บทที่ 719 การตรวจดีเอ็นเอที่ทำให้เธอขวัญหนีดีฝ่อ (9)
เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนประเด็นกะทันหัน และยังเปลี่ยนแบบตะขิดตะขวงใจมาก เหมือนฝืนเปลี่ยนถึงเรื่องเย่ซือเฉินอย่างไม่ยินดีนัก
แต่เย่โป๋เหวินถามอย่างนี้ทำให้เวินลั่วฉิงรู้สึกขำ เขาไม่ใส่ใจเรื่องลูกชายของตัวเองเลยสักนิด
เขารู้อยู่เต็มอกว่าเธอคือเวินลั่วฉิง แต่ยังถามอย่างนี้อีก?
เพราะเธอกับเย่ซือเฉินเคยแต่งงานกันมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้เรื่องของเย่ซือเฉินอึกทึกจนเกือบรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
เป็นพ่อของเย่ซือเฉิน แต่กลับไม่ประสีประสาอะไรเลย?
“เย่ซือเฉินเป็นสามีเก่าของฉัน”เวินลั่วฉิงคิดแล้วก็เสริมอีกหนึ่งประโยค“แต่พวกเราจะแต่งงานกันอีก”
สำหรับเรื่องนี้ เวินลั่วฉิงไม่ต่อต้านอีก เธอรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เพียงแต่เพราะมีลูกด้วยกันสองคนแล้ว สิ่งสำคัญกว่าก็คือเธอมีใจต่อเย่ซือเฉินแล้ว
ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าตัวเองรักเย่ซือเฉินมากขนาดไหน แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ไม่ต่อต้านที่จะแต่งงานกับเย่ซือเฉินแล้ว
“ไม่ ไม่ได้”อารมณ์ของเย่โป๋เหวินที่ไม่สงบอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น เวินลั่วฉิงพูดจบเขาก็ตะคอกใส่ทันที
ใช่แล้ว คำพูดนี้เขาใช้วิธีตะคอกออกมา เสียงเขาสูงขึ้นกะทันหัน ทำให้เวินลั่วฉิงสะดุ้งตกใจ
“ไม่ได้อะไร?”เวินลั่วฉิงมองเขาด้วยดวงตาหรี่ขึ้น หากเขาจะขัดขวางเธอกับเย่ซือเฉิน เธอจะรู้สักขบขันมากๆเลย
คนที่ไม่เป็นห่วงเป็นใยลูกชายตัวเอง ไม่รู้เรื่องราวของลูกชายตัวเองสักนิด แล้วจะมีสิทธิ์อะไรมาก้าวก่ายเรื่องนี้?
“หนูกับซือเฉินอยู่ด้วยกันไม่ได้”เย่โป๋เหวินพูดคำนี้ในขณะที่ถอนหายใจแรงๆ น้ำเสียงหนักแน่นเป็นพิเศษ
“คุณเย่ คุณยุ่งมากเกินไปแล้ว”มุมปากเวินลั่วฉิงยกขึ้น ใบหน้ามีความยิ้มเย็นหลายส่วน หากเขาเป็นพ่อที่ดี เธออาจไม่พูดจากเช่นนี้แต่เขาไม่ใช่ สิ่งที่ควรยุ่งควรใส่ใจ เขาไม่เคยทำมาก่อน ตอนนี้มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องของเธอกับเย่ซือเฉิน?
เวินลั่วฉิงไม่ได้ถามสาเหตุที่ขัดขวางเธอกับเย่ซือเฉินอยู่ด้วยกันเลย
“ฉันรู้ หลายปีมานี้ฉันไม่เคยสนใจเรื่องของซือเฉินเลย ฉันไม่ได้เป็นพ่อที่ดี ดังนั้นหนูคิดว่าฉันไม่มีคุณสมบัติยุ่งเรื่องพวกหนู”เย่โป๋เหวินเป็นคนฉลาด จึงเข้าใจความคิดของเธอ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้ทำหน้าที่ของพ่อที่ดีเลย ซึ่งติดค้างเย่ซือเฉินไว้มากจริงๆ
เขาติดค้างเย่ซือเฉินมากมาย มากมาย……
สิ่งที่เขาติดค้างเย่ซือเฉินไม่เพียงแต่ช่วงยี่สิบกว่าปีที่เย่ซือเฉินขาดพ่อคอยดูแล ยังรวมถึงภัยพิบัติทั้งหมดในยี่สิบปีก่อนอีกด้วย
เขาชดเชยไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหนีปัญหา และเขาหนีมายี่สิบปีแล้ว
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ยี่สิบปีให้หลังของวันนี้ เย่ซือเฉินจะเดินเคียงข้างเวินลั่วฉิง
“พวกหนูอยู่ด้วยกันไม่ได้”ดวงตาเย่โป๋เหวินกะพริบเบาๆ ตอนที่มองไปยังเวินลั่วฉิง ดวงตาของเขามีอารมณ์ที่ซับซ้อนมากขึ้น
“ใช่เหรอ?”รอยยิ้มเย็นตรงมุมปากเวินลั่วฉิงเพิ่มขึ้นหลายส่วน“งั้นรบกวนคุณเย่บอกสาเหตุด้วย”
เธอรู้สึกแปลกใจมาก ทำไมเธอถึงอยู่กับเย่ซือเฉินไม่ได้?
เธอกับเย่ซือเฉินอยู่ด้วยกันทำให้พวกเขาเสียหายตรงไหน?ตระกูลเย่ขัดขวางพวกเขาทีละคนสองคน?
เย่โป๋เหวินมองหน้าเธอ พลางถอนหายใจแรงๆ จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า “หนูไม่ใช่ลูกสาวของเวินจือฝาง”
ตอนที่เย่โป๋เหวินพูดคำนี้ น้ำเสียงหนักอึ้งเล็กน้อย แต่กลับมีความดีใจเจือไว้ หรืออาจปนความรอคอยอย่างมีความหวังหลายส่วนอีกด้วย
เวินลั่วฉิงตกใจ ตกใจขีดสุด ดวงตาทั้งคู่จับจ้องอยู่ที่เขา แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงหลายส่วน
เธอไม่ใช่ลูกสาวของเวินจือฝาง?คำนี้หมายความว่าอย่างไร?
“หมายความว่ายังไง?”เวินลั่วฉิงหรี่ตาขึ้น ความเย็นเยียบใบหน้าเผยออกมาอย่างชัดเจน และยังเจือกลิ่นอายอันตรายไว้หลายส่วนอย่างเลือนราง “คุณเย่ บางคำจะพูดพร่ำเพรื่อไม่ได้เชียวนะ”
เวินลั่วฉิงไม่เชื่อคำพูดของเขา ไม่เชื่อ
เธอคือเวินลั่วฉิง คือลูกสาวของเวินจือฝาง ตอนเธอกลับไปอยู่ในบ้านตระกูลเวิน ได้ตรวจดีเอ็นเอกับคุณปู่เวินแล้ว เธอเชื่อว่าจะเป็นตัวปลอมไม่ได้
หากเธอไม่ใช่ลูกสาวของเวินจือฝาง คุณปู่เวินคงไม่รับเธอกลับบ้านตระกูลเวินหรอก
“ฉันไม่ได้พูดพร่ำเพรื่ออยู่แล้ว”เย่โป๋เหวินรู้ว่าเธอไม่เชื่อ เรื่องอย่างนี้ยากต่อการยอมรับในชั่ววูบจริงๆ
เดิมทีเขาก็คิดว่าจะเก็บซ่อนเรื่องนี้ตลอดไป แต่เขาคิดไม่ถึงว่า วันนี้กลับเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้
เขายิ่งคิดไม่ถึงว่าเธอกับเย่ซือเฉินจะ……
เย่โป๋เหวินรู้ว่าเขาจำเป็นต้องอธิบายให้เธอเข้าใจ
“หนูไม่ใช่ถามฉันหรอกเหรอว่าทำไมตอนนั้นถึงไปหาแม่ของหนู?”เย่โป๋เหวินกะพริบตาเบาๆ เขากำมือไว้แน่น ร่างกายสั่นเทาแบบควบคุมไม่ได้อีกครั้ง
บางเรื่องถูกเก็บซ่อนมาตั้งนาน แล้วจู่ๆก็มาเปิดเผย ทำให้เขาทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงมองหน้าเขาโดยไม่ได้พูด เธอเม้มปากเล็กน้อย เธออยากรู้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอก็รู้สึกลัวที่จะรู้
“ตอนนั้นแม่หนูติดต่อฉันเอง”เย่โป๋เหวินแอบถอนหายใจ พูดต่อว่า“อันที่จริงก่อนหน้านั้น ฉันกับแม่ของหนูไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว วันนั้นแม่ของหนูติดต่อฉันกะทันหัน……”
เย่โป๋เหวินย้อนนึกถึงภาพวันวาน สองมือก็สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้น ตอนที่เธอติดต่อหาเขา จิตใจเขาสับสนและซับซ้อนมากซับซ้อนมาก
จากนั้นเขาไม่ได้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เขารีบไปหาเธอเลย
เวินลั่วฉิงยังคงไม่พูดอะไร เธอรอ รอให้เขาพูดต่อ
“ฉันไปเจอหน้าแม่ของเธอ ตอนนั้นแม่เธอป่วยหนัก……”เย่โป๋เหวินพูดถึงตรงนี้ก็หยุดชั่วครู่ น้ำเสียงหนักอึ้งอย่างเห็นได้ชัด “ฉันไม่รู้ว่าแม่ของเธอป่วย อีกทั้งยังป่วยหนักด้วย ฉันไม่รู้……”
เวินลั่วฉิงก็รู้จุดนี้ ตอนนั้นแม่เธอป่วยหนักจริงๆ
เห็นเย่โป๋เหวินโทษตัวเองอย่างเจ็บปวด ดวงตาหรี่ของเวินลั่วฉิงมีอารมณ์อื่นเพิ่มขึ้นหลายส่วน
เขาไม่รู้?
แล้วถ้าเขารู้จะทำยังไงได้?แล้วยังไง?
เธอรู้ว่าโรคของแม่นั้นรักษาไม่หาย เป็นโรคที่รักษาไม่หาย
“หรือ ตอนนั้นแม่ของหนูอาจจะรู้ว่าตัวเองมีเวลาไม่มาก เลยติดต่อกับฉัน ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอติดต่อหาฉันเอง ครั้งแรก”เย่โป๋เหวินหลับตา ราวกับซ่อนเร้นอารมณ์ในแววตา แต่อารมณ์บนสีหน้าเปิดเผยอย่างชัดเจน
“ทำไมแม่ของฉันถึงติดต่อคุณกะทันหัน?”เวินลั่วฉิงไม่อยากเห็นเขาจมปลักอยู่กับความทรงจำในอดีต เธอยิ่งอยากรู้คำตอบ
“ตอนนั้น แม่หนูขอร้องให้ฉันช่วยเธอหนึ่งเรื่อง”เย่โป๋เหวินได้สติ พลางมองหน้าเวินลั่วฉิงอีกครั้ง เขาแอบถอนหายใจหนึ่งครั้ง