ปกติแล้วเห่อถงถงอ่อนโยนมาก แต่ว่าพอเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเวินลั่วฉิง
เมื่อไหร่กันล่ะที่คุณย่าเย่ถูกเถียงแบบนี้ ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดขาวไปหมด แต่ว่าเธอก็อดทนขั้นสุด เพราะว่าวันนี้เธอจะต้องเสแสร้งเป็นคนอ่อนแอ น่าสงสาร ขณะนี้ท่าทีของเห่อถงถงนั้นมีประโยชน์ต่อเธอมาก
ภายใต้การระเบิดอารมณ์ของเห่อถงถงสามารถทำให้ “ความอ่อนแอ” ของเธอดูชัดเจนมากยิ่งขึ้น!
คุณย่าเย่กดทับไฟในใจลงไป ภายในแววตามีรอยยิ้มอ่อนๆ ผ่านไป
คุณย่าเย่คือคนฉลาด เธอรู้ดีว่าเรื่องครั้งที่แล้วห้ามพูดให้ชัดเจน ยิ่งพูดมากก็ยิ่งส่งผลเสียกับพวกเขา ดังนั้นเธอจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนหัวข้อการสนทนานี้
แต่ว่าเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเมื่อกี้เวินลั่วฉิงนั้นตั้งใจยุอารมณ์ของคนขึ้นมา ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่พอใจกับพวกเขา สถานการณ์แบบนี้ไม่ง่ายที่จะพลิกแพลง ดังนั้นเธอจำเป็นต้องมามือไม้ตาย
แววตาของคุณย่าเย่เปล่งประกายขึ้น จากนั้นก็มองไปทางเวินลั่วฉิง “ฉิงฉิง ฉันขอร้องล่ะ เธอปล่อยซือเฉินไปเถอะ เรื่องที่เธอให้ซือเฉินลงเงินกับบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปเราสามารถไม่ว่าอะไรได้ บริษัทเวินซื่อกรุ๊ปจะล้มละลายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซือเฉินลงเงินไปมากเท่าไหร่ จึงได้ช่วยบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปไว้ เรื่องพวกนี้พวกเราต่างก็ไม่ได้ว่าอะไร หากเธอยอม พวกเราก็สามารถให้ซือเฉินมอบบริษัทเวินซื่อกรุ๊ปให้กับเธอได้เรื่องเงินๆ ทองๆ แบบนี้ตระกูลเย่ของเราไม่ได้เห็นความสำคัญ”
คุณย่าเย่เหมือนกำลังร้องขอเวินลั่วฉิงอยู่ แต่ว่าในคำพูดของเขานั้นก็ได้เปิดเผย
“คุณย่าเย่ คุณอย่ามาใส่ร้ายฉิงฉิง……” เห่อถงถงโมโหจะระเบิดแล้ว ทำไมถึงมีคนหน้าด้านขนาดนี้ ทำไมถึงมีคนลืมตาพูดโกหกแบบนี้ได้อีก พลิกแพลงผิดถูกแบบนี้?
ทำไมถึงใส่ร้ายฉิงฉิงของบ้านเธอแบบนี้ ไม่สามารถทนได้!!
ฉิงฉิงบ้านเธอจะอยากจะได้เงินของตระกูลเย่หรอ? ให้ตายเถอะ!!
“คุณเห่อ ฉันรู้ว่าคุณเป็นเพื่อนที่ดีของฉิงฉิง คิดเผื่อฉิงฉิงในทุกๆ ด้าน ที่จริงฉันเองก็ชอบฉิงฉิงมาโดยตลอด ตอนแรกก็ไม่ได้คัดค้านที่ฉิงฉิงจะคบกับซือเฉิน” คุณย่าเย่ตัดคำพูดของเห่อถงถง แต่ว่าน้ำเสียงของคุณย่าเย่ในขณะนี้ดีมากๆ
เทียบกับอารมณ์ร้ายของเห่อถงถงในตอนนี้แล้ว น้ำเสียงของคุณย่าเย่นั้นดีมากจริงๆ
คุณย่าเย่นั้นคิดวางแผนมาจะครึ่งชีวิตแล้ว แน่นอนว่าเห่อถงถงไม่ใช่คู่มือของเธอ
เห่อถงถงโมโหจนหน้าแดงไปหมดแล้ว ทำไมถึงหน้าด้านได้ขนาดนี้? ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้?
เวินลั่วฉิงดึงเห่อถงถง แสดงให้เห่อถงถงเห็นว่าไม่ต้องรีบ เธออยากจะลองดูว่าคุณย่าเย่จะทำยังไงกันแน่?
ถึงแม้ว่าขณะนี้เห่อถงถงจะโมโหอยากจะระบายมากๆ แต่แน่นอนว่าเธอต้องฟังเวินลั่วฉิง
แววตาของคุณย่าเย่หันไปมองเวินลั่วฉิง ยังคงเป็นท่าทางที่อ่อนแอ ยังคงเป็นน้ำเสียงที่ร้องขอ “แต่ว่าเรื่องการสืบทอดของตระกูลเย่ พวกเราไม่สามารถไม่สนใจได้”
ในขณะนี้ที่คุณย่าเย่พูด มองหน้าเวินลั่วฉิง จู่ๆขาทั้งสองก็ก้มโค้งลง แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าของเวินลั่วฉิง
แววตาของเวินลั่วฉิงแย่ลง บนใบหน้ามีความเย็นชาเพิ่มขึ้นเยอะมาก คุณย่าเย่ได้แสดงละครแบบนี้ตอนอยู่โรงพยาบาลแล้วครั้งหนึ่ง แต่ว่าครั้งนั้นในโรงพยาบาลยังไม่มีคนภายนอก พอตอนสุดท้ายคุณย่าเย่ก็ไม่ได้คุกเข่าลงไปจริงๆ
แต่ว่าวันนี้มีผู้คนล้อมรอบมากมายขนาดนี้ มีคนมองดูอยู่มากมายขนาดนี้ เวินลั่วฉิงรู้ว่าครั้งนี้คุณย่าเย่ตั้งใจที่จะคุกเข่าแล้วจริงๆ
แต่ว่าเวินลั่วฉิงไม่ได้เดินไปพยุงคุณย่าเย่ ในวินาทีที่คุณย่าเย่คุกเข่าลงมาเธอดึงเห่อถงถงแล้วรีบขยับไปอีกทางหนึ่ง
ดังนั้น ตำแหน่งที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้ไม่ได้เป็นทางที่คุณย่าเย่คุกเข่าลงมาเลย
แต่ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็ยังดึงดูดความสนใจของผู้คนขึ้นมา
ไม่ว่ายังไงแล้วคุณย่าเย่ก็เป็นผู้อาวุโสที่อายุเจ็ดสิบกว่าปี คุกเข่าลงต่อหน้าผู้คนแบบนี้…..
วินาทีนั้นเห่อถงถงตกใจไปเลย ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงว่าคุณย่าเย่จะคุกเข่าให้ฉิงฉิงต่อหน้าผู้คนแบบนี้ นี่ก็โหดเกินไปแล้ว เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว
“ให้ตายเถอะ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้? ทำไมเธอถึงทำแบบนี้? นี่เขาจะบังคับเธอหรอ?” หลังจากที่เห่อถงถงดึงสติกลับมาแล้ว สีหน้าก็ซีดขาวไปเลย
คุณย่าเย่คุกเข่ามาแบบนี้ ถึงแม้ว่าฉิงฉิงจะมีเหตุผล ทุกคนก็คงจะเอนเอียงไปทางคุณย่าเย่
ตามหลักวัฒนธรรมจีนแล้วเรื่องกตัญญูมักจะมาก่อนเสมอ ผู้อาวุโสอายุเจ็ดสิบกว่าปีคุกเข่าให้วัยรุ่นที่อายุยี่สิบกว่าปีแน่นอนว่าจะทำให้ผู้คนไม่พอใจอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือก่อนหน้านี้เวินลั่วฉิงยังเคยแต่งงานกับเย่ซือเฉินอีกด้วย
ในสถานการณ์แบบนี้เวินลั่วฉิงจะได้รับการกล่าวโทษอยู่แล้ว
การกล่าวโทษแบบนี้คือการอ้างหลักศีลธรรมมาบังคับให้คนคนหนึ่งทำตามที่ตนเองเห็นว่าดีชัดๆ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณย่าเย่ในตอนนี้คิดอยากจะใช้หลักศีลธรรมมาบังคับเวินลั่วฉิง
สีหน้าของเวินลั่วฉิงยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม บนใบหน้ามองไม่ออกถึงความผิดปกติอะไรเลย
“ผู้อาวุโสนี่ก็น่าสงสาร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเด็ก ก็ไม่สามารถโทษผู้อาวุโสได้จริงๆ ไม่ว่าตระกูลไหนก็ไม่อยากจะไม่มีผู้สืบทอดต่อเลย”
“เรื่องนี้โทษผู้อาวุโสไม่ได้จริงๆ หากเปลี่ยนเป็นฉัน ฉันก็ไม่สามารถตอบตกลงได้”
เป็นอย่างที่คิดไว้เลย คนที่เมื่อกี้ยังกล่าวโทษคุณปู่เย่และคุณย่าเย่อยู่ก็รีบลำเอียงมาทางคุณย่าเย่เลย
อีกอย่างเหตุผลที่คุณย่าเย่พูดเมื่อกี้ก็มีพลังมากๆ สามารถดึงดูดความสงสารของผู้คนได้มากมาย โดยเฉพาะพวกคนที่กลายเป็นแม่ยายไปแล้ว
“แต่งงานไป ไม่สามารถมีลูกได้ จะแต่งมาทำไม?”
“ใช่แล้ว ภรรยาแบบนี้แต่งไม่ได้จริงๆ” ท่าทีถึงขั้นดูลำเอียงและไม่น่าฟังไปใหญ่
คุณย่าเย่ได้ใจมาก เธออยากจะเพิ่มไฟเข้าไปอีก “ฉิงฉิง ตอนที่เธอแต่งงานกับซือเฉิน ฉันทำดีกับเธอมาโดยตลอด ไม่เคยสร้างความลำบากใจให้เธอเลย หากไม่ใช่เพราะเธอไม่สามารถมีลูกได้ ฉันไม่มีทางให้เธอจากเย่ซือเฉินไปแน่ๆ ฉันอยู่มาจะครึ่งชีวิตแล้ว ไม่เคยร้องขอใครเลย วันนี้ฉันขอร้องเธอ ขอร้องเธอให้กับเย่ซือเฉิน ให้ทางเดินหนึ่งกับตระกูลเย่เถอะ”
เห่อถงถงขณะนี้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าโมโหมากแล้ว หน้าอกอัดแน่นขึ้น ปากอ้าแล้วป้าอีก แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ
รังแกคนมากเกินไปแล้ว ช่างรังแกคนมากเกินไปแล้วจริงๆ
เวินลั่วฉิงสีหน้าเงียบสงบอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แน่นอนว่าเวินลั่วฉิงก็ไม่ได้มีความหมายที่จะไปพยุงคุณย่าเย่ขึ้นมาเลย
ท่าทีของเวินลั่วฉิงในขณะนี้ คนรอบๆ ข้างดูแล้วต่างก็ดูไม่ลงแล้ว
ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งสวมเสื้อสีแดงเดินมายังข้างกายของคุณย่าเย่อยากจะพยุงคุณย่าเย่ขึ้นมา ไม่ง่ายเลยคุณย่าเย่กว่าจะได้เปรียบ เธอไม่มีทางลุกขึ้นมาในเวลานี้แน่นอน
“คุณเวิน หยุดเถอะ ผู้อาวุโสเขาก็คุกเข่าให้คุณแล้ว คุณยังอยากจะทำอะไรอีก? ผู้อาวุโสคนนี้ก็อายุปานนี้แล้วถ้าหากเกินอะไรขึ้นมาจะทำยังไง? ทำอะไรก็อย่าทำเกินไป” ผู้หญิงที่สวมชุดแดงไม่สามารถพยุงคุณย่าเย่ขึ้นมา มองไปทางเวินลั่วฉิง เห็นท่าทีของเวินลั่วฉิงแล้ว ก็อดกล่าวโทษขึ้นมาไม่ได้
เวินลั่วฉิงกันไปมองผู้หญิงที่สวมชุดแดง จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา