“หากฉันไม่ปล่อยล่ะ” ถังหลินขยับริมฝีปาก ขณะนี้คำพูดที่เขาพูดออกมาทีละคำมีกลิ่นอายของความน่ากลัวอยู่
ในเมื่อคืนนั้นเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เขาก็ต้องรับผิดชอบ ต้องสู่ขอเธอ จุดนี้ไม่มีทางเปลี่ยนไปแน่นอน
อีกอย่าง เขาไม่เชื่อว่าเธอจะชอบเย่ซือเฉินจริงๆ เขารู้ว่าเธอตั้งใจทำแบบนี้แน่ๆ เป้าหมายก็คืออยากให้เธอปล่อยมือ
เขาจะทำตามความหวังของเธอง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน
เธออยากจะหนี ไม่ได้ง่ายแบบนั้น!!
“ถังหลิน มีเรื่องหนึ่ง ฉันว่าฉันควรจะพูดกับนาให้ชัดเจน คืนนั้นฉันตั้งใจที่จะไปในห้องนั้น ดังนั้นทั้งหมดเป็นสิ่งที่ฉันวางแผนไว้แล้ว เพราะว่าฉันรู้ว่าคืนนั้นเย่ซือเฉินต้องนอนห้องนั้น ดังนั้น คืนนั้นฉันไปที่ห้องนั้นก็เพื่อที่จะนอนกับเย่ซือเฉิน……”
หลินเป้ยเห็นท่าทีในตอนนี้ของถังหลินแล้ว เธอกระวนกระวายมาก และกลัวมาก ดังนั้น วินาทีนี้ เธอได้แต่พูดให้เด็ดขาดไปเลย
แววตาที่หรี่ตาไว้ในตอนแรกเปล่งประกายขึ้น วินาทีต่อไป จู่ๆ เขาก็ใช้แรงดึงเธอเข้ามา
เพราะว่าในขณะนี้เขาใช้แรงมากเกินไป หลินเป้ยยืนไม่นิ่ง ล้มเข้าไปในอ้อมกอดของเขาเลย
เพราะว่าแรงของเขาใหญ่เกินไป หน้าอกของเขามีความแข็งเล็กน้อย จมูกของหลินเป้ยชนกับหน้าอดของเขา ทันใดนั้นเจ็บจนลูกตาจะหลุดออกมา
แน่นอนว่า หลินเป้ยในขณะนี้ก็ตกใจมาก ทันใดนั้นในใจมีความสับสนเล็กน้อย
“หลินเป้ย ฉันขอเตือนเธอคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูด ไม่เช่นนั้น……” เสียงของถังหลินดังผ่านมาจากบนศีรษะ ราวกับว่าเข้าไปอยู่ในน้ำแข็ง ที่เต็มไปด้วยพิษ แต่ละคำที่พูดออกมาให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวมาก
ขณะนี้ หลินเป้ยไม่ได้เงยหน้าขึ้น ดังนั้นมองไม่เห็นสีหน้าของถังหลิน หากเขาเห็นสีหน้าในตอนนี้ของถังหลิน เกรงว่าหัวใจคงจะสั่นแรงขึ้น
“สิ่งที่ฉันพูดคือความจริง ถังหลิน นายเป็นคนที่ฉลาด นายคิดว่าคืนวันนั้นฉันจะไปที่ห้องนายโดนไร้สาเหตุหรอ”
ถึงแม้ว่าในใจของหลินเป้ยจะสับสนมาก แต่บางคำพูดก็ต้องพูด
คำพูดของหลินเป้ยหยุดไปสักพัก พยายามให้ตัวเองรักษาความสงบ
“คืนนั้นทั้งหมดที่ฉันทำก็เพราะคิดว่าเป็นเย่ซือเฉิน แต่ว่า ฉันไม่รู้ว่าคืนนั้นนายจะเข้ามาพักในห้องของเย่ซือเฉิน ฉันคิดมาตลอดว่าผู้ชายในคืนนั้นคือเย่ซือเฉิน ไม่เช่นนั้นฉันก็คงไม่……” หลินเป้ยเดินมาถึงขั้นนี้ เธอไม่มีทางถอยแล้ว เธอก็ไม่สามารถถอยได้
เพราะว่า แม่ของเธอยังรอเธออยู่ที่ประเทศ D รอให้เธอกลับไป
หากตัวตนของเธอถูกเปิดเผยแล้ว คุณแม่ของเธอก็จะเกิดอันตราย
การหลอกลวงราชวงศ์ค์นั้นเป็นบาปใหญ่!
“อะไรเป็นไปไม่ได้?” จู่ๆ ถังหลินก็จับคางของเธอไว้ ยกหน้าเธอขึ้นมา “คิดให้ดีแล้วค่อยพูด”
ขณะนี้ มุมปากของถังหลินค่อยๆ โค้งงอขึ้น ราวกับว่ามีความโค้งงอที่สูงขึ้น แต่กลับทำให้คนรู้สึกไม่ถึงการยิ้มเลย ได้แต่ให้คนรู้สึกถึงความเย็นชาและความอันตราย
หลินเป้ยเห็นสภาพแบบนี้ของเขา ตกใจมาก เผชิญหน้ากับถังหลินในแบบนี้ เธอกลัว แต่ถึงแม้จะกลัวแค่ไหน ก็บอกกับตัวเองว่าห้ามถอย
เพราะว่าหากเธอถอยในตอนนี้ สิ่งที่เธอทำในก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าแล้ว
หลินเป้ยสูดหายใจลึก พยายามสงบสติอารมณ์ “หากรู้ว่าคืนวันนั้นไม่ใช่เย่ซือเฉิน แต่เป็นนาย ฉันก็จะไม่นอนกับนาย……”
มือที่จับคางเธอของถังหลินจู่ๆ ก็แรงมากขึ้น แล้วตัดคำพูดของเธอไป
ถังหลินใช้แรงบีบคางของเธอแน่น เขามองเธอแบบนั้น ขณะนี้เขาเม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร
เขาในแบบนี้ ยิ่งดูน่ากลัวไปใหญ่
หลินเป้ยรู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองสั่นอยู่ เธอมีความกลัวถังหลินอยู่แล้วตั้งแต่แรก ตอนนี้ในใจยิ่งกลัวไปใหญ่ การอยู่ด้วยกันในสองสามวันนี้ เธอรู้ว่าไม่ว่าเรื่องอะไรถังหลินก็ทำออกมาได้จริงๆ
“ถัง หลิน เรื่อง คืน นั้น เป็น เพียง แค่ อุบัติเหตุ” หลินเป้ยถูกเขาจ้องแบบนั้น ยิ่งอยู่ก็ยิ่งกระวนกระวาย แต่ว่าเธอก็ตอบกลับไปด้วยความไม่กลัวตาย
เพราะว่าเธอไม่สามารถถอย ถอยแล้วไม่เพียงแต่เธอจะตาย แม่ของเธอก็จะตาย
เพราะว่าตอนนี้ถังหลินใช้แรงบีบคางเอไว้ เธอจึงมีความลำบากเล็กน้อยในการพูด คำพูดที่พูดจึงปะติดปะต่อกัน
แต่ว่า ความหมายก็ชัดเจนมากๆ แล้ว
จู่ๆ ถังหลินก็ยิ้ม แต่ว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้ยิ้มถึงใต้ตา ระหว่างตารอยยิ้มก็หายไปแล้ว แต่กลับดูเย็นขาไปใหญ่
ไม่มีคนรู้ว่าทำไมตอนนี้เขาถึงยิ้ม และไม่รู้ว่าตอนนี้เขายิ้มอะไรอยู่
หลินเป้ยเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไรเลย
ถังหลินในแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวไปถึงโครงกระดูก เธอถึงข้นรู้สึกว่าถังหลินสามารถบีบเธอตายได้ตลอดเวลา
แต่ว่า ถังหลินไม่ได้บีบเธอตาย เขาถึงขั้นปล่อยมือที่จับคางเธอออก
แววตาคู่หนึ่งของถังหลินมองเธออยู่ แต่ว่าเขาไม่ได้พูดอะไร
เหมือนว่าเขากำลังรออยู่ รอให้เธอพูด หรือว่ารอให้เธอทำการตอบสนองออกมา
หลินเป้ยแอบสูดหายใจลึก ขยับริมฝีปาก ราวกับว่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ว่าสุดท้ายก็อดไว้ เธอยืนไปประมาณหนึ่งนาที จากนั้นก็รีบจากไป!!
เธอรู้ ถังหลินปล่อยเธอออก คือให้โอกาสเธอแล้ว และเธอได้แต่จับโอกาสครั้งนี้ไว้
ครั้งนี้ ถังหลินไม่ได้ห้ามเธอไว้ แต่ว่าแค่มองดูภาพข้างหลังที่จากไปของเธอ แววตาคู่หนึ่งค่อยๆ แย่ลง เย็นชาลง……
วันที่สองหลินเป้ยและเจ้าชายใหญ่ก็ได้วางแผนการกลับประเทศ หยวนจุนหลินมาส่งพวกเขาด้วยตัวเอง ถังหลินก็มาแล้ว
บนใบหน้าของถังหลินได้กลับสู่สภาพความเย็นชาเหมือนเดิมแล้ว บนใบหน้าของเขาไม่ได้มีอารมณ์มากมาย ในตอนที่เขามองไปทางหลินเป้ย แววตานั้นก็เงียบสงบมาก ราวกับว่าระหว่างทั้งสองไม่มีอะไรจริงๆ
หลินเป้ยเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็แอบโล่งใจ แต่กลับมีความแน่นในใจที่พูดไม่ออก แน่นจนมีความไม่สบาย แต่ว่านี่เป็นผลที่เธอต้องการมากที่สุด ดังนั้น แน่นอนว่าเธอจะไม่พูดอะไรมาก
ตอนแรก หยวนจุนหลินอยากให้ถังหลินไปส่งหลินเป้ยที่สนามบิน แต่ว่าถังหลินปฏิเสธ หยวนจุนหลินจึงให้คนอื่นๆ ไปส่งแทน
“หลินเป้ย นายกับถังหลินเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ในตอนที่มาถึงสนามบิน เจ้าชายใหญ่มองไปทางหลินเป้ยที่มีความเหม่อลอย ก็อดถามไม่ได้
“อะไร? ฉันจะไปมีความสัมพันธ์อะไรกับเขา” หลินเป้ยดึงสติกลับมา การตอบสนองแรกก็คือรีบพูดความสัมพันธ์ให้ชัดเจน
เจ้าชายใหญ่มองเธอไปหนึ่งที ไม่ได้พูดอะไรมาก
ก้าวเท้าของหลินเป้ยหยุดลง ค่อยๆ หันไป มองไปทางข้างหลังหนึ่งที ระหว่างเขาและถังหลินเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทั้งหมดต่างก็เป็นอุบัติเหตุ ในเมื่อเป็นอุบัติเหตุ แน่นอนว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กันเลย ทั้งหมดนี้ ต่างก็จบลงแล้ว
เมื่อวาน เขาได้พูดเรื่องทุกอย่างกับถังหลินได้อย่างชัดเจน ทั้งหมดต่างก็จบแล้ว
“เป็นอะไรหรอ? เห็นนายใจไม่อยู่กับตัวเลย?” ส่งเจ้าชายทั้งสองกลับแล้ว หยวนจุนหลินมองไปทางถังหลิน ระหว่างคิ้วมีความสงสัยอยู่ “จะพูดก็ครั้งนี้เจ้าชายน้อยช่วยไว้ได้มากเลย ให้นายไปส่งก็ไม่ไป? นี่ไม่เหมือนสไตล์ของนายเลย? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?