“ใช่ ฉันเป็นห่วงมากเลย” เวินลั่วฉิงเบ้ปาก แล้วเสริมคำพูดกลับมา
“ฉิงฉิง คำพูดนี้ขอเธอขอไปทีกว่านี้ได้อีกไหม? หากถังหลินรู้ว่ามีน้องสาวแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะโมโหจนกระอักเลือดหรือเปล่า” อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ มู่หรงดัวหยางเหลือกตาขาวออกมาเลย
สำหรับเวินลั่วฉิงนั้นเขารู้จักดี คำพูดนี้ของเวินลั่วฉิงเธอไม่ได้เหม่อลอยเลย
ก่อนหน้านี้ที่ฉิงฉิงพูดถึงคุณชายสามเย่นั้นเป็นห่วงกังวลใจมาก แต่ว่าพอตอนนี้ที่พูดถึงถังหลิน น้ำเสียงกลับขอไปทีแบบลวกๆ เลย
“เป็นไปได้ยังไง? เพื่อเรื่องนี้ของพี่ชายฉัน ฉันทุ่มเทมากๆ ตอนนี้ฉันกำลังจะไปที่สำนักอัยการ ไปมั่นใจผลตรวจบางอย่างกับนิติเวช” เวินลั่วฉิงอึ้งไปเลย เธอไม่สนใจเรื่องของถังหลินหรอ?
แน่นอนว่าไม่ใช่!!
แต่ว่าสำหรับเรื่องเมื่อคืนนั้น ถังหลินได้แตะต้องตัวใครกันแน่ เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่จบไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปพูดถึงแล้ว
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้ชาย หรือว่าผู้หญิง ต่างก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้แล้ว
แต่ว่า สำหรับเรื่องของเย่ซือเฉิน เธอรู้สึกว่าจำเป็นที่จะต้องป้องกันไว้ก่อน
“ทางนิติเวชมีอะไรที่ต้องไปตรวจให้แน่ชัดหรอ?” มู่หรงดัวหยางได้ยินคำพูดของเธอแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนดูจริงจังมากขึ้น
“เป็นเรื่องเกี่ยวกับกงหยุน” เวินลั่วฉิงค่อยๆ หรี่ตาขึ้น กงหยุนไม่พูดอะไรเลย จากปากของกงหยุนไม่ได้รับอะไรที่พวกเขาต้องการเลย เวินลั่วฉิงได้แต่คิดหาวิธีหาเบาะแสบางอย่างจากผลตรวจ
“เกี่ยวกับกงหยุน? เธอไปที่นิติเวชจะสามารถหาสถานการณ์อะไรจากกงหยุน?” มู่หรงดัวหยางมีความไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเวินลั่วฉิง
“ทางนิติเวชนั้นมีผลรายงานการตรวจอาการบาดเจ็บของกงหยุน นิติเวชคนนั้นปฏิบัติงานได้จริงจังมาก ผลรายงานได้จะละเอียด” เวินลั่วฉิงค่อยๆ หรี่ตาขึ้น ในแววตาของเขามีแสงเปล่งประกายอยู่ เธอรู้สึกว่าจุดนี้อาจจะมีเบาะแสใหม่ที่จะพบเจอ
“แล้วยังไง? จากอาการบาดเจ็บของกงหยุนจะสามารถสืบอะไรเจอ?” มู่หรงดัวหยางกลับไม่รู้สึกว่ามีประโยชน์อะไร “ถ้าหากอาการบาดเจ็บของกงหยุนมีปัญหา ตอนนั้นนิติเวชก็คงจะพูดออกมาแล้ว”
“ฉันสงสัยว่าอาการบาดเจ็บของเธอนั้นเธอเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง” เวินลั่วฉิงพูดถึงจุดสงสัยของเธอออกมา สำหรับมู่หรงดัวหยางแล้วแน่นอนว่าเธอเชื่อใจมาก ดังนั้น จึงไม่ได้ปกปิด
“สร้างขึ้นมาเอง?” มู่หรงดัวหยางตกใจจนตะโกนออกมาเสียง “เรื่องอื่นอาจจะเป็นไปได้ แต่ว่าการฉีกขาดในส่วนล่างของเธอล่ะ?”
“สามารถสร้างการฉีกขาดแบบนั้นออกมาได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้ชาย ตัวเธอเองก็สามารถใช้สิ่งของอย่างอื่นมาสร้างการฉีกขาดได้ และทั้งสองสถานการณ์นี้ก็สร้างรอยฉีกขาดออกมาได้ไม่แตกต่างกันมาก ในสถานการณ์ตอนนั้น เป็นไปไม่ได้ที่นิติเวชจะจ้องดูอย่างละเอียด แต่ว่าตอนนั้นนิติเวชได้ถ่ายรูปไปแล้ว ตอนนี้ฉันจะลองไปดู อาจจะรู้อะไรบางอย่าง”
เวินลั่วฉิงยืนหยัดมาตลอดว่า ขอแค่เป็นของปลอม ก็ต้องมีช่องโหว่ ขอแค่สำรวจและมองอย่างละเอียด จะต้องมองเห็นช่องโหว่ในนั้นแน่นอน
“เมื่อกี้เธอก็พูดแล้ว การฉีกขาดของสองสถานการณ์นี้ไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก ตอนนั้นนิติเวชตรวจสอบออกมาไม่ได้ ผ่านรูปถ่ายจะสามารถเห็นอะไรที่แตกต่าง?” มู่หรงดัวหยางเบ้ปาก “ดวงตาของเธอคงจะเป็นตาทิพย์สินะ!”
เขารู้ว่าเธอตรวจสอบอะไรก็ละเอียดอ่อนมาโดยตลอด แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้เกรงว่าถึงแม้จะเป็นเนื้อตาก็ยากที่จะแยกออก ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะตรวจสอบแผลของกงหยุนในตอนนั้นเลยก็ยังเกรงว่าจะยากที่จะมองออกถึงความแตกต่าง ยิ่งกว่านั้นคือตอนนี้เธอแค่ไปดูรูปถ่ายไม่กี่ภาพ
“หลักสำคัญหลักๆ ฉันเห็นแล้ว” เวินลั่วฉิงไม่แน่ใจว่าจะสามารถพบเจออะไรหรือเปล่า แต่ว่า เธอรู้สึกว่านี่เป็นเบาะแสทางหนึ่ง
ตอนนี้ไม่พบอะไรเลย ขอแค่มีเบาะแสเล็กน้อยเธอก็ไม่อยากจะปล่อยไป
“หากเป็นเหมือนกับที่เธอพูดจริงๆ กงหยุนทำร้ายตัวเอง แล้วจะสามารถยืนยันอะไรได้ล่ะ” อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ มู่หรงดัวหยางอึ้งไปเลย อดถามคำถามออกมาอีกคำถามไม่ได้
มู่หรงดัวหยางมีความไม่เข้าใจว่าเธออยากยืนยันอะไรจากจุดนี้
“หากเป็นแบบนี้จริงๆ ฉันสงสัยว่ากงหยุนก็คือคนขององค์กรโกสต์ซิตี้นั่นแหละ” แววตาของเวินลั่วฉิงค่อยๆ หรี่ตาขึ้น
กู้หวูเคยพูดว่า ตอนนั้นกงหยุนกับองค์กรโกสต์ซิตี้เคยติดต่อกัน
มีแต่คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ถึงได้ฟังคำสั่งขององค์กรโกสต์ซิตี้ทั้งหมด ถึงได้โหดร้ายกับตัวเองได้ลงคอแบบนั้น
“หากกงหยุนคือคนของ งั้นฉันสงสัยว่า เรื่องนี้น่าจะมีคนอื่นๆ ที่ได้จ้างคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ เป็นไปได้ที่เรื่องนี้ก็คือคนในองค์กรโกสต์ซิตี้ทำตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสละคนของตัวเองขนาดนี้” เวินลั่วฉิงค่อยๆ พูดการคาดเดาของตัวเองออกมา
ตอนที่เวินลั่วฉิงให้มู่หรงดัวหยางช่วยเหลือเธอก็ได้พูดเรื่องราวทั้งหมดให้มู่หรงดัวหยางแล้ว ดังนั้นขณะนี้เวินลั่วฉิงจึงไม่มีการปกปิดใดๆ
“เป็นไปไม่ได้” อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ สีหน้าของมู่หรงดัวหยางเปลี่ยนไปเร็วมาก “คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น คุณชายสามเย่ ถังหลินและเธอ ต่างก็ไม่เคยเป็นโทษกับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ ทำไมพวกเขาถึงต้องทำแบบนี้”
ในตอนที่มู่หรงดัวหยางพูดประโยคนี้ สีหน้าดูจริงจังหนักแน่นขึ้นเยอะมาก ในตอนที่เขาได้รับสายจากเวินลั่วฉิงให้เขาช่วยเหลือ ก็ได้สืบเรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้เป็นพิเศษ เธอเห็นว่าองค์กรโกสต์ซิตี้นั้นน่ากลัวยิ่งกว่าที่คนภายนอกพูดถึง
เขาไม่หวังว่าจะเป็นเหมือนสถานการณ์ที่เวินลั่วฉิงพูด เขาไม่หวังว่าคนข้างกายของเวินลั่วฉิงจะมีความเกี่ยวข้องใดๆ กับองค์กรโกสต์ซิตี้ เขาไม่หวังว่าฉิงฉิงของบ้านเขาจะมีอันตราย
“ฉิงฉิง เรื่องนี้เธออย่าพูดไปมั่ว เธอรู้ไหมว่าองค์กรโกสต์ซิตี้มีคนเก่งกาจมากแค่ไหน? หากเรื่องนี้เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ทำเอง งั้นผลที่ตามยาก ฉันไม่กล้าคิดเลย” มู่หรงดัวหยางได้สืบเรื่องเกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้ไว้มากมาย สำหรับองค์กรโกสต์ซิตี้ก็เข้าใจเพิ่มเยอะมาก ดังนั้น ในตอนที่เขาได้ยินคำพูดของเวินลั่วฉิงแล้วก็ตกใจมากจริงๆ
เขา เขาหวังว่าจะไม่เป็นเหมือนกับที่เวินลั่วฉิงคาดเดาแบบนั้นจริงๆ
สีหน้าของเวินลั่วฉิงแย่ลงเยอะมาก เม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร
“ฉิงฉิง ฉันพูดกับเธอแบบนี้ละกัน ความเก่งกาจขององค์กรโกสต์ซิตี้นั้น ถึงแม้ว่าคุณชายสามเย่กับถังหลินจะร่วมมือกัน ก็เทียบหนึ่งในสิบขององค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ได้เลย นี่คือพลังที่ฉันรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับองค์กรโกสต์ซิตี้ แน่นอนว่ายังมีอีกส่วนหนึ่งที่ฉันไม่รู้ พลังพวกนั้นที่ฉันสืบไม่เจอยิ่งน่ากลัว ยิ่งโหดร้าย ดังนั้น ไม่มีใครอยากที่จะเป็นศัตรูกับองค์กรโกสต์ซิตี้ ฉิงฉิง ฉันหวังว่าการคาดเดาของเธอจะเป็นสิ่งที่ผิด”
อีกทางหนึ่งของโทรศัพท์ มู่หรงดัวหยางในขณะนี้เสียงของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน น้ำเสียงเริ่มไม่คงที่แล้ว
“ฉันเองก็หวังว่าการคาดเดาของฉันจะผิด” ได้ยินคำพูดของมู่หรงดัวหยางแล้ว สีหน้าของเวินลั่วฉิงก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเลย
เวินลั่วฉิงรู้ คำพูดของมู่หรงดัวหยางไม่ได้เวอร์เกินไป มู่หรงดัวหยางพูดแบบนี้ แน่นอนว่าเรื่องก็เป็นแบบนี้
เธอเองก็คิดไม่ถึงว่าองค์กรโกสต์ซิตี้จะโหดร้ายเก่งกาจถึงขั้นนี้
แต่ว่า เธอ ถังหลิน เย่ซือเฉิน ต่างก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับองค์กรโกสต์ซิตี้ ยิ่งไม่เคยไปเป็นโทษกับองค์กรโกสต์ซิตี้