การสนับสนุนจากหัวหน้าน้อยเพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นคนกำเริบเสิบสานแล้ว……
ขอแค่ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าน้อย ก็เท่ากับได้รับการสนับสนุนพลังจากองค์กรโกสต์ซิตี้แล้ว แล้วเขายังมีอะไรให้ยำเกรงอีก?
ตอนนี้ในองค์กรโกสต์ซิตี้คำพูดของหัวหน้าน้อยถือเป็นคำขาด หัวหน้าไม่เคยสนใจองค์กรเลย เรื่องนี้หัวหน้าก็คงไม่แทรกมือเช่นกันเพราะหัวหน้ากับถังหลิน เย่ซือเฉินไม่เคยคบค้าสมาคมกันมาก่อน
เมื่อใช้พลังอำนาจทั้งหมดขององค์กรโกสต์ซิตี้มาโจมตีถังหลินกับเย่ซือเฉิน อันที่จริงก็เป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลย
ซึ่งความแข็งแกร่งของถังหลินและเย่ซือเฉินนั้นเท่าๆกัน เมื่อทั้งสองคนมาเทียบกับองค์กรโกสต์ซิตี้แล้วก็ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ไม่มีอะไรต้องกังวล
ใบหน้าเจิ้งฉงฉายความลำพองใจหลายส่วน ใบหน้าที่ไม่อ่อนเยาว์มีเนื้อปลิ้นออกมา ไม่ได้เศษเสี้ยวของคำว่าหล่อเลย
ผู้ชายอายุใกล้หกสิบปี เดิมที่ก็เป็นคนไม่หล่ออยู่แล้ว ทั้งยังปล่อยตัวตามใจชอบ จึงทำให้เป็นสภาพนี้ ถึงแม้ตอนหนุ่มสาวจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจทานต้านความโหดร้ายของกาลเวลาได้ พุงที่โผล่ออกมาเหมือนหญิงอายุครรภ์หกเจ็ดเดือน เนื้อหนังหนาเป็นชั้นๆ ยากจะพรรณนาเป็นคำพูดสั้นๆ
ผู้หญิงเอนกายอยู่ในอ้อมแขนของเขา โดยมีท้องที่โผล่ออกมาของเขาชันไว้ ส่วนลึกของแววตาผู้หญิงมีความสะอิดสะเอียนแฝงอยู่หลายส่วน แต่ก็ต้องพยายามระงับไว้สุดแรง เพื่อการแก้แค้น เธอจำเป็นต้องอดกลั้นความรู้สึกนี้ไว้
อดกลั้นมาเจ็ดปีแล้ว ครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร
“คุณเห็นไอเดียเด็ดๆมา ต้องเป็นแผนการที่ละเอียดถี่ถ้วน ผมจะไปพบหัวหน้าน้อย ขอแค่หัวหน้าน้อยสนับสนุนพวกเรา เรื่องนี้ก็ง่ายแล้ว”มือของเจิ้งฉงนวดบนการผู้หญิงสองที แต่ใบหน้าไม่ได้มีความใคร่มากนัก เพราะธุระสำคัญกว่า
สำหรับเขาแล้วอำนาจนั้นสำคัญกว่าผู้หญิงเป็นไหนๆ หากมีอำนาจ อยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้แบบนั้น ผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ขอเพียงเขาอยากได้ก็จะได้ครอบครองสมใจ
เขาไม่เพียงแต่มีความใคร่ต่อผู้หญิงคนนี้เท่านั้น เขายิ่งต้องการให้ผู้หญิงคนนี้ช่วยเขาวางแผน ซึ่งความจริงพิสูจน์ว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดจริงๆ ถึงแม้วิธีของเธอจะโหดร้ายอำมหิตมากก็ตาม แต่ก็ใช้ได้ผลทุกครา
ถึงแม้แผนการครั้งนี้จะล้มเหลว แต่ในมุมมองของเขา แผนการครั้งนี้ก็ถือว่าไม่เลว
เพียงแต่พวกเขาประเมินศัตรูต่ำไป หากพูดให้ถูกต้องกว่านี้ก็คือพวกเขาประเมินความสามารถของคุณหนูตระกูลถังต่ำไป
ครั้งหน้าจะไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด!!
“โอเคค่ะ ฉันรู้แล้ว วางใจเถอะ ครั้งนี้พวกเราต้องสำเร็จแน่นอน”เมื่อได้สิ่งที่ตั้งไว้ ผู้หญิงก็รู้สึกพอใจ แน่นอน เธอยังมั่นใจเต็มสิบว่าเธอจะแพ้ให้กับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
เธอไม่อนุญาตให้ตัวเองแพ้เป็นครั้งที่สองให้กับผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด!!
ใบหน้าผู้หญิงมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นหลายส่วน แขนขาวนวลของเธอคล้องคอผู้ชายไว้ ไม่ใส่ใจกับใบหน้าไขมันของผู้ชาย ริมฝีปากแดงของเธอเข้าประกบริมฝีปากผู้ชาย พลางจุมพิตอย่างมีเสน่ห์
เธอรู้ดีว่า การจะให้ผู้ชายรับปากเงื่อนไขของเธอ ให้ผู้ชายช่วยเธออย่างสมัครใจ เธอก็จำเป็นต้องให้ผลประโยชน์แก่ผู้ชายบ้าง
ซึ่งเธอรู้จุดนี้ตั้งแต่มาเข้าหาเขาเมื่อเจ็ดปีที่แล้วแล้ว
เจ็ดปีนี้ เธอทำอย่างนี้เสมอมา ถึงแม้ผู้ชายคนนี้ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่ แต่เขาช่วยเธอแก้แค้นได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!!
หุ่นของผู้หญิงดีจริงๆ ท่วงท่าที่มีเสน่ห์ยิ่งยั่วยวนใจยิ่งนัก เจิ้งฉงที่ตอนแรกนึกถึงแต่เรื่องธุระ ซึ่งไม่ได้มีอารมณ์ทางนี้มากนัก แต่ตอนนี้กลับต้านทานการเย้ายวนเช่นนี้ไม่ไหวอีกต่อไป
เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่ส่งมาถึงปลายปากแล้วยังไม่กินอีก
วินาทีต่อมา เขากดทับร่างกายเธอไว้บนโต๊ะแรงๆ……
ผู้หญิงยิ้มด้วยความสามหาวและกระหยิ่มใจ ส่วนลึกของหัวใจกลับมีความเคียดแค้นอย่างโหดร้ายเจืออยู่ เวินลั่วฉิง ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยคุณไปแน่!
ในผับเถื่อนแห่งหนึ่ง
เลขาหลิวเสาะหาตัวเวินจีหยันที่กำลังดื่มเหล้าอยู่ในนั้น ซึ่งบัดนี้เวินจีหยันดื่มจนเมาเละแล้ว ไม่ค่อยมีสติแล้ว
สภาพเวินจีหยันในตอนนี้ไม่มีรัศมีคุณชายสูงศักดิ์เหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป บัดนี้เขาน่าเวทนาที่สุด
เขาใช้เงินหมดแล้ว หลังถูกเวินลั่วฉิงขับไล่ออกจากบ้านตระกูลเวิน แม้แต่ที่อยู่เขาก็ไม่มี
ช่วงนี้เวินจีหยันดื่มเหล้าดับทุกข์ เพราะไม่มีเงินเป็นเหตุ เขาจึงไปในผับหรูๆไม่ได้ ได้แต่มาดื่มให้เมาในผับเถื่อนๆอย่างนี้
เพื่อจะได้ดื่มเหล้า เวินจีหยันนำสิ่งของไปจำนำหมดเลย แม้แต่มือถือเขาก็ไปจำนำแล้วด้วย
ไม่มีมือถือ เวินจีหยันก็หมกมุ่นอยู่กับการดื่มเหล้าในผับ จนเกือบตัดทิ้งโลกภายนอกแล้ว
เลขาหลิวนำคนไปลากตัวเวินจีหยันออกผับ
“พวกคุณ พวกคุณจะทำอะไร พวกคุณจะทำอะไร?”เวินจีหยันมีในอาการมึนเมา ร่างกายโซซัดโซเซ คิดอยากจะดิ้น:“พวกคุณเป็นใคร?”
เวินจีหยันเคยเจอหน้าเลขาหลิวมาก่อน แต่เวลานี้เวินจีหยันเมาหนักมาก มากจนมองเลขาหลิวไม่ออก
เลขาหลิวไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ส่งสายตาให้ลูกน้อง เขาไม่มีเวลาพูดไร้สาระกับเวินจีหยัน เพราะท่านประธานกำลังรอพวกเขาอยู่
หากไม่ใช่จะสืบเรื่องคุณนาย ท่านประธานคงไม่อยากพบหน้าเวินจีหยันหรอก
“พวกคุณปล่อยผมนะ พวกคุณ พวกคุณคิดจะลักพาตัวผมหรือ?ผมจะแจ้งความ ผมจะแจ้งความ”เห็นได้ชัดว่าสติเวินจีหยันไม่ได้เลอะเลือนเสียจนหมด ยังรู้ว่าต้องแจ้งความด้วย
แต่อย่างนี้ก็ดี หากเวินจีหยันไม่ได้สติเลย ท่านประธานก็ถามสะดวก
ไม่สนใจกับการดิ้นรนของเวินจีหยัน เลขาหลิวให้ลูกน้องเอาตัวเขาออกไป ที่นี่คือผับเถื่อน เป็นที่โกลาหลวุ่นวายอยู่แล้ว ไม่มีใครกล้ายุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากก่อปัญหาให้ตน
ยิ่งไปกว่านั้นเวินจีหยันก็ไม่มีค่าพอให้ใครมาออกหน้าแทน
“ท่านประธานครับ หาเวินจีหยันเจอแล้วครับ”เลขาหลิวนำตัวเวินจีหยันมาตรงหน้าประธานตัวเองอย่างฉับไว
หลังจากท่านประธานกลับจากโรงพยาบาลก็ให้เขาไปเอาตัวเวินจีหยันมา เลขาหลิวรู้ว่าท่านประธานอยากถามจากปากเวินจีหยันให้แน่ชัดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณนาย
เพราะหกปีก่อนตอนคุณนายบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นคุณนายยังอยู่บ้านตระกูลเวิน ดังนั้นเวินจีหยันต้องรู้เรื่องแน่ๆ
เย่ซือเฉินมองเวินจีหยันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แววตาเย็นยะเยือกถึงขีดสุด
เวินจีหยันที่มึนๆจากการดื่มเหล้าพลันสะดุ้ง รีบเงยหน้ามองเย่ซือเฉิน ก่อนจะสั่นไปหมดทั้งตัว:“คุณชายเย่ คุณชายเย่……
”
เพราะแววตาของเย่ซือเฉิน เวินจีหยันกลัวจนเข่าอ่อน จึงหายเมาได้ครึ่งส่วนแล้ว ถึงกลับมองเย่ซือเฉินออกในเวลาอันสั้น
“คุณเป็นคนทำให้เวินลั่วฉิงบาดเจ็บเมื่อหกปีก่อนใช่ไหม?”เย่ซือเฉินเห็นเวินจีหยันจำเขาได้ จึงรู้ว่าตอนนี้เวินจีหยันยังพอมีสติอยู่บ้าง แน่นอนเวินจีหยันดื่มมากแล้ว ไม่นับว่ามีสติเต็มร้อย
สถานการณ์อย่างนี้ เย่ซือเฉินรู้สึกว่าไม่ต้องใช้แผนร้ายอะไร ถามตรงๆจะเร็วกว่า
คำพูดของเย่ซือเฉินในตอนนี้ตรงมากๆ ตรงจนเวินจีหยันไม่มีทางให้หลีกเลี่ยงเลย
สายตาเย่ซือเฉินจับอยู่แต่เวินจีหยัน สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเวินจีหยัน ซึ่งการจ้องมองของเขาอย่างนี้คงไม่พลาดทุกสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด