ที่ริมฝีปากตัวเอง ดวงตาทั้งคู่จดจ่ออยู่ที่เธอ มือยิ่งกอดกระชับเธอไว้แน่นมากขึ้น
ความหมายของเขาชัดเจนมาก ถ้าเธอไม่จูบตามที่เขาบอก เขาก็ไม่ปล่อยเธอ
เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก จากนั้นชูหน้าเล็กไปมองริมฝีปากของเขา ตอนนี้ริมฝีปากเขาเม้มขึ้นเล็กน้อย เผยความเซ็กซี่ที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจมาก
เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หลงผู้ชายหัวปักหัวปำ แต่เธอก็ถูกยั่วยวนเข้าให้แล้ว
อันที่จริงการจูบเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ด้วยหน้าตาที่ดีต่อตาและดีต่อใจอย่างเขา ผู้หญิงมากมายหวังจะล้มตัวเขาสักเต็มประดา
เธอรู้สึกว่าเธอก็ใกล้จะเป็นผู้หญิงกลุ่มนั้นแล้ว
เวินลั่วฉิงที่อยู่ภายใต้ภวังค์แห่งความคลั่งไคล้กับความมึนงง เธอได้เขย่งเท้าไปจูบที่ริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็วแล้ว แน่นอน แค่อย่างไวครั้งเดียว
แต่เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินยังไม่พอ มือข้างหนึ่งของเขาจับศีรษะด้านหลังของเธอไว้ จากนั้นก็จูบเธออย่างหิวกระหายแรงๆ
เขาจูบรุกล้ำเข้าไปลึก จูบอย่างร้อนรุ่มอย่างไม่อยากพรากจาก
ครั้งนี้เวินลั่วฉิงไม่ได้คัดค้านมากนัก และไม่ทันคัดค้านด้วย ปล่อยให้เขาจูบลึกเขาไปตามใจชอบ ร่างกายเธอค่อยๆอ่อนตัว มือของเธอกอดเขาไว้ด้วยความรู้สึก
เสี้ยววินาทีนี้ เธอลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง จมอยู่กับการจูบอันบ้าคลั่งของเขา
เย่ซือเฉินยกมุมปากขึ้นอย่างพอใจ อืม ในที่สุดเธอก็ปกติเสียที
ตอนที่เย่ซือเฉินปล่อยออก เวินลั่วฉิงพิงอยู่ในอ้อนกอดของเขาอย่างตัวอ่อน เธอมีความรู้สึกต่อการจูบของเขาอย่างร้อนแรง ถ้าเป็นพี่น้องกันจริงจะมีความรู้สึกอย่างนี้เหรอ?
เวินลั่วฉิงพิงอยู่ในอ้อนกอดเขา ความกดดันในใจลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ชาย พี่ชาย หม่ามี้กับแดดดี้กำลังเล่นจุ๊บกัน”เดินจื่อซีเดินมาถึงรินหน้าต่าง เห็นสองคนจูบอย่างดื่มด่ำอยู่นอกประตูบ้าน เธอจึงเรียกพี่ชายสุดที่รักอย่างตื่นเต้น
เด็กน้อยถังจื่อโม่รีบเดินเข้าไปมองแวบหนึ่ง จากนั้นก็ทำท่าเบะปาก
“พี่ชาย หม่ามี้กับแดดดี้จะแต่งงานกันแล้วใช่ไหม?ย่าทวดบอกว่าคนแต่งงานกันแล้วถึงจะจุ๊บกันได้”เด็กน้อยถังจื่อซีเพิ่งมาอยู่บ้านตระกูลถังไม่นาน แต่ก็ได้รับการซึมซาบจากท่านย่าถังไม่น้อย
ในความคิดของคนแก่ คิดเรื่องพวกนี้ตามขนบธรรมเนียม
“เชอะ”ถังจื่อโม่มองหน้าเย่ซือเฉินอีกครั้ง จากนั้นก็เปล่งออกมาหนึ่งเสียง
ใช่ เย่ซือเฉินดีต่อแม่ของเขามากแบบไม่มีจุดบกพร่อง เขาฟังคุณลุงเล่าว่า เย่ซือเฉินเป็นคนช่วยแก้ปัญหาของแม่ในวันนี้ แถมยังใช้เวลาไม่นานก็ช่วยแม่ออกจากสถานีตำรวจได้ เย่ซือเฉินร้ายกาจจริงๆ
แต่ถึงตอนนี้เย่ซือเฉินก็ยังไม่เห็นการมีตัวตนของเขากับน้องสาวเลยสักนิด
อันที่จริงมีหลายๆเรื่องที่สังเกตเห็นชัดมาก อย่างเช่นครั้งก่อนตอนเย่ซือเฉินมาที่บ้านตระกูลถัง เขาเห็นของเล่นของน้องสาวแล้วแท้ๆ
แต่เย่ซือเฉินยังคงไม่เห็นการมีอยู่ของพวกเขา
หากเย่ซือเฉินโง่หน่อย เขายังพอเข้าใจ ยังยอมรับได้ แต่เย่ซือเฉินดันฉลาดล้ำเลิศต่อทุกเรื่องราว มีเพียงไม่สังเกตเห็นเขากับน้องสาวเท่านั้น
เขาไม่ได้ใส่ใจต่อเรื่องพวกเขาอย่างชัดเจน
ถังจื่อโม่นึกถึงคำพูดที่เย่ซือเฉินบอกว่าไม่ชอบเด็กอีกครั้ง จึงดูแล้วเหมือนเย่ซือเฉินจะไม่ชอบเด็กจริงๆ
“พี่ชาย ถ้าแม่กับพ่อแต่งงานกัน พวกเราก็มีพ่อแล้ว ครอบครัวเราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าแล้ว”ถังจื่อซีไม่รับรู้ความไม่พอใจของพี่ชาย สำหรับถังจื่อซีแล้วคุณพ่อคือสิ่งที่เธอรอคอยเป็นอย่างยิ่ง
ถังจื่อโม่ได้ยินคำพูดของน้องสาว ดวงตาก็ประกายวาววับ อยู่พร้อมกันทั้งครอบครัว?อันนี้คือสิ่งที่ยั่วยวนน้องสาวได้ดีเยี่ยมเลยแหละ
สำหรับเขาก็ใช่ ถึงแม้เขาจะแสดงท่าทางไม่แคร์ แต่ในใจก็รอคอยด้วยความหวัง
แต่เย่ซือเฉินไม่ชอบเด็ก เป็นไปได้ไหมที่อาจไม่ชอบเขากับน้องสาว?เรื่องนี้คือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด
“พี่ชายกังวลว่าพ่อไม่ชอบพวกเราเหรอ?”ปกติเด็กน้อยถังจื่อซีเป็นนักกินตัวยง แต่พอถึงเวลาสำคัญเธอก็เป็นคนช่างสังเกตมาก
เรื่องนี้น่าจะได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากเวินลั่วฉิง
ถังจื่อโม่รีบหันมามองหน้าน้องสาวของตัวเอง พลางเม้มปากโดยไม่ได้พูดอะไร
“พี่ชาย ย่าทวดบอกว่าเขาเป็นพ่อแท้ๆของพวกเรา เป็นไปไม่ได้ที่ไม่ชอบพวกเรา อย่างมากก็แค่รักหม่ามี้มากกว่าพวกเรา อืม อาจจะเยอะกว่านิดหนึ่ง แต่ย่าทวดยังบอกว่า แดดดี้รักหม่ามี้ แดดดี้ก็จะรักทุกส่งที่อยู่รอบๆตัวหม่ามี้ ถ้าแดดดี้รักหม่ามี้เยอะหน่อย แดดดี้ก็จะรักพวกเราเยอะขึ้น”เห็นได้ชัดว่าท่านย่าถังพูดถึงคุณชายสามเย่ในทางที่ดีต่อหน้าถังจื่อซีไม่น้อย
“รักทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแม่?”ถังจื่อโม่ได้ยินคำพูดของถังจื่อซีก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกเขาเป็นลูกแท้ๆของเย่ซือเฉิน ยังจำเป็นต้องรักทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแม่อีกเหรอ?
ดังนั้น เด็กน้อยถังจื่อโม่กำลังงอนเพราะความหึงอยู่
“อืม อืม พี่ชาย คนที่แดดดี้สู่ขอคือแม่ ส่วนพวกเราเป็นของแถม”ถังจื่อซีรู้สึกว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผล ไม่ได้คิดมากเหมือนถังจื่อโม่
“ใครบอกน้องว่าพวกเราเป็นของแถม?”ถังจื่อโม่ชะงัก ดวงตากะพริบเบาๆ พวกเขาเป็นของแถม?ใครเป็นคนพูด?
“เมื่อก่อนลุงมู่หรงเคยบอก ลุงมู่หรงบอกว่าใครแต่งงานกับหม่ามี้ พวกเราก็จะถูกยกให้คนนั้น”เด็กน้อยถังจื่อซีกะพริบตากลมโตอย่างบริสุทธิ์และจริงใจ
“นั้นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ไม่เหมือนกัน”ถังจื่อโม่มองหน้าเธอ พลางถอนหายใจเบาๆ
ตอนนี้เย่ซือเฉินเป็นพ่อแท้ๆของพวกเขา จะเหมือนกันได้อย่างไร?
ถ้าเย่ซือเฉินไม่ใช่พ่อแท้ๆของพวกเขา เขาก็คงไม่คิดมากขนาดนี้หรอก
“เอะ พี่ชาย แม่ไม่เห็นแล้ว”ตอนที่ถังจื่อซีมองไปยังนอกประตูก็ไม่เห็นเวินลั่วฉิงแล้ว เห็นเพียงเย่ซือเฉินยืนอยู่นอกประตูบ้านตระกูลถังคนเดียว
และตอนนี้ดวงตาเย่ซือเฉินหมุนเล็กน้อย และกำลังกวาดสายตามองมายังหน้าต่างที่เด็กน้อยถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ยืนอยู่
“พี่ชาย พ่อมองมาทางนี้แล้ว พ่อเห็นพวกเราแล้ว เห็นพวกเราแล้ว”ถังจื่อซีเห็นเย่ซือเฉินมองมาตรงนี้ ใบหน้าเล็กก็เผยความตื่นเต้นหลายส่วน อดตะโกนพูดไม่ได้