จุดนี้คือหลักฐานชิ้นสำคัญโดยแท้จริง
ทว่าคนทั่วไปคิดไม่ถึง ไม่อินังขังขอบ นอกเสียจากสงสัยว่าการเสพยาเสพติดเกินปริมาณของเวินจื้อหลงจะมีเงื่อนงำ
ซึ่งมันเป็นจุดสงสัยเพียงจุดเดียวของคดีนี้ สาวคนนี้สามารถจับประเด็นสำคัญของคดีได้ในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้เลยหรือ?
เป็นไปไม่ได้มั้ง?บังเอิญหรือเปล่า!
“มีวิดีโอบันทึกภาพครับ ตอนแรกพวกเราก็สงสัยเช่นกันครับ แต่ในภาพไม่เห็นใครบังคับเวินจื้อหลงเลยครับ และไม่มีเคยแอบทำอะไรกับเวินจื้อหลงเลยครับ”คุณตำรวจอู๋อธิบายอย่างละเอียดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ให้ฉันดูวิดีโอหน่อยค่ะ”ในเมื่อมีกล้องวงจรปิด เวินลั่วฉิงก็ต้องลองดูว่าจะพบเงื่อนงำอะไรหรือเปล่า?
“ครับ ครับ”คุณตำรวจอู๋ค้นวิดีโอคืนนั้นออกมา ทว่าเขาก็แค่ทำไปตามระเบียบ ไม่ได้คาดหวังว่าเวินลั่วฉิงจะเจออะไร
เพราะตำรวจในหน่วยงานพวกเขาดูตั้งนานก็ไม่พบข้อสงสัยอะไร
เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไร แค่ตั้งใจดูวิดีโอที่ยาวเหยียดตั้งแต่ต้นยังจบอย่างเงียบๆ
พอวิดีโอจบลงก็ใช้เวลาไปสองชั่วโมงกว่า ดูจากวิดีโอแล้วไม่มีใครบังคับเวินจื้อหลงจริงๆ ระหว่างนั้นก็ไม่มีใครทำตุกติกกับเวินจื้อหลงเช่นกัน
“คุณก็ดูวิดีโอจบแล้ว ไม่มีจุดสงสัยจริงๆครับ”คุณตำรวจอู๋อธิบายอย่างเป็นการเป็นงาน
“ดูจากวิดีโอแล้วพวกเขาเสพผงขาวที่เรียกว่า ‘ยาไอซ์’ ซึ่งเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง หากผู้เสพใช้ปริมาณมากกว่า 30 กรัมจะทำให้เสียชีวิตได้”เวินลั่วฉิงละสายตาจากวิดีโอไปมองคุณตำรวจอู๋
“หา?ใช่ ใช่ครับ”คุณตำรวจอู๋รู้สึกช็อกเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเธอจะรู้เรื่องพวกนี้ หรือเธอเคยเสพชนิดนี้มาก่อน?
ทว่าเธอพูดในเวลานี้เพื่ออะไร?
“ดูจากวิดีโอแล้วเวินจื้อหลงสูดเข้าไม่เกิน 20 กรัม พูดให้ละเอียดหน่อยก็คือตอนนั้นเวินจื้อหลงเสพยา15กรัมถึง16กรัม ซึ่งไม่ได้เกินขนาด ถึงแม้หลังจากนั้นจะถูกกระตุ้นอารมณ์เกินเหตุก็ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต”เสียงเวินลั่วฉิงไม่สูง ทว่าน้ำเสียงกลับมั่นใจสุดๆ
“อะไรนะครับ?”คุณตำรวจอู๋ตะลึงไปหมด พลางเบิกตากว้างไปชั่วขณะ จ้องมองเวินลั่วฉิง “คุณ? คุณรู้ได้ยังไงครับ?”
ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ร่วมทำคดีนี้ด้วย พอได้ยินเวินลั่วฉิงพูดก็รีบหันมามองเวินลั่วฉิงด้วยแววตาที่มองสัตว์ประหลาด
เหตุการณ์ตอนนั้นชุลมุนขนาดนั้น บวกกับวิดีโอที่ไม่ค่อยชัดมากนัก ทำไมเธอดูแค่รอบเดียวก็รู้ว่าเวินจื้อหลงเสพในปริมาณเท่าไหร่?
โม้เกินเหตุหรือเปล่า?ทำไมเธอไม่ลอยขึ้นฟ้าไปเลยนะ?
“คุณอย่าอ้าปากพูดไปเรื่อย ที่นี่คือสถานีตำรวจ ไม่ใช่ที่คุย……ไม่ใช่สถานที่ที่ปล่อยให้คุณพูดส่งเดชได้ตามใจชอบ”ตำรวจยศต่ำได้สติกลับคืนมาจึงรีบโต้กลับทันที เขาไม่เชื่อ เขาไม่เต็มใจ
ตำรวจนายนี้เกือบหลุดปากพูดว่าเวินลั่วฉิงคุยโม้โอ้อวดแล้วเชียว
ผู้จัดการหลิวชะงัก รู้สึกมึนงงมาก เขาเชื่อคำพูดของท่านประธาน ทว่าเขาไม่เข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร
ผู้จัดการหลิวที่ชอบปกป้องผู้อื่นเป็นประจำ เวลานี้ลืมปกป้องประธานของตัวเองเสียแล้ว
“พูดส่งเดชไม่ได้นะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลย”คุณตำรวจอู๋ก็ได้สติ อย่างไรเสียงเขาทำงานเป็นตำรวจมานาน ไม่ได้บุ่มบ่ามเหมือนตำรวจยศต่ำผู้นั้น เพียงแต่น้ำเสียงมีความหมายคล้ายกันเฉยๆ
เวินลั่วฉิงไม่ได้อธิบาย เธอเอาเมาส์ขยายภาพวิดีโอ
จากนั้นก็แคปภาพหลายจำนวน ซึ่งทุกภาพล้วนเป็นรูปเวินจื้อหลงเสพยาไอซ์ทั้งหมด
“อันนี้คือภาพในวิดีโอที่เวินจื้อหลงกำลังเสพยาอยู่ค่ะ ซึ่งมีทั้งหมดสิบแปดครั้ง ปริมาณแต่ละครั้งต่างกันเล็กน้อย แต่ทุกคนก็เสพไม่เกิน 1 กรัมค่ะ”เวินลั่วฉิงถึงเริ่มอธิบาย ตอนเกิดเหตุเวินจื้อหลงน่าจะนั่งในตำแหน่งที่กล้องจับภาพได้พอดี จึงทำให้ทุกการกระทำชัดเจน โดยรวมถึงปริมาณที่เสพด้วย
แน่นอน คนทั่วไปไม่อาจวิเคราะห์ปริมาณการเสพของเวินจื้อหลงได้ แต่เวินลั่วฉิงไม่ใช่คนธรรมดา
วิดีโอมีความยาวสองชั่วโมงกว่า ซึ่งเวินจื้อหลงเสพไปทั้งหมดสิบแปดครั้ง เมื่อเวินลั่วฉิงดูเพียงรอบเดียว จากนั้นก็ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีก็สามารถแคปภาพตอนเวินจื้อหลงเสพได้อย่างแม่นยำ
ตำรวจคนที่โต้แย้งเมื่อสักครู่ทำหน้าตกตะลึงอ้าปากค้าง ซึ่งคาดว่าคงสามารถยัดไข่ได้หลายฟองเลยล่ะ
โอโห ทำได้ยังไงเนี่ย?ถึงแม้ใต้วิดีโอแสดงเวลาไว้ แต่ดูรอบเดียวก็จำได้แม่นยำเช่นนี้ แถมยังจับตำแหน่งได้ดีในเวลาชั่วพริบตา คนทั่วไปทำอย่างนี้ไม่ได้มั้ง?
หากคนทั่วไปดูวิดีโอจะหาจุดที่เวินจื้อหลงถูกบีบบังคับหรือมีคนคิดไม่ซื่อหรือเปล่า แล้วทำไมจุดสนใจของเธอจึงต่างจากคนอื่น
ทั้งที่กินข้าวสารดื่มน้ำโตมาเหมือนกัน เธอกับเขาอายุก็ไล่เลี่ยกัน แล้วทำไมความสามารถถึงต่างกันเพียงนี้?
ไม่ยุติธรรมจริงๆ!!
“ประ ประธานเวินครับ”ตั้งนมนานกว่าคุณตำรวจอู๋จะหาเสียงของตัวเองเจอ แต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดเช่นไรดี เขารู้สึกว่าไม่มีคำพูดใดสามารถพรรณนาความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้
นี่?นี่คือใครกัน?
ไม่ นี่ไม่ใช่คนมั้ง?
ตำรวจนายอื่นที่มาดูเหตุการณ์ต่างก็อึ้งไปตามๆกัน
ผู้จัดการหลิวยิ่งอึ้งจนดึงสติกลับมาไม่ได้
นี่คือประธานของเขาใช่หรือไม่?
ที่แท้ประธานของเขาเก่งกาจปานนี้เชียว?
“ที่สถานีตำรวจมีผู้เชี่ยวชาญตรวจวัดปริมาณไหมคะ?”เวินลั่วฉิงสามารถวิเคราะห์ปริมาณได้ แต่อย่างอื่นก็ไม่แน่ ซึ่งเวลาตำรวจทำคดีจำเป็นต้องมีหลักฐาน จะให้ยึดคำพูดของเธอเป็นหลักไม่ได้
ดังนั้นจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตรวจสอบอีกทีหนึ่ง
“ห้ะ?หา”ในที่สุดคุณตำรวจอู๋ก็หาเสียงของตัวเองกลับมาได้เสียที:“มีครับ ศูนย์สถานีตำรวจมีครับ”
“ผม ผมจะเอาไปตรวจที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยครับ”คุณตำรวจอู๋ลุกขึ้นยืนด้วยจิตใต้สำนึก เพราะความร้อนรนเป็นเหตุ จึงไปโดนแก้วบนโต๊ะ
เขาทำคดีมามากมาย บัดนี้กลับเหมือนคนประมาทเลอเลิศเสียอย่างนั้น
“นายครับ คุณส่งภาพไปที่ศูนย์ก็พอครับ ไม่ต้องไปเองหรอกครับ จะได้ประหยัดเวลาครับ”ตำรวจน้อยก็มองหัวหน้าตัวเองอย่างแปลกประหลาด เขารู้สึกว่าตอนนี้หัวหน้าโง่เขลาเล็กน้อย
“เอ่อ?ถูก ถูก”คุณตำรวจอู๋รีบผงกศีรษะ:“ผมจะรีบติดต่อไปที่ศูนย์ใหญ่ครับ ประธานเวินรอสักครู่นะครับ”
บัดนี้คุณตำรวจอู๋มีท่าทีเคารพเวินลั่วฉิงเป็นอย่างมาก ซึ่งมากกว่าผู้บัญชาการเบื้องบนของเขาเสียอีก
คุณตำรวจอู๋ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ไม่นานก็ติดต่อกับศูนย์สถานีตำรวจใหญ่ได้ คุณตำรวจอู๋ส่งภาพทั้งหมดสิบแปดภาพที่เวินลั่วฉิงแคปให้
คุณตำรวจอู๋เน้นยำเป็นพิเศษว่าเรื่องนี้เร่งด่วนมาก หวังว่าจะสอบผลโดยเร็วที่สุด!
จากนั้นทุกคนก็รอผลตรวจจากทางนั้นอย่างตื่นเต้น
การรอมักจะให้ความรู้สึกเนิ่นนาน ดังนั้นระหว่างที่รอ ทุกคนก็เริ่มคิดฟุ้งซ่านไปต่างๆนาๆ……
พวกเขารู้สึกว่าเมื่อกี้เวินลั่วฉิงพูดโม้!!ซึ่งโม้เกินเหตุจะทำให้ถูกจับได้ง่ายขึ้น!!
คงจะอายุน้อย อยากแสดงฝีมือสักหน่อยล่ะมั้ง!!