บทที่ 746 พาน้องสาวไปรู้จักคุณพ่อ
เจ้าเด็กถังจื่อโม่มีความเสียใจเล็กน้อย
หรือว่าตอนนี้คุณแม่รักเย่ซือเฉินมากกว่ารักเขาและน้องสาวแล้วจริงหรอ?
หรือว่าคุณแม่ไม่คิดจะสนใจพวกเขาแล้วจริงหรอ?
“พี่ชาย พี่กลับมาแล้ว? เมื่อกี้พี่ไปไหนมา?” ถังจื่อซีเห็นพี่ชายกลับมา รีบวิ่งไปเลย เจ้าเด็กถังจื่อซีรู้ว่าพี่ชายไม่ได้ไปหาเสี่ยวหมิงจื่อ เพราะว่าพี่ชายไม่ได้นัดกับเสี่ยวหมิงจื่อเลย
“ฉันไปสะกดรอยตามคุณแม่แล้ว” สำหรับน้องสาวของบ้านตัวเอง ถังจื่อโม่ไม่ได้ปิดบัง อีกอย่างตอนนี้เขาอดกลั้นความโมโหไว้มาก ไม่พูดออกมา เขาอาจจะอดกลั้นจนตาย
“อ๋า? ทำไมล่ะ?” ถังจื่อซีตกใจมาก “ทำไมถึงต้องสะกดรอยตามคุณแม่ล่ะ?”
“เธออยากจะรู้จักเย่ซือเฉินไม่ใช่หรอ? ฉันนั้นอยากจะไปดูเย่ซือเฉิน” เจ้าเด็กถังจื่อโม่ไม่ได้ยอมรับว่าเขาอยากไปพบเย่ซือเฉิน เขาทำพวกนี้ต่างก็เพื่อน้องสาว
“จริงหรอ? งั้นพี่เจอคุณพ่อหรือยัง?” สีหน้าของถังจื่อซีมีความดีใจขึ้นมาทันที “พี่ชาย คุณพ่อชอบพี่ไหม?”
“เขาตาบอด ไม่เห็นฉันเลย?” ถังจื่อโม่พูดด้วยความไม่พอใจมาก เรื่องนี้เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้รู้จักกับคุณพ่อ คุณแม่ก็ไม่กลับมาแล้ว
“พี่ชาย พี่หลบซ่อนไว้อีกแล้วใช่ไหม? ในเมื่อพี่ไปหาคุณพ่อ ก็ต้องยืนอยู่ข้างหน้าเขา พี่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา เขาต้องเห็นพี่แน่ๆ” ถังจื่อซีรู้สึกว่าครั้งก่อนที่มองผ่านทางกระจก แล้วห่างกันขนาดนั้น คุณพ่อไม่เห็นพวกเขาก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา
“ฉันยืนอยู่ข้างหน้าเลย เขายังมองฉันมาหนึ่งทีด้วย แต่ว่าเขา เขาเหมือนไม่เห็นเลย แล้วก็ไปเลย” เพราะว่าจุกนี้ ทำให้ถังจื่อโม่ไม่พอใจ
เขารู้สึกว่าเขาในตอนนี้หน้าตาคล้ายกับเย่ซือเฉินมาก ขอแค่เย่ซือเฉินใส่ใจหน่อย น่าจะเห็นได้
อีกอย่าง ข้างกายของเขาก็ยังจอดรถของตระกูลถังไว้อีกด้วย
เจ้าเด็กถังจื่อซีก็เงียบไปเลย
“พี่ชาย พี่อย่าเสียใจไปเลย เขาไม่เห็นพี่ไม่เป็นไร” เจ้าเด็กถังจื่อซีเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น มองไปทางพี่ชายของตัวเอง เสียงหวานมาก อ่อนโยน น่าฟังเป็นพิเศษ
“อื้ม” ถังจื่อโม่ฟังคำปลอบใจของน้องสาวตัวเองแล้ว ในใจก็สบายใจขึ้นเยอะมาก
เย่ซือเฉินนั้นตาบอด คุณแม่ก็ไม่สนใจพวกเขาแล้ว ก็ยังเป็นน้องสาวที่ดีอยู่
“พี่ชาย หรือว่าพี่ให้ฉันไปพบคุณพ่อเถอะ ฉันน่ารักขนาดนี้ คุณพ่อต้องเห็นฉันแน่ๆ” แต่ว่า คำพูดต่อจากนี้ของเจ้าเด็กถังจื่อซีทำให้ความซึ้งใจในใจของเขาดับหายไปเลย
ถังจื่อโม่เงยหน้าขึ้น มองไปทางเขา ริมฝีปากอดเบ้ปากขึ้นไม่ได้
นี่คือน้องสาวแท้ๆ ของเขาไหม?
แต่ว่า ถึงแม้แววตาของถังจื่อโม่จะเปล่งประกายขึ้น แต่ในใจของเขาจู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา
หรือว่า ก็ให้น้องสาวไปพบเย่ซือเฉินเถอะ!!
แน่นอนว่า เรื่องนี้ยังต้องวางแผนดีๆ ก่อน
ในโรงพยาบาล คุณปู่เวินถูกส่งเข้าไปในห้องผู้ป่วยอาการหนัก
เย่ซือเฉินเฝ้ากับเธออยู่ข้างนอก
ในที่สุดอาการของคุณปู่เวินก็คงที่ แต่ว่ายังไม่ฟื้น กลับมาเป็นสภาพก่อนหน้านี้เหมือนเดิม
แต่ว่า ในเมื่อคำพูดก่อนหน้านี้ของเวินจีหยันสามารถทำให้คุณปู่เวินตื้นตันได้ งั้นแสดงว่าคุณปู่เวินมีสติอยู่
เวินลั่วฉิงนึกถึงเรื่องที่เธอนำเลือดของของคุณปู่เวินไปตรวจเรื่องDNA ผลออกมาแล้ว หากเธอไม่ใช่ลูกของเวินจือฝางจริงๆ เธอจะบอกคุณปู่เวินไหม?
“คุณปู่ไม่เป็นอะไรแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อน” เย่ซือเฉินเห็นเธอเป็นแบบนี้ รู้สึกเจ็บใจเป็นพิเศษ
สถานการณ์แบบนี้ในตอนนี้ ที่จริงแล้วเธออยู่ต่อที่นี่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วยอะไรไม่ได้
ตอนนี้ ห้องพักผู้ป่วยอาการหนักของคุณปู่ไม่สามารถให้ใครเข้าไปได้
พยาบาลในโรงพยายามเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ ยังเชิญผู้ชำนาญการพิเศษมาสองท่านอีกด้วย
“ฉันสามารถเข้าไปเยี่ยมคุณปู่ได้เมื่อไหร่คะ” เวินลั่วฉิงเห็นคุณหมอหลี่เดินมาพอดี อดถามไปประโยคหนึ่งไม่ได้
“คุณเวิน อาการของคุณเวินในตอนนี้ ดีที่สุดพวกคุณอย่าเข้าไป วันนี้นอกจากสมาชิกทางการแพทย์แล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ไม่สามารถเข้าไปได้”
“ไปเถอะ” หลังจากที่คุณหมอหลี่จากไป เย่ซือเฉินก็พาเวินลั่วฉิงจากไปด้วย
ในตอนที่ลงจากตึก เวินลั่วฉิงก็ได้รับสายโทรศัพท์จากเห่อถงถงถงพอดี
“ฉิงฉิง เกิดอะไรขึ้น? ช่วงเวลาที่ฉันจากไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ทำไมบนอินเทอร์เน็ตเป็นข่าวของเธอหมดเลย?” ก่อนหน้านี้เห่อถงถงไปที่ชุมชนค่อนข้างล้าหลังในเมืองซินเจียง เห่อถงถงได้สมทบทุนสร้างโรงเรียนหนึ่งที่นั่น เห่อถงถงจะไปเยี่ยมชมทุกปี
ทางนั้นไม่มีแม้กระทั่งอินเทอร์เน็ต ฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเวินลั่วฉิงในช่วงนี้ เธอต่างก็ไม่รู้
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ต่างก็จัดการหมดแล้ว เธอกลับมาเมื่อไหร่เนี่ย?” เวินลั่วฉิงได้ยินเสียงของเธอแล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย
“พึ่งกลับมา พึ่งลงจากเครื่องบินก็ได้ข่าวเธอเต็มไปหมด เธออยู่ที่ไหน? พวกเรามาเจอกันหน่อย” เห่อถงถงรู้สึกว่าเธอจะต้องเข้าใจสถานการณ์ให้ดีๆ หน่อย เธอรู้สึกว่าช่วงเวลานี้ที่จากไป จะพลิกแผ่นดินแล้ว
แต่ช่วงเวลานี้เธอไม่สามารถอยู่กับฉิงฉิงได้
“จี้หซีบ้านเธอล่ะ ครั้งนี้เขาไปกับเธอไม่ใช่หรอ? นี่เธอพึ่งลงจากเครื่องก็ทิ้งคนอื่นแล้วหรอ?” เวินลั่วฉิงรู้ว่าครั้งนี้จี้หซีไปกับเธอ พึ่งลงจากเครื่องแสดงว่าต้องอยู่กับจี้หซีแน่ๆ
ในตอนที่เย่ซือเฉินได้ยินเธอพูดถึงจี้หซี ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย โทรศัพท์คือผู้หญิงของจี้หซีโทรมา?
“ไม่สนใจเขา ฉันให้เขากลับไปก่อน พวกเราเจอกันที่เดิมนะ” เห่อถงถงมองไปทางจี้หซีที่อยู่ข้างๆ จี้หซีกำลังมองเขาอยู่ สีหน้าไม่พอใจ ยังมีความลำบากใจอีกด้วย
นี่พอเธอลงจากเครื่องบิน ก็ทิ้งเขาไปแล้ว
“ได้ เจอกันที่เดิม” เวินลั่วฉิงยิ้ม อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ตอนแรกคุณชายสามเย่นั้นไม่อยากให้เธอจากตัวเขาเขาไป เขาไม่คิดที่จะเธอกลับบ้านของตระกูลถังด้วยซ้ำ แต่ว่า เห็นริมฝีปากของเธอในตอนนี้ยิ้มได้ผ่อนคลายมาก เขาก็ลังเลไปพัดใหญ่ สุดท้ายก็ไม่ได้ห้ามเธอไว้
ในตอนที่เวินลั่วฉิงรีบไปถึง เห่อถงถงยังมาไม่ถึง ไม่ว่ายังไงแล้วเห่อถงถงก็ต้องรีบมาจากสนามบิน มีความไกลเล็กน้อย
เป็นช่วงเวลาเที่ยงพอดี เวินลั่วฉิงสั่งอาหารที่เธอและเห่อถงถงชอบมา รอเธออยู่
นี่คือร้านอาหารที่สบายๆ ร้านหนึ่ง เงียบสงบ เอและเห่อถงถงต่างก็ชอบมาก
ช่วงนี้เวินลั่วฉิงมีความเหนื่อยเล็กน้อย สั่งกาแฟมาหนึ่งแก้ว ดึงสติขึ้นมาหน่อย
ในตอนที่พนักงานถือกาแฟมาเสิร์ฟ จู่ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็เดินมา ชนกับพนักงานพอดี กาแฟที่พนักงานถืออยู่ได้หกลงบนตัวของเวินลั่วฉิงพอดี
เวินลั่วฉิงกะพริบตาขึ้น หันหลัง แล้วรีบหลบทันที
“ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ” พนักงานตกใจเล็กน้อย หลังจากที่ดึงสติกลับมาได้ก็รีบขอโทษ
เวินลั่วฉิงมองไปทางผู้หญิงที่เดินชนมาเมื่อกี้ ผู้หญิงสวมใส่แว่นตาสีดำ พึ่งเข้ามาจากข้างนอก
ตามหลังแล้ว น่าจะเป็นคนแปลกหน้า แต่ว่า…..