บทที่ 729 คุณชายสามเย่รู้จนได้ (1)
เวินลั่วฉิงรู้ว่าตัวเองกำลังจุดไฟอยู่ เธอก็จงใจทำอย่างนี้อยู่แล้ว เห็นผลตรวจดีเอ็นเอแล้ว เธอรู้สึกอยากทำตามใจอย่างอิสระสักครั้ง
ไม่เช่นนั้น เธอมาหาเขาที่บ้านทำไม?
ในเมื่อเธอมาแล้ว ต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอยู่แล้ว
“คุณแน่ใจ?นวดที่นี่?”ดวงตาเย่ซือเฉินหรี่ขึ้น ผู้หญิงคนนี้ผิดปกติมากๆ ผิดปกติจนทำให้เขารู้สึกระวังตัว
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย?”เวินลั่วฉิงกะพริบตาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา
เย่ซือเฉินไม่ได้ขยับ ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ดวงตาทั้งคู่หยุดอยู่ที่เธอ
จากนั้นเวินลั่วฉิงยังเอื้อมมือไปนวดที่ไหล่ของเขา
เย่ซือเฉินแอบถอนหายใจ วันนี้ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรกันแน่?
“เวินลั่วฉิงพูดมาเถอะ ทำไมจู่ๆก็มา?”จากไม่เคยเป็นฝ่ายรุก แถมยังเป็นผู้หญิงที่ต่อต้านนิดๆ แล้วมาเป็นฝ่ายรุกเองกะทันหัน มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก
ดังนั้นเย่ซือเฉินมั่นใจว่าเธอต้องมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงเป็นแน่
“คิดถึงคุณไง”มือของเวินลั่วฉิงที่กำลังนวดอยู่ที่ไหล่ก็มาคล้องที่คอของเขากะทันหัน เธอเขย่งเท้า ใบหน้าของเธอเข้าใกล้เขา เสียงพูดอันแผ่วเบาของเธอเปล่งออกมาตรงใบหน้าเขา
เสียงเธอไม่ดัง แต่ชัดเป็นพิเศษ……
ใช่ เธอคิดถึงเขา คิดถึงเขา คิดถึงมาก คิดถึงมาก ดังนั้นเธอจึงมาหา
เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจตัวเองว่า เธอรักเย่ซือเฉินมากขนาดไหน
เย่โป๋เหวินทำให้เธอรู้หัวใจของตัวเอง
คำว่าคิดถึง ทำให้เย่ซือเฉินใจสั่นระริก ผู้หญิงคนนี้สารภาพรักเธอครั้งแรกเลยนะ แถมยังตรงไปตรงมาอย่างนี้อีก คลุมเครืออย่างนี้ ทำให้เขาไม่รู้ควรรับมืออย่างไร
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”แต่เย่ซือเฉินยังคงให้ตัวเองรักษาสติส่วนสุดท้าย เธอกระตือรือร้นเข้าใกล้อย่างนี้มันผิดแปลกมากเกินไป
เธอสารภาพรักอย่างนี้กะทันหัน ทำให้เขารู้สึกไม่สมจริงเลย
“ไม่เป็นไร”เวินลั่วฉิงแอบถอนหายใจ ก่อนหน้านี้มีเรื่องจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว
“แค่คิดถึงคุณ”เวินลั่วฉิงเขย่งเท้าสูงขึ้น ใบหน้าของเธอยิ่งเข้าใกล้หน้าเขามากขึ้น มุมปากเธอยกขึ้นอีกครั้ง พูดต่อว่า “คิดถึงมากคิดถึงมาก”
วินาทีนี้สติส่วนสุดท้ายของเย่ซือเฉินก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขาคิดอะไรมากไม่ได้แล้ว
ตอนนี้ในสายตาเขา หัวใจเขา ล้วนมีแต่เธอ มีเพียงปีศาจน้อยที่กำลังยั่วยวนเขาอยู่
“เวินลั่วฉิง ไฟที่คุณจุดเอง คุณรับผิดชอบดับเองนะ”เย่ซือเฉินมองหน้าเขา ก้นบึ้งของดวงตามีไฟลุกโชนแล้ว
เธอเป็นคนจุดไฟนี้ ดังนั้นเธอจำเป็นต้องรับผิดชอบดับ ไม่ว่าเธอจะมีเป้าหมายอื่นแอบแฝงหรือไม่ เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไป
“อืม ฉันดับเอง”มุมปากเวินลั่วฉิงยกขึ้น หัวเราะเสียงเบา ใช่แล้ว เธอจงใจจุดไฟนี้ ดังนั้น เธอก็จะรับผิดชอบดับเอง
“เวินลั่วฉิง อย่าเสียใจนะ”มุมปากเย่ซือเฉินยกขึ้น วินาทีต่อมา เขาทับตัวเธออยู่ที่ผนังห้องอาบน้ำ จากนั้นก็จูบเธอแรงๆ
ไม่เสียใจ บัดนี้ เวินลั่วฉิงถูกเขาจูบ ดังนั้นคำพูดนี้จึงได้แต่พูดในใจ
เธอไม่เสียใจ เธอแค่รู้สึกโชคดี โชคดีมากๆ โชคดีที่สวรรค์ไม่โหดร้ายขนาดนั้น
ตอนแรกเวินลั่วฉิงไม่เสียใจจริงๆ แต่ต่อมาเธอเสียใจแล้ว เสียใจภายหลังจริงๆ
เย่ซือเฉินไม่ใช่คน เวลาเกิดแรงพิศวาสขึ้นมามักจะบ้าคลั่งจนทนทานไม่หวั่นไม่ไหว ภายหลังของภายหลัง ต่อให้เธอขอให้พอยังไงเขาก็ไม่มีทีท่าจะปล่อยเธอไปเลย
เวินลั่วฉิงไม่รู้ว่าตัวเองนอนหลับยังไง ตอนเธอนอนเห็นฟ้าด้านนอกมืดแล้ว เธอไม่รู้ว่ากี่โมง แต่ว่าต้องดึกมากแล้วแน่ๆ เธอนึกถึงลูกทั้งสองคน พลางรู้สึกผิดต่อลูกๆขึ้นมา เธอยังอยากไปดูลูกทั้งสอง
แต่ดวงตาของเธอเปิดไม่ออกแล้ว
เย่ซือเฉินมองเธอที่หลับลึกอยู่ แววตาก็เกิดอารมณ์ซับซ้อนหลายส่วน วันนี้เธอแปลกประหลาดมาก แต่เขาชอบ ถ้าวันหลังเธอเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เขาจะพอใจมากเลย
เย่ซือเฉินกอดเธอไว้ในอ้อนแขนแน่นๆ จากนั้นก็ค่อยๆหลับตาม
วันที่สอง เย่ซือเฉินถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น
เย่ซือเฉินลืมตาขึ้น รู้ว่าเป็นเสียงจากมือถือเธอ ซึ่งมือถือเธออยู่ใต้หมอนของเขา อาจเป็นเพราะเมื่อคืนเผลอปัดเข้าไป
ดังนั้นเขาได้ยินเสียงนั้น แต่เวินลั่วฉิงไม่ได้ยิน เวินลั่วฉิงกำลังหลับอย่างสนิท เพราะเมื่อคืนเธอเหนื่อยมากไปหน่อย
เย่ซือเฉินกลัวจะปลุกเธอตื่น ดังนั้นจึงเอามือถือเธอออกมาแล้วรับสาย
“ฉิงฉิง”เมื่อรับสายก็มีเสียงของผู้ชายส่งมา
เสียงผู้ชาย……
ได้ยินเสียงของผู้ชาย ได้ยินผู้ชายคนนั้นเรียกว่าฉิงฉิงอย่างสนิทปาก ดวงตาเย่ซือเฉินก็หรี่ขึ้น
แต่เขากลับพบว่าเสียงผู้ชายในสายช่างคุ้นเคย เหมือนใครบางคน
ปกติเขาพูดคุยกับเย่โป๋เหวินน้อยมาก เวลานี้คุยผ่านโทรศัพท์เสียงเลยเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เย่ซือเฉินยังคงฟังออกว่าเสียงเหมือนเย่โป๋เหวิน
แต่ทำไมเย่โป๋เหวินถึงโทรหาเวินลั่วฉิง?แถมยังเรียกว่าฉิงฉิงอีก?
ดวงตาที่กำลังหรี่ของเย่ซือเฉินลุ่มลึกลง แต่ไม่ได้พูดอะไร
เย่โป๋เหวินคิดว่าเวินลั่วฉิงไม่อยากคุยกับเขา เพราะเมื่อวานเวินลั่วฉิงแสดงท่าทางไม่ดีต่อเขาเลย
ดังนั้นเย่โป๋เหวินก็ไม่ได้คิดมาก พูดต่อว่า“ฉิงฉิง ผลตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้ว หนูไม่ใช่ลูกสาวของฉัน”
เจตนารมณ์ที่เย่โป๋เหวินโทรมาก็เพื่อบอกเรื่องนี้แก่เวินลั่วฉิง บัดนี้น้ำเสียงของเย่โป๋เหวินเจือความผิดหวังไว้
ความผิดหวังนี้แม้มีระหว่างทางขวางกั้น มีโทรศัพท์ขวางกั้น แต่เย่ซือเฉินก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน
ร่างกายเย่ซือเฉินแข็งค้าง หน้าเปลี่ยนสีชั่วพริบตา เขาฟังออกว่าเสียงนี้น่าจะเป็นของเย่โป๋เหวิน
แต่คำพูดของเย่โป๋เหวินหมายความว่ายังไง?
ผลตรวจดีเอ็นเออะไร?อะไรที่เรียกว่าเวินลั่วฉิงไม่ใช่ลูกสาวของเขา?
ทำไมเขาฟังคำนี้ไม่เข้าใจเลย?
เป็นไปได้ไหมคนที่โทรมาจะไม่ใช่เย่โป๋เหวิน เพียงแค่เสียงคล้ายกันเท่านั้น?ณ ขณะนี้เย่ซือเฉินรู้สึกลังเลเล็กน้อย รู้สึกสงสัยว่าตัวเองฟังผิดหรือไม่
เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างการสนทนา มือถือของเวินลั่วฉิงจึงไม่แสดงหมายเลขโทรศัพท์ ดังนั้นเย่ซือเฉินคิดว่าเขาคงฟังผิดไป
“ฉิงฉิง หนูฟังอยู่หรือเปล่า?”เย่โป๋เหวินที่อยู่ทางโน้นไม่ได้ยินเสียงของเวินลั่วฉิง จึงอดถามหนึ่งประโยคไม่ได้
“อืม”เวลานี้ในใจเย่ซือเฉินมีคำถามมากมาย ดังนั้นจึงตอบเสียงเบาๆหนึ่งคำ เพราะกลัวทางโน้นจะฟังสิ่งผิดปกติออก เขาจึงตอบหนึ่งคำอย่างพร่ามัว
“ฉิงฉิงหนูได้ยินก็ดีแล้ว ได้ยินก็ดีแล้ว ตอนแรกฉันคิดว่าหนูต้องเป็นลูกสาวฉันแน่ๆ คาดไม่ถึงว่าผลจะเป็นอย่างนี้”บัดนี้เย่โป๋เหวินไม่ได้พบความผิดปกติ พูดของเขาต่อไปอย่างนั้น