พูดอย่างไม่เกินจริง อำนาจลับนี้ได้กระจัดกระจายไปทุกภาคส่วนทุกแวดวงธุรกิจในเมืองAเป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าเข้าไปอยู่ในทุกตรอกทุกซอกเลยก็ว่าได้
และที่สำคัญอำนาจนี้มีหัวหน้าเป็นผู้ควบคุมดูแลเอง พวกเขาฟังคำสั่งเฉพาะหัวหน้า ทุกครั้งที่เขาไปถ่ายทอดคำสั่งของหัวหน้า เขาก็จำเป็นต้องพกป้ายคำสั่งจากหัวหน้าไปยืนยันทุกครั้ง
หากอำนาจนี้รวบรวมมาใช้เมื่อไหร่ อย่าว่าแต่ตามหาคนคนหนึ่งเลย กระทั่งหัวหน้านำใบหน้าจำนวนหนึ่งใบทิ้งไปอยู่ในกองใบไม้
พวกเขาก็สามารถหาออกมาได้อย่างรวดเร็วทันใจ
สำหรับปัญหาที่มีเกี่ยวกับคุณนายก็คือ ไม่มีใครรู้จักคุณนายมาก่อน ไม่มีใครรู้ประวัติรายละเอียดของคุณนายเลยแม้แต่น้อย
ไม่มีใครรู้ว่าคุณนายมีหน้าตาเช่นไร กระทั่งหัวหน้าก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณนายมีหน้าตาเป็นเช่นไร
หัวหน้าวาดภาพเหมือนมากมาย แต่ทุกภาพก็ไม่เคยมีวาดออกมาอย่างชัดเจน
เขานำภาพวาดเหมือนให้ลูกน้องดู ลูกน้องก็ดูอะไรไม่ออก
ถึงแม้กิริยาท่วงท่าและความสง่าของคุณนายจะเหมือนกันทุกภาพ แต่สิ่งเหล่านี้มันเลือนราง ไม่ค่อยชัดเจน เกรงว่ามีเพียงหัวหน้าเจอตัวคุณนายแล้วถึงจะดูออก
สำหรับคนรอบกาย การใช้กิริยาท่วงท่าและความสง่างามในภาพวาดเหมือนเพื่อตามหาคนที่สอดคล้องกัน มันเป็นโจทย์ยากมาก
แน่นอนหลายปีมานี้ก็หาลักษณะที่คล้ายคลึงกันมาได้อยู่บ้าง แต่หัวหน้ามองเพียงแวบเดียวก็ปฏิเสธทันควัน
ดังนั้นหลายปีมานี้ ถึงแม้อำนาจนี้จะซึมแทรกเข้าไปทุกที่ในเมืองAแล้ว แต่ยังคงไร้ผลเช่นเดิม
แน่นอน ในเมืองAก็มีสาขาขององค์กรโกสต์ซิตี้ด้วย เพียงแต่เรื่องตามหาตัวคุณนาย ไม่ได้ใช้สาขานี้ได้ร่วมด้วย แถมสาขานี้ก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย
เพราะเหตุการณ์ถูกหักหลังเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน หัวหน้าจึงยิ่งมีความคลางแคลงใจเพิ่มขึ้น ระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของคุณนาย
“หัวหน้าครับ ผมบอกอะเหลียงให้มาแล้วครับ เขาน่าจะใกล้มาถึงแล้วครับ”บัดนี้อะจ้งร้อนใจมาก กระวนกระวายใจมาก ดังนั้นระดับเสียงจึงยกขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
ทว่าถึงแม้เสียงของอะจ้งจะดังขึ้น ซ่างกวนหงยังคงเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ขยับ ไม่ตอบสนองใดๆ
เห็นหัวหน้าเป็นเช่นนี้ อะจ้งก็รู้สึกสลดใจ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“หัวหน้า ผู้ดูแลจ้ง”บังเอิญในเวลานี้ ผู้ชายอายุประมาณสี่สิบปรากฏตัวข้างกายผู้ดูแลจ้ง
“อะเหลียง นายมาแล้วหรือ”ผู้ดูแลจ้งดึงสติกลับมา รีบอำพรางสีหน้า ก่อนจะมองไปยังอะเหลียง:“ครั้งนี้หัวหน้ามาด้วยตัวเอง
นายใช้กำลังพลทั้งหมดไปตามหาคุณนายให้พบ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม”
ประโยคนี้ของผู้ดูแลจ้งเป็นคำสั่งตายที่ต้องปฏิบัติให้ได้ แต่เขาก็รู้ว่าเป็นเรื่องยากแสนยาก เพราะไร้ข่าวคราวตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา หากแต่เพื่อหัวหน้าแล้ว เขาจำเป็นต้องสั่งการเช่นนี้
หากแม้สามารถให้ความหวังแก่หัวหน้าเพียงริบหรี่ก็ยังได้
อะเหลียงชะงัก มองไปยังซ่างกวนหงซึ่งอยู่ด้านหน้าที่ไม่ไกลเท่าใดนัก เห็นซ่างกวนหงไม่ขยับไม่ตอบสนองเลยสักนิด มุมปากอะเหลียงขยิบ แต่สุดท้ายก็เก็บคำพูดไว้ในใจ
“นายไปเถอะ”อะเหลียงไม่ได้เอ่ยคำคัดค้านใดๆ ผู้ดูแลจ้งรู้สึกปลื้มปีติยิ่งนัก ตอนนั้นหัวหน้าเป็นคนเลือกอะเหลียงกับมือ โดยให้รับผิดชอบเรื่องตามหาคุณนายในเมืองAเป็นการเฉพาะ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอะเหลียงจึงเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของหัวหน้าเป็นอย่างดี
“ครับ”ในเมื่อเมื่อสักครู่อะเหลียงกล้ำกลืนคำพูดไว้แล้ว บัดนี้จึงไม่ได้พูดมาก อะเหลียงรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญต่อหัวหน้าแค่ไหน ยี่สิบห้าปีมานี้ เขาไม่เคยหยุดนิ่ง เขาขยายอำนาจและออกตามหาคุณนายอย่างไม่ลดละ
เพียงแต่เบาะแสที่หัวหน้าให้เขานั้นน้อยจนน้อยสุดๆ
มิหนำซ้ำเขายังสงสัยว่าคุณนายที่หัวหน้ากล่าวถึงนั้นมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?
“ถ้ามีความคืบหน้าก็รีบรายงานหัวหน้าด่วนเลยนะ”ผู้ดูแลจ้งพึงพอใจอะเหลียงมาก ไม่ว่าด้วยความสามารถของอะเหลียงก็ดี
หรือความภักดีของอะเหลียงก็ดี แม้แต่แนวคิดอันชาญฉลาด ล้วนไร้ที่ติด้วยกันทั้งสิ้น
ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าอะเหลียงต้องเข้าใจเจตนาในคำพูดเขาแน่นอน
“ผมทราบแล้วครับ”อะเหลียงตอบรับเสียงต่ำ สายตาที่หลุบลงเล็กน้อยมีความหนักอึ้งแวบผ่าน เขาจะไม่เข้าใจความคิดของผู้ดูแลจ้งได้อย่างไร แต่เป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี
ไม่ว่าอย่างไรหัวหน้าก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริงสักวัน
เขารู้ในความสามารถตัวเองดี เขาถูกสั่งให้ตามหาคุณนายที่เมืองAตั้งแต่อายุสิบเจ็ดปี ยี่สิบห้าปีผ่านไปยังไร้เบาะแส ซึ่งเขาพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก
ผู้ดูแลจ้งอยากให้หัวหน้ามีความหวังบ้าง แต่ถ้าหาตัวคุณนายไม่เจอ ความหวังที่ตั้งขึ้นนี้ก็ต้องดับสูญอยู่ดี
พอถึงเวลาที่ความหวังสุดท้ายมีอันต้องดับสูญ สำหรับหัวหน้าแล้วเกรงว่าคงจะ……
อย่างไรเสียเขาก็ไม่ควรเหลื่อมล้ำ คำบางคำเขาไม่เหมาะที่จะพูด
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงได้แต่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย พยายามตามหาคุณนายสุดแรง
อะเหลียงหันกายเตรียมจะจากไป เพียงแต่พอหันไปได้ครึ่งรอบก็หยุด เขาลังเลสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากพูดว่า:“หัวหน้าครับ ผู้ดูแลจ้งสาขาของเราในเมืองAมีเรื่องในช่วงนี้ครับ”
ซ่างกวนหงยังไม่ตอบสนองเช่นเดิม ไม่รู้ว่าไม่ได้ยินคำพูดของอะเหลียงหรือได้ยินแล้วแต่ไม่แยแสกันแน่
เพราะเขาไม่สนใจองค์กรโกสต์ซิตี้หลายปีแล้ว แม้กระทั่งศูนย์รวมขององค์กรยังไม่สนใจเลย นับประสาอะไรกับแค่สาขาที่ตั้งอยู่ในเมืองA
สิ่งเดียวในตอนนี้ที่เขาสนใจก็คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอ
“เรื่องอะไร?”ผู้ดูแลจ้งนึกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณนาย สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย น้ำเสียงก็เคร่งขรึมหลายส่วน
“สาขาเมืองAกับถังหลินเป็นปรปักษ์กันแล้วครับ”อะเหลียงเห็นหัวหน้าไม่ตอบสนอง พลางแอบถอนหายใจ ก่อนจะมองไปยังผู้ดูแลจ้ง แล้วรายงานเหตุการณ์ให้แก่ผู้ดูแลจ้ง:“ช่วงก่อนถังหลินเกิดเรื่องในโรงแรมกั๋วซิน เป็นฝีมือของสาขาเมือง Aของพวกเราครับ”
บัดนี้อะเหลียงใช้น้ำเสียงมั่นใจมาก
“ถังหลิน?ตระกูลถัง?”ผู้ดูแลจ้งได้ยินว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องคุณนาย จึงโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่เมื่อนึกถึงแรงกระทบของตระกูลถังในเมืองA กระทั่งในประเทศz สีหน้าของเขาพลันหนักอึ้งขึ้นหลายส่วนอย่างเลือนราง
ถึงแม้องค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขาไม่จำเป็นต้องยำเกรงตระกูลถัง แต่อำนาจของตระกูลถังก็ดูแคลนไม่ได้เชียว
ผู้ดูแลจ้งมองไปยังซ่างกวนหง เห็นหัวหน้าไม่แยแสเลยสักนิด แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ หัวหน้าไม่สนใจ เขาจึงต้องถามให้กระจ่างเสียเอง:“รู้ว่าเพราะอะไรไหม?”
หลายปีมานี้ เรื่องมากมายในองค์กรโกสต์ซิตี้จะมีอะเฉิงคอยจัดการดูแล เพราะหัวหน้าไม่ใส่ใจมาโดยตลอด หลังๆมานี้อะเฉิงกำเริบเสิบสานขึ้นเรื่อยๆ เขาแหกกฎกติกาที่หัวหน้าตั้งไว้ในองค์กรจนเกิดความปั่นป่วนมากมาย!!
เพราะหลายปีมานี้หัวหน้ามาเมืองAประจำ ดังนั้นสาขาเมืองAจึงมีความแข็งแกร่งกว่าที่อื่น หากก่อเรื่องขึ้นจริงๆ เกรงว่าคงไม่ดีนัก
กฎข้อหนึ่งที่หัวหน้าเคยตั้งไว้ก็คือ มันผู้ใดไม่รุกรานฉัน ฉันก็ไม่รุกรานมันผู้นั้น แต่ผู้ใดมารุกรานฉัน ฉันจะคืนให้เป็นเท่าตัว