บทที่ 731 คุณชายสามเย่ก็รู้จนได้(3)
ปฏิกิริยาดังนั้น เธอจึงได้ปฏิเสธการจูบของเขาของเธอในตอนนั้น เห็นได้ชัดว่าเพราะเธอได้ยินในสิ่งที่เย่โป๋เหวินพูด หญิงสาวจึงได้คิดว่าเธอกับเขาอาจจะเป็นพี่น้องกันจริงๆ และในตอนนั้นเธอเองก็มีความกังวลใจ
แต่แล้ว เพราะเหตุอันใดหญิงสาวจึงได้มาหาชายหนุ่ม ?
แม้ว่าในตอนนี้เย่โป๋เหวินจะทุพพลภาพไปแล้ว แต่การตรวจก็ยังคงดำเนินการอยู่ เย่โป๋เหวินต้องการจะตรวจ DNAและต้องการให้ผลตรวจนั้นออกมาโดยเร็วที่สุด
นั้นก็หมายความว่า ตั้งแต่เมื่อวานจึงถึงตอนนี้ ผลตรวจได้ออกมาแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพอผลตรวจออกมา เย่โป๋เหวินก็โทรหาเธอทันที
เพราะเธอเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน
เลยเป็นเหตุ ให้เธอยังไม่ทราบผลของการตรวจนั่น ?
เย่ซือเฉินมองไปยังเวินลั่วฉิง คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย เขายังคงคลางแคลงใจในการกระทำของเธอเมื่อวานนี้ ในตอนแรกเธอยังต่อต้านเขาอยู่เลย ไหนสุดท้ายถึงได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเสียเอง
เมื่อวาน เธอทำเขาประหลาดใจอยู่มาก
นึกไปถึงสิ่งที่เธอทำไปเมื่อวานนี้ คิดถึงตลอดช่วงบ่ายจนถึงค่ำมืดของการนัวเนียนั้น ริมฝีปากของเย่ซือเฉินก็ยกยิ้มขึ้น จากนั้นเขาก็โน้มตัวลงไป แล้วตระกองกอดเธอไว้ จูบเธอไปเบาๆ
“อืออย่า ฉันง่วง”เวินลั่วฉิงสัมผัสได้ถึงการจูบของเขา แต่เธอยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมา เธอรู้สึกเหนื่อย และเพลียมาก ต้องการจะพักผ่อน
“เมื่อวาน คุณไปเจอเย่โป๋เหวินมาแล้วเหรอ?”เย่ซือเฉินกัดไปที่ใบหูของเธอเบาๆ แล้วเอ่ยถาม ในตอนนี้ เขาเอ่ยเรียกชื่อของเย่โป๋เหวิน ไม่ได้เรียกอีกฝ่ายว่าพ่อเหมือนเดิม อาจเป็นเพราะในความรู้สึกของเขา ไม่ได้มีพ่อคนนี้อยู่แล้วอีกต่อไป
เวินลั่วฉิงดันตัวเขาเพื่อให้หยุด และดวงตาก็เบิกกว้างตื่นขึ้นมาในทันที:“คุณรู้แล้ว ”
เขารู้แล้ว ? รู้ได้ยังไง ?
แม้หญิงสาวจะรู้ว่าเธอเองไม่ใช่ลูกของเย่โป๋เหวิน แต่ว่า เย่ซือเฉินรู้เรื่องนี้แล้ว ชายหนุ่มจะคิดมากไหม ?
เพราะเย่โป๋เหวินสงสัยว่าเธอคือลูกสาวของเขา นั้นก็หมายความว่าเย่โป๋เหวินเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแม่ของเธอ !!
“เมื่อกี้เย่โป๋เหวินโทรมา บอกว่าผลตรวจออกมาแล้ว คุณไม่ใช่ลูกสาวของเขา” เรื่องนี้ เย่ซือเฉินไม่ได้ปิดบังเธอ และคิดว่าคงจะปิดเธอเอาไว้ไม่อยู่ เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับหลายคน
“อ้อ”เวินลั่วฉิงที่กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ ได้ฟังที่เย่ซือเฉินพูด เธอก็ตอบกลับไปเพียงเบาๆ ใบหน้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
“คุณรู้แต่แรกแล้วว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้?”เย่ซือเฉินที่สังเกตเห็นปฏิกิริยาของเธอ ดวงตาก็พลันหรี่ลง เธอรู้ผลตรวจแล้ว แต่ปฏิกิริยานั้นก็ดูนิ่งเฉย ไม่มีอาการตื่นตระหนกใดๆ และไม่มีอาการดีใจใดๆด้วย
เห็นได้ชัดว่าเธอเองรู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้
“ค่ะ ฉันรู้อยู่แล้ว”เวินลั่วฉิงได้ยินเสียงที่แปลกๆไปของเขา ก็หันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสายตาที่กำลังจ้องมองเธออยู่ เธอก็รีบอธิบายไปทันทีว่า:“ ฉันขอให้พี่ใหญ่ช่วยเอาDNAของเย่โป๋เหวินมาให้ เลยทำให้ฉันได้รู้ผลก่อนล่วงหน้า……”
“เพราะฉะนั้น หลังจากที่รู้ผลตรวจแล้ว คุณถึงได้มาหาผม ?”ดวงตาของเย่ซือเฉินกลับยิ่งจ้องเขม็งเข้าไปอีก น้ำเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา
คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว แต่เย่ซือเฉินก็ยังคงถามคำถามนี้ออกไป
“ค่ะ”เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าคงปิดบังชายหนุ่มไม่ได้ เห็นเขาในตอนนี้ เสียงของเธอก็แผ่วเบาลงอย่างเห็นได้ชัด
“แล้วถ้าผลมันออกมาตรงกันข้ามล่ะ?”ในใจของเย่ซือเฉินสั่นไหวเล็กน้อย เขารู้ดีว่า ถามคำถามนี้ในเวลาแบบนี้ถามมันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่เขาก็อดสงสัย เรื่องที่อยากจะรู้จริงๆไม่ได้ว่า หากผลออกมาว่าเธอคือลูกสาวของเย่โป๋เหวิน เธอจะทำยังไง ?
เธอจะทิ้งเขาไปเพียงเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า ? เธอจะหนีเขาไปเหมือนครั้งที่แล้วหรือไม่ ?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นั้น ในหัวใจของเขาก็เจ็บปวดจนแทบคลั่งขึ้นมา ไม่ เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่ยอมเด็ดขาด
“คุณ?อยากฟังคำตอบจริงๆเหรอคะ ?”เวินลั่วฉิงมองเขา แล้วหายใจเข้าลึกๆ เกิดอารมณ์สับสนเล็กน้อย
“อืม”เย่ซือเฉินนิ่งอิ้งไป แล้วพยักหน้ารับช้าๆ
“ตอนแรกฉันคิดว่า ถ้าผลตรวจออกมาว่าฉันเป็นลูกสาวของเย่โป๋เหวิน ฉันจะปิดบังมันไว้ไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ รวมถึงเย่โป๋เหวิน และรวมถึงตัวคุณด้วย”ก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงคิดเอาไว้แบบนี้จริงๆ ดังนั้นเธอจึงพูดมันไปอย่างนั้น
“แล้วหลังจากนั้นละ?”กับคำตอบนี้ เย่ซือเฉินพอจะเดาได้ว่ามันต้องเป็นแบบนี้แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากได้ยิน
“หลังจากนั้น ฉันก็จะอยู่กับคุณ”เวินลั่วฉิงคิดอย่างนั้นจริงๆในตอนนั้น แม้ว่าเธอรู้ว่ามันอาจจะยาก หรืออาจทำให้เธอเป็นบ้า จนประสาทเสียแต่เธอก็คิดแบบนั้นในเวลานั้นจริงๆ
เย่ซือเฉินอึ้งไป อึ้งไปจริงๆ ดวงตาเขาจ้องมองตรงไปที่เธอ ไม่ได้ขยับไปไหน และก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าหัวใจของเขาในตอนนี้นั้นตื่นเต้นแค่ไหน
เดิมทีเขาคิดว่าเธอคงจะไปจากเขาด้วยเหตุผลนี้ ไม่คิดว่าเธอจะมีความคิดแบบนี้
เธอ……
“คุณคงคิดว่าฉันบ้าไปแล้วหรือเปล่า?”เวินลั่วฉิงเห็นเขาไม่พูดอะไร จึงถอนหายใจเบา ๆ:“ฉันรู้ค่ะว่า ที่ฉันทำแบบนั้นมันบ้ามาก ไม่มีใครเขา……”
เย่ซือเฉินก้มลงไปหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว กดจูบไปที่ริมฝีปากของเธอหยุดคำพูดที่เธอกำลังจะพูดต่อ
ไม่เลย เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันเรียกว่าบ้า เขาคิดว่ามันวิเศษมากกว่า และดีมากจริงๆ หากเป็นเขา เขาก็คงจะทำแบบนี้เหมือนกัน
เพียงแต่ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงของเขาคนนี้จะคิดเหมือนกันกับเขาได้
นี่หมายความว่า ผู้หญิงของเขาคนนี้เกิดตกหลุมรักเขาขึ้นมาแล้วงั้นเหรอ?!และดูเหมือนจะรักมากเสียด้วย
การตระหนักรู้นี้ทำให้หัวใจของชายหนุ่มแทบคลั่ง
ริมฝีปากหนากดจูบไปยังริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วง และดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ เวินลั่วฉิงเองก็เริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก
สภาพของเธอกับเขาในตอนนี้ ที่ยังนอนอยู่บนเตียงไม่ได้ลุกไปไหน ดังนั้น หากมีอะไรที่คุณชายสามเย่อยากจะทำมันในตอนนี้ ก็ถือว่าสะดวกอยู่มากนัก
คุณชายสามเย่ถอนริมฝีปากออก แล้วไล่จูบเธอไปตามที่ต่างๆจากลำคอและเลื่อนต่ำลงมา ต่ำลงมาเรื่อยๆ ……
ร่างกายของเวินลั่วฉิงสั่นไหว :“ เย่ซือเฉิน คุณหยุดก่อนค่ะ อย่า……”
เวินลั่วฉิงยื่นมือออกไป พยายามผลักเขาออก แต่เขาก็กดทับอยู่บนร่างเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว และไล่จูบเธอต่ำลงไปอีก จนถึงส่วนที่อ่อนไหวบนร่างกายเธอ เธอแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ
คิดถึงความบ้าคลั่งของเขาในบ่ายเมื่อวาน อีกทั้งยังตลอดคืนนั้นเวินลั่วฉิงก็รู้สึกกลัวเขาขึ้นมาเล็กน้อยในตอนนี้
เธอรู้สึกว่ากระดูกทั่วร่างกายของเธอนั้นเหมือนมันจะแตกละเอียด
“เย่ซือเฉิน คุณปล่อยฉันก่อนนะคะ ฉันหิวแล้ว……”เวินลั่วฉิงตอนนี้ที่รู้สึกหิวแล้วจริงๆ เมื่อคืนพวกเขาไม่ได้กินมื้อค่ำกัน และตอนนี้ก็เก้าโมงเช้าแล้ว
“ครับ ผมก็หิวเหมือนกัน”เย่ซือเฉินไม่ได้เงยหน้าขึ้น มีเพียงเสียงอู้อี้เล็กน้อยที่ดังขึ้น และคำพูดที่คลุมเครือของเขามันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
ความชัดเจนที่ว่า คือความหิวที่เย่ซือเฉินพูดนั้น กับความหิวที่เธอมีมันไม่ใช่ความหิวในอย่างเดียวกัน!!