“จื่อซี อย่าพูดไปเรื่อยนะคะ หนูอาจจะฟังผิดก็ได้”บัดนี้สีหน้าเฟิ่งเหมียวเหมียวดูแย่มาก ถ้าเป็นผู้หญิง พวกเขาจะดีใจมากๆ แต่ถ้าเป็นผู้ชาย งั้น……งั้น……
“หนูไม่ได้ฟังผิดหรอกค่ะ คนนั้นพูดชัดเจนมาก หนูก็ฟังได้ชัดเจนมากค่ะ”ถังจื่อซีเน้นย้ำอย่างจริงจัง เธอหยุดพูด จากนั้นก็เสริมอีกว่า:“เหมือนเป็นเจ้าชายอะไรเนี่ยแหละค่ะ”
ได้ฟังถังจื่อซีพูดแบบนี้ คนในบ้านต่างก็แข็งค้าง
เป็นผู้ชาย?
ยังเป็นเจ้าชายอีกต่างหาก?
สถานการณ์อย่างนี้?!จะไขคดีได้อย่างไร?
ไขได้อย่างไร?!
“เอ่อ ไม่ ไม่จริงใช่ไหม?”บัดนี้ไม่อาจพรรณนาอารมณ์ของเฟิ่งเหมียวเหมียวได้เลย ถ้าเป็นผู้ชายจริงๆ แล้วอนาคตลูกชายของเธอจะไปสู่ขอเมียได้ไหม?
ชาตินี้เธอจะได้อุ้มหลานไหม?
“คุณย่าค่ะ หม่ามี้หนูก็บอกว่าหลังจากวิเคราะห์หลายรอบแล้วก็สามารถสรุปคร่าวๆได้แล้วค่ะ คนที่ไปในห้องคุณลุงคืนนั้นคือหนึ่งในเจ้าชายสองคนค่ะ”เด็กน้อยถังจื่อซีเสริมอีกหนึ่งประโยคอย่างซื่อสัตย์
“จื่อซี แม่หนูพูดอย่างนี้จริงๆหรือ?”เฟิ่งเหมียวเหมียวยังคงตั้งความหวังไว้ ได้ยินเด็กน้อยถังจื่อซีพูด หัวใจของเธอก็หล่นวูบถึงเบื้องล่างสุด
เธอรู้ความสามารถของเวินลั่วฉิงดี โดยเฉพาะทางด้านนี้ การวิเคราะห์ของฉิงฉิงไม่มีทางผิดเพี้ยนแน่นอน
เช่นนั้น ลูกชายของเธอทำเจ้าชาย……
“ใช่ค่ะ หม่ามี้พูดแบบนี้แหละค่ะ”ถังจื่อซีรีบพยักหน้า
เฟิ่งเหมียวเหมียวตัวแข็งทื่อ ขยับไม่ได้ และไม่อยากขยับด้วย วินาทีนี้ จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าโลกเป็นสีเทา หาสีสันไม่เจอเลยสักนิด
“ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ถังหลินบ้านเราจะแต่งเมียได้อีกไหม?”ท่านย่าถังก็อึ้งไปครึ่งค่อนวันจึงจะได้สติกลับมา จากนั้นก็ถามด้วยความตกตะลึงปนสั่นเทา
สิ่งที่ท่านใส่ใจที่สุดก็คือหลานชายของตนจะแต่งภรรยาได้หรือไม่
“ถามเรื่องนี้ฉิงฉิงจะดีกว่า?ถามว่าเป็นยังไงกันแน่?”ถือว่าท่านปู่ถังสงบมากที่สุด เพราะอย่างไรเสียถังจื่อซีก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง อาจฟังบางคำผิดความหมายก็เป็นได้
“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ ถามฉิงฉิงดู”เฟิ่งเหมียวเหมียวดึงสติกลับมา รีบลุกขึ้น จากนั้นก็เอามือถือโทรหาเวินลั่วฉิง
ทว่าไม่มีคนรับสายเบอร์ของเวินลั่วฉิง เฟิ่งเหมียวเหมียวโทรติดต่อกันหลายครั้ง ปลายสายก็ไร้การตอบรับ
เฟิ่งเหมียวเหมียวรู้สึกร้อนใจ บัดนี้เธอร้อนรุ่มประหนึ่งมดในหม้อเดือด กระเทือนเท้าไม่หยุด เดินวนเป็นรูปวงกลมตลอด
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง เวินลั่วฉิงก็รู้สึกร้อนรน มือถือของเธอมีสายเรียกเข้าหนแล้วหนเล่า แต่เธอก็ไม่อาจรับสายได้ เพราะเย่ซือเฉินไม่ให้เธอรับ
“เย่ซือเฉิน มือถือของฉัน มือถือของฉัน”เวินลั่วฉิงพยายามผลักผู้ชายที่ทาบทับร่างกายเธอออก
มือถือดังติดต่อกันหลายครั้งแล้ว คนโทรต้องมีเรื่องเร่งด่วนเป็นแน่
ทว่าไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด เวลานี้ เกรงว่าฟ้าพังทลาย คุณชายสามเย่ก็ไม่แยแส ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสายเรียกเข้าเลย
คุณชายสามเย่เห็นเธอสนใจเรื่องอื่นพลันแสดงความไม่พอใจออกมา เขาจงใจใช้แรงหนักขึ้น……
เวินลั่วฉิงอดร้องด้วยความตกใจไม่ได้ จากนั้นเธอก็กัดไหล่ของเขาแรงๆ
“ทำไม?ฉิงฉิงไม่รับสายเหรอ?”ท่านย่าถังเห็นเฟิ่งเหมียวเหมียวโทรติดต่อกันหลายครั้งแต่ก็ไม่มีคนรับสาย ทำให้ยิ่งเป็นกังวลมากขึ้น
“ค่ะ โทรติดแต่ไม่มีคนรับสายค่ะ ฉิงฉิงไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ?”เฟิ่งเหมียวเหมียวขมวดคิ้วแน่นเป็นปม เผยความกังวลบนใบหน้าหลายส่วน:“เกิดเรื่องขึ้นหรือเปล่า?”
“ไม่หรอก ไม่หรอก ฉิงฉิงอยากจะฉลาดอย่างนั้น ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก”ท่านย่าถังรีบปฏิเสธคำพูดของเธอ
ท่านย่าถังคิดดูแล้ว จู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า:“ไม่ใช่ว่าฉิงฉิงเดาถูกว่าหนูโทรไปถามเรื่องถังหลิน เพราะฉิงฉิงไม่สะดวกตอบก็เลยไม่รับสายหรือเปล่า?”
“จริง?เป็นอย่างนี้จริงๆหรือคะ?”เฟิ่งเหมียวเหมียวได้ยินคำพูดของท่านย่าถัง พลางรู้สึกช็อกอีกครั้ง ถ้าฉิงฉิงเป็นอย่างที่ตั้งสมมุติฐานจริงๆ เรื่องของถังหลินก็คงเป็นอย่างนั้นจริงๆแล้วล่ะ
“พวกคุณเดาอะไรไปเรื่อย?ถึงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ฉิงฉิงก็ไม่มีทางไม่รับสายเพราะเรื่องนี้หรอก คาดว่ามือถือไม่ได้อยู่ใกล้ฉิงฉิง
หรือกำลังยุ่งอยู่ เลยรับสายไม่สะดวก……”
ไม่ชมไม่ได้ว่าท่านปู่ถังพูดแม่นมาก!!
เวลานี้เวินลั่วฉิงยุ่งจนไม่อาจรับสายได้จริงๆ
“หนูก็ไม่ต้องโทรแล้ว รอให้ฉิงฉิงมีเวลาเมื่อไหร่ เห็นแล้วก็คงโทรกลับมาเอง”ท่านปู่ถังเสริมอีกหนึ่งประโยค ไม่ชมไม่ได้แล้วว่าท่านปู่ถังนั้นมีญาณคาดเดาเหตุการณ์
ถึงแม้ตอนนี้เฟิ่งเหมียวเหมียวรีบร้อนอยากได้ความจริง แต่ฝั่งเวินลั่วฉิงไม่รับสาย เธอก็จนปัญญา
“หรือว่าคุณโทรถามถังหลินดูสิ……”ท่านย่าถังก็รู้สึกร้อนใจ เธอร้อนใจกว่าเฟิ่งเหมียวเหมียว เพราะมันเกี่ยวพันไปถึงบั้นปลายชีวิตของหลานชายท่านด้วย
“ตอนนี้ถังหลินน่าจะยังสืบไม่กระจ่าง ถ้ารู้ความจริงแล้วคงต้องมีข่าวส่งมาแน่ๆ”ท่านปู่ถังตัดบทท่านย่าถัง
“เรื่องยังไม่แน่ชัดเลย พวกคุณอย่ากังวลไปเลย เรื่องก็ไม่เลวร้ายอย่าที่พวกคุณคิดหรอก”ท่านปู่ถังเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ ทำใจได้กับทุกเรื่องราว
“เรื่องนี้ยังเลวร้ายไม่พออีกหรือ?ถ้าถังหลินของพวกเราทำเจ้าชายอย่างนั้นจริงๆ เรื่องนี้……”ท่านย่าถังสรรหาคำบรรยายเรื่องนี้ไม่ได้ในชั่วขณะนั้น สรุปก็คือรุนแรงมาก รุนแรงมากๆ
“ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร เชื่อว่าถังหลินก็ต้องจัดการได้อยู่แล้ว”ท่านปู่ถังเชื่อมั่นในความสามารถของหลายชายมาก
ยามนี้ถังหลินอยู่ในโรงแรมกั๋วซิน
ผลตรวจที่จินเหว้ยให้เขา เขาไม่เชื่อเลย เขาเชื่อว่าตัวเองทายไม่ผิด
แน่นอนเขารู้ว่าผลตรวจที่จินเหว้ยลงมือทำกับมือไม่มีทางคลาดเคลื่อนแน่นอน
เช่นนั้น ปัญหาอยู่ที่เส้นผม
ถังหลินหรี่ตาขึ้น เขาลุกขึ้นเดินออกจากห้องกะทันหัน จากนั้นก็ตรงไปยังหน้าประตูห้องเจ้าชายน้อย พลางเคาะประตูแรงๆ
“ใคร?”คลายสเตย์รัดหน้าอกออก ไม่ง่ายเลยกว่าหลินเป้ยจะได้ปล่อยส่วนอวบอึ๋มให้ผ่อนคลาย แต่ก็ต้องได้ยินเสียงเคาะประตู
ทำให้ตะลึงเล็กน้อย
“เปิดประตู”เสียงของถังหลินสั่นและเย็นเยียบ แผ่ความน่าเกรงขามที่ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้:“หลินเป้ย ให้เวลาคุณเปิดประตูห้าวินาที รีบเปิดประตูเลย ไม่งั้น……”
หลินเป้ยได้ยินเสียงถังหลินก็ตกใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่ถังหลินพูดก็ยิ่งตกใจจนต้องแอบถอนหายใจ
น้ำเสียงในยามนี้ของถังหลินเป็นการกรีธาทัพมาถามโทษชัดๆ
เธอไม่หวาดหวั่นกับการกรีธาทัพมาถามโทษของถังหลิน แต่เธอกลัวถังหลินจะพบสิ่งผิดปกติ เธอคาดไม่ถึงว่าถังหลินจะมาหาเร็วอย่างนี้
เมื่อครู่เธอดึงสเตย์รัดหน้าอกออกแล้ว อยากพันใหม่อีกรอบ ปกติเธอต้องใช้เวลาประมาณห้านาทีถึงจะพันเสร็จโดยไม่เผยพิรุธ แล้วห้าวินาทีนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย