“ไม่มี ไม่มีแน่นอน”หลินเป้ยรีบโบกมือ อยากถอยหลังอีกครั้ง
“น้องตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม?แถมหูยังแดงขนาดนี้อีก?”เจ้าชายใหญ่ไม่ได้เข้าไปใกล้ แต่จ้องเขาอย่างแปลกใจ
เจ้าชายน้อยเป็นคนร่างเล็ก มองแล้วผอมบาง ยืนเคียงเจ้าชายใหญ่แล้วไม่ค่อยกลมกลืนกันสักเท่าไหร่
“ไม่มีอะไร คุณหยวนรออยู่ด้านล่าง พวกเรารีบลงไปกันเถอะ”เจ้าชายน้อยหาเหตุผลเข้าท่าได้ พลางถอยหลังหนึ่งก้าว จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป แม้ร่างกายเขาจะเล็ก แต่กลับวิ่งได้เร็วมาก
“เสียดายวันนี้ถังหลินไม่ได้ไปเป็นเพื่อนพวกเรา ได้ยินมาว่าเมื่อคืนถังหลินข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเลยโทรศัพท์แจ้งความถังหลิน ตอนนี้ให้ตำรวจทำคดีอยู่ในห้อง”หลินเก๋อเดินตามเขาอยู่ด้านหลัง แกล้งทำเป็นเล่าเรื่องภายในห้องให้ฟังแบบผ่านๆ
หลินเป้ยที่เดินอยู่ด้านหน้าร่างกายแข็งค้าง หยุดก้าวเดิน ก่อนจะหันกลับไปมองพี่ชายของตน:“หรือเหรอ?มีคนแจ้งความถังหลินข่ม……?”
น้ำเสียงของเจ้าชายน้อยมีความแปลกประหลาดหลายส่วน คล้ายกับมีอารมณ์อื่นแอบแฝงอยู่ด้วย
“จริงแน่นอน เมื่อกี้พี่ดูทุกอย่างในห้องจนชัดเจนแล้ว ผู้หญิงคนนั้นอนาถมาก มีรอยแผลเต็มตัวเลย ถังหลินคนนี้หยาบกระด้างมากไม่รู้จักถนอมสาวๆเลยสักนิด”
เจ้าชายใหญ่เดินไปพลางส่ายหัวไปพลาง:“ซวยแล้ว ซวยแล้ว ครั้งนี้ถังหลินกระโดดลงหวงเหอก็คงล้างมลทินไม่ได้แล้ว(ถึงจะแก้ต่างยังไงก็ฟังไม่ขึ้น)”
หลินเป้ยยืนอึ้งอยู่กับที่ ไม่ได้พูดอะไร และไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เจ้าชายใหญ่เดินไปด้านหน้าเขา ยกมือตบไหล่เขา
หลินเป้ยถูกเขาตบ สองขาก็อ่อนจนทรุดตัวคุกเข่า
“หลินเป้ย ตกใจเกินไปหรือเปล่า พี่เห็นเมื่อกี้น้องเกือบล้มเลย ทำไม เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือไง?ทำให้สองขาอ่อนล้าไปหมด?”หลินเก๋อมองขาของเขา พลางกะพริบตาปริบๆ เมื่อกี้แค่ตบเขาเบาๆ เขาจำเป็นต้องเป็นถึงขนาดนี้ไหม?
เหมือนสองขาไม่มีแรงเสียอย่างนั้น!!
“พี่นั่นแหละขาอ่อน”หลินเป้ยจ้องเขม็งเขาแรงๆ จากนั้นก็หันหลังเดินไปยังด้านหน้า
เจ้าชายใหญ่“……”
ใจความสำคัญที่เขาพูดเมื่อกี้คือขาอ่อนหรือ?ใช่หรือ?!
เจ้าชายใหญ่ไม่ได้รับคำมาพูดต่อ แค่มองแผ่นหลังเขาอย่างใช้ความคิด……
ภายในห้องถังหลิน เมื่อเวลาล่วงเลยไปกว่าสองชั่วโมง หมอนิติเวชก็เดินออกมา ในมือยังถือผลตรวจไว้ด้วย
ทุกคนล้วนมองแต่ผลตรวจในมือหมอนิติเวช อยากรู้ว่าผลเป็นเช่นไร
คุณกงก็มองด้วยสีหน้าตึงเครียด
ถังหยุนเฉิงก็ตึกเครียดเช่นกัน ร่างกายที่หดแข็งของเขาทำให้รู้ว่าเวลานี้เขาเครียดมากเพียงใด
แต่เวินลั่วฉิงกลับมีสีหน้าปรกติ!
“ผลออกมาแล้วครับ เส้นผมกับเลือดบนผ้าห่มไม่ใช่ของถังหลิน และไม่ใช่ของคุณกงครับ”ครั้งนี้หมอนิติเวชไม่ได้เอาให้หัวหน้ากู้ดู แต่เป็นการประกาศผลออกมาโดยตรง
สิ้นเสียงของเขา คนครึ่งหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องตกตะลึง
เวินลั่วฉิงกลับแอบเบาใจลง ตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ ตอนนี้โชคดีมาก โชคดีมาก!
ถังหยุนเฉิงก็เบาใจอย่างเห็นได้ชัด เขามองเวินลั่วฉิงอย่างปลาบปลื้ม โชคดีที่มีฉิงฉิงอยู่ด้วย
“เป็นของแขกก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”กู้ฉิ้งหยู่ตกใจ รีบพูดออกมาหนึ่งประโยค“ถึงจะทำความสะอาดห้องได้ดีเพียงใด แต่บางครั้งก็อาจสะเพร่าได้”
“ผลวิเคราะห์คราบเลือดบนผ้าห่มออกมาแล้วครับ ทิ้งเลือดนี้ไว้ในเวลาประมาณสี่ทุ่มถึงห้าทุ่มของเมื่อคืนครับ”หมอนิติเวชมองกู้ฉิ้งหยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะเสริมอีกหนึ่งประโยคช้าๆ
ได้ยินหมอนิติเวชพูดเช่นนี้ กู้ฉิ้งหยู่ก็ไม่กล้าเอ่ยแม้แต่คำเดียว เพราะหมอนิติเวชแจ้งเวลาได้แม่นยำมาก
คุณกงที่นังอยู่บนโซฟาตัวสั่นเทา แต่ยังคงเสแสร้งบนใบหน้าได้ไม่เลว ไม่ได้เผยความผิดแปลกออกมามากนัก
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยดูกล้องวงจรปิดแล้ว เห็นถังหลินขึ้นมาชั้นนี้ตอนสี่ทุ่มสิบห้านาที คุณกงบอกว่าถังหลินขึ้นมาถึงก็ดึงคุณเข้าห้อง ข่มขืนจนถึงตีสอง ก่อนหน้านี้คุณกงบอกว่าไม่มีใครเข้ามา งั้นขอถามคุณกงหน่อยว่า จะอธิบายเลือดนี้อย่างไร
”ไม่รอให้คุณกงเอ่ยปากพูด เวินลั่วฉิงก็รีบเสริมอีกหนึ่งประโยค
ขอเพียงยืนยันได้ว่าคุณกงกำลังพูดโกหกอยู่ งั้นเรื่องนี้ก็มีโอกาสพลิกสถานการณ์แล้ว
บัดนี้คุณกงนั่งตัวตรงมาก แผ่นหลังก็ตรงมาก มือของเธอที่จับเก้าอี้โซฟาไว้เก็บแน่นเล็กน้อย……
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมมีเลือดของคนอื่นไปได้ ตอนนั้นยังมีบุคคลที่สามอยู่ในห้องเหรอ?”
“แต่คุณกงพูดอยู่หมาดๆว่าไม่มีคนอื่น หรือคุณกงกำลังพูดปดอยู่?”
“ทำไมคุณกงต้องโกหกด้วยคะ?คุณกงพูดโกหกจุดนี้ งั้นที่เธอฟ้องถังหลินเพราะโดนข่มขืน มันจริงหรือเท็จกันแน่?”
“เชิญคุณกงให้คำอธิบายหน่อยค่ะ”บัดนี้นักข่าวทุกคนต่างพุ่งเข้าหาคุณกง ต่างบีบถามเธออย่างชุลมุน
คุณกงเห็นเช่นนี้ก็ว้าวุ่นใจเล็กน้อย สื่อสารมวลชนเป็นดาบสองคมเสมอมา หากใช้ไม่ดี อาจทำร้ายตัวเองได้
“ตอนนั้นฉันถูกตีจนเกือบขาดการรับรู้ อยู่ในอาการมึนๆเบลอๆ ฉันจำไม่ค่อยได้ว่าต่อมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง หรือภายหลังมีคนเข้ามาแต่การรับรู้ของฉันไม่ค่อยดีเลยไม่ทันได้สังเกต”ไม่ชมไม่ได้แล้ว คุณกงมีไหวพริบไวมาก ฉลาดมาก และเหตุผลนี้ก็ฟังเข้าท่าเสียด้วย
“แต่เมื่อกี้คุณกงยืนยันหัวชนฝาว่าไม่มีคนเข้ามา คุณกงลืมคำพูดของตัวเองไวขนาดนี้เลยหรือ?”มีหรือเวินลั่วฉิงจะปล่อยให้เธอปฏิเสธความรับผิดชอบ การถามปูทางก่อนหน้านี้เธอไม่ได้ทำเปล่าๆนะ
“คุณกง ขอถามหน่อยว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมคำพูดของคุณก่อนหน้าและหลังไม่ตรงกัน?”
นักข่าวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็เริ่มบีบเค้นถามหาความจริงจากคุณกงอีกครั้ง
“ถังหลินน่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สุด?”หนึ่งในนักข่าวกล่าวประโยคนี้ออกมา
“อืม มีเหตุผล ถังหลินที่อยู่ในเหตุการณ์มีสิทธิ์พูดที่สุด”
“ถังหลิน ขอถามหน่อยค่ะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นักข่าวหันไปหาถังหลิน แต่เมื่อเทียบกับคุณกงแล้ว ตอนนี้มีความยำเกรงหลายส่วน
เพราะเรื่องนี้กลายเป็นปริศนาที่สับสนมาก ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นความจริงหรือเปล่า ไม่มีใครกล้าบาดหมางกับถังหลินในเวลาเช่นนี้
“ผมไม่รู้อะไรเลย เพราะผมไม่ได้ดึงคุณกงเข้าห้อง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณกงเข้ามาอยู่ในห้องของผมได้อย่างไร”ถังหลินมองคุณกงอย่างเย็นยะเยือก พลางพูดอย่างมั่นใจสุดๆ