ถังหยุนเฉิงคงจะพิจารณาได้ถึงจุดนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ได้หาถังหลินแต่มาหาเธอแทน
แต่ตอนนี้เธออยู่ที่ประเทศM หลังจากนี้ใครๆก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดังนั้น เธอจำเป็นที่จะต้องป้องกันเอาไว้ก่อนที่เรื่องร้ายๆจะเกิดขึ้น
เวินลั่วฉิงหาเบอร์ของเย่ซือเฉิน กำลังจะกดโทรหาเขา
เธอยังไม่ทันได้กดโทรออกนั้น เย่ซือเฉินก็เป็นฝ่ายโทรหาเธอเสียก่อน มุมปากของเวินลั่วฉิงยกขึ้นเล็กน้อย นี่พวกเขานับว่าใจตรงกันเลยใช่ไหม?
“คุณอยู่ไหน?” เมื่อรับสายแล้ว เสียงของเย่ซือเฉินก็ดังขึ้นมา น้ำเสียงทุ้มต่ำ ถึงแม้ว่าจะฟังไม่ออกถึงความรู้สึกได้มากเท่าไหร่นัก แต่เวินลั่วฉิงก็ยังคงรู้สึกได้ว่าเขากำลังเก็บกดเอาไว้อยู่
เวินลั่วฉิงเลิกคิ้วขึ้น วันนี้แต่ละคนเป็นอะไรกันไปหมด?
“ฉันอยู่ที่ประเทศMค่ะ เพิ่งจะออกมาจากสนามบิน” เวินลั่วฉิงไม่ได้ปิดบัง ตอนที่เธอมานั้นเธอส่งข้อความบอกเขาแล้ว เขาจะต้องรู้อย่างแน่นอน
“รอก่อนครับ” น้ำเสียงของเย่ซือเฉินนั้นยังคงดูสะกดอารมณ์เอาไว้เช่นเดิม แต่เวินลั่วฉิงกลับได้ยินถึงความโมโห ความโมโหที่สะกดเอาไว้
คุณชายสามเย่โมโหแล้ว!
เพียงแต่ เขาบอกให้เธอรอก่อนหมายความว่าอะไรกัน?
โกรธที่เธอมาประเทศอเมริกาคนเดียว? ให้เธอรอ รอให้เธอกลับไปแล้วค่อยคิดบัญชีกับเธออย่างนั้นหรือ?
มุมปากของเวินลั่วฉิงยื่นเล็กน้อย เธอพบว่าผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะยิ่งขี้เหนียวมากขึ้นทุกทีๆ ทั้งๆที่เธอก็อธิบายกับเขาไปแล้ว
“ฉันส่งข้อความหาคุณแล้วนะคะ” เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเธอยังจะต้องอธิบายเสียหน่อย พูดตามความจริงแล้วถ้าคุณชายสามเย่โมโหขึ้นมา บางครั้งก็รับมือได้ยากจริงๆ
“อืม” เย่ซือเฉินไม่ได้อธิบายอะไรมาก เพียงแค่ตอบรับออกมาอย่างเย็นชา ข้อความเพียงข้อความเดียวก็นับว่าเป็นการอธิบายแล้วอย่างนั้นหรือ?
ถ้าหากเธอเห็นเขาเป็นผู้ชายของเธอจริงๆ ก็ควรจะโทรหาเขาโดยตรง ให้เขามาด้วยกันกับเธอ
แต่เธอนี่สิ กลางดึกแล้วถึงส่งข้อความมาให้เขาก็ถือว่าเสร็จเรื่องแล้วสินะ
กลางดึก ใครจะไปอ่านข้อความกัน?
เวินลั่วฉิงแอบสูดหายใจเข้าเงียบๆ ได้ยินน้ำเสียงที่ฮึดฮัดอย่างไม่พอใจของคุณชายสามเย่แล้วคงจะโกรธจริงๆ แต่เวินลั่วฉิงคิดว่าพวกเขาที่ตอนนี้คนหนึ่งอยู่ที่เมืองA และอีกคนอยู่ที่ประเทศMนั้น ต่อให้คุณชายสามเย่จะมาหาเธอแล้วคิดบัญชีกับเธอก็คงทำไม่ได้เป็นการชั่วคราว
“โกรธหรือคะ?” แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เวินลั่วฉิงจะมาหาเรื่องเขาในเวลานี้ สถานการณ์เช่นนี้ไปตามเขาก็คงจะดีกว่า
แน่นอนว่าในขณะที่เวินลั่วฉิงคุยโทรศัพท์กับเย่ซือเฉินอยู่นั้น เท้าที่ก้าวเดินไปนั้นก็ไม่ได้หยุดลง เธอรีบเดินออกไปทางด้านนอกสนามบินอย่างรวดเร็ว
“คุณก็รู้นี่ครับว่าผมจะโกรธ?” คำพูดของเย่ซือเฉินนั้นดังขึ้นมาทีละคำๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นความรู้สึกกัดฟันด้วยความโกรธอยู่นั่นเอง
“อย่าโกรธไปเลยนะคะ ฉันกลับไปแล้วค่อยอธิบายให้คุณฟังอีกที” เวินลั่วฉิงรู้ว่าทำไมเย่ซือเฉินถึงโกรธ แต่ก็เป็นเพราะเธอมีธุระไม่ไปหาเขา เพียงแต่เธอทำอะไรคนเดียวเสียจนชินแล้ว และมีความเคยชินที่ว่าเวลาเกิดเรื่องขึ้นสิ่งแรกก็ต้องการคิดหาวิธีแก้ปัญหาก่อน ไม่มีวิธีจริงๆแล้วค่อยไปขอพึ่งคนอื่น
“เพียงแค่อธิบายก็พอแล้วหรือ?” เย่ซือเฉินรู้สึกพอใจกับท่าทางที่ยอมอ่อนให้อย่างเห็นได้ชัดนี้ของเธอมาก เพียงแต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอแค่จะอธิบายกับเขาแค่นั้นเองหรือ?
“แล้วคุณอยากจะทำยังไงคะ?” เวินลั่วฉิงเบะปากอีกครั้ง ทำไมเธอรู้สึกว่านับวันเย่ซือเฉินจะยิ่งได้คืบจะเอาศอกแบบนี้กัน
“ผมอยากจะทำยังไงก็ทำได้ใช่ไหม?” ดวงตาของเย่ซือเฉินเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย มุมปากปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา
“อืม อืม” เวินลั่วฉิงนิ่งอึ้งไป จากนั้นก็ตอบรับติดๆกันไป เธออยากจะให้เย่ซือเฉินได้รับรู้ถึงความจริงใจของเธอ
เวลานี้เวินลั่วฉิงตอบรับไปอย่างรวดเร็ว แต่เธอนึกถึงว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ห่างกันเป็นหมื่นๆกิโลแบบนี้ ต่อให้เย่ซือเฉินจะโกรธก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้
ตอนนี้เธอยอมอ่อนให้ รอให้เธอกลับไปแล้วความโมโหของเขาก็จะหายไป ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว
ไม่พูดไม่ได้ว่าเวินลั่วฉิงเตรียมการเอาไว้ไม่เลวเลย
เพียงแต่……
“ขึ้นรถ” เวลานี้รถของเย่ซือเฉินมาจอดลงตรงหน้าเธอพอดี เห็นน้ำเสียงที่ดูจริงใจแต่ใบหน้ากลับดูขอไปทีอย่างชัดเจนขนาดนี้ มุมปากจึงปรากฏรอยยิ้มออกมา
เวลานี้ในใจของเธอวางแผนอะไรอยู่นั้น เขามองออกได้อย่างชัดเจนไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ถึงแม้จะโมโห แต่เห็นเธอปลอดภัย ในใจของเขาก็รู้สึกวางใจขึ้นมาได้
แต่ เขารู้สึกว่าเขาจะต้องให้บทเรียนในเรื่องราวครั้งนี้กับเธอ เขาจะต้องทำให้เธอจำเอาไว้ว่าเขาเป็นผู้ชายของเธอ ตอนที่เธอมีเรื่องอะไรนั้นจะต้องนึกถึงเขาเป็นคนแรก
เธอจะต้องนึกถึงเขาก่อนกับการที่จะให้เขาเป็นคนช่วยเธอแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ให้เธอต้องไปเสี่ยงอันตรายเพื่อแก้ไขแบบนี้
“อา?” ครั้งนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกตกตะลึงไปหมดแล้ว ดวงตาคู่นั้นมองไปด้วยจิตใต้สำนึก หลังจากนั้นก็เห็นรถที่จอดอยู่ข้างๆตัวเอง
กระจกรถลดลงมา ใบหน้าที่ดูดีอย่างไม่รู้จะดูดีได้อีกของเย่ซือเฉินก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ
อืม ดูดีมาก แต่ตอนนี้เวินลั่วฉิงรู้สึกไม่อยากจะเห็นซักเท่าไรนัก
โดยหลักๆแล้วก็เป็นเพราะขาดความมั่นใจ คนเรานี่ไม่สามารถที่จะคาดหวังว่าจะโชคดีไปได้เสียทุกเรื่องอย่างที่ว่าไว้จริงๆ
ยิ่งตอนที่ต้องปะทะกับดวงตาที่ดูอันตรายจากความโมโหอย่างชัดเจนของคุณชายสามเย่ เวินลั่วฉิงยิ่งอยากจะอยู่ให้ไกลๆ
แต่เวินลั่วฉิงรู้ดีว่านั่นคงจะไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าหากเวลานี้เธอกล้าออกไป ไม่แน่ว่าผู้ชายคนที่ขี้เหนียวบางคนอาจจะกัดเธอให้ตายเลยก็ได้
เวินลั่วฉิงยิ้มให้เขา หลังจากนั้นก็เปิดประตูขึ้นรถไป เวินลั่วฉิงนั่งทางด้านหลังกับเย่ซือเฉิน และเธอยังตั้งใจเอนไปทางเย่ซือเฉิน ใบหน้ามองเขาด้วยรอยยิ้ม : “ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
เย่ซือเฉินเหลือบไปมองเธอแวบหนึ่ง และไม่ได้เอ่ยตอบ ท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งทำให้เวินลั่วฉิงอยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด
“คุณตั้งใจมาหาฉันหรือคะ?” เวินลั่วฉิงรู้ว่าตอนนี้จะหาเรื่องเขาไม่ได้โดยเด็ดขาด เมื่อครู่นี้เธอคิดว่าอยู่ห่างกันข้ามน้ำข้ามภูเขา แต่ตอนนี้เจ้าตัวมาอยู่ข้างๆเธอแล้ว เธอไม่กล้าแสดงความคิดเห็นไปทั่วจริงๆ
“อืม” เย่ซือเฉินตอบรับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณชายสามเย่จะยังรักษาท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งเอาไว้ แต่กลับไม่ได้ปฏิเสธตรงจุดนี้
“เมื่อกี้คุณบอกว่าผมจะทำยังไงก็ทำใช่ไหม? หืม?” ดังนั้นคุณชายสามเย่จึงยอมรับอย่างตรงไปตรงมาก็เพื่อจะคิดบัญชีกับเธอ
“อ๊า? อา” เวินลั่วฉิงยังคงยิ้มอยู่เช่นเคย รอยยิ้มบนใบหน้าไม่มีความผิดปกติใดๆ เพียงแค่ในใจนั้นรู้สึกขาดความมั่นใจอยู่จริงๆ
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเย่ซือเฉินเวลานี้อยู่ข้างๆเธอ เธอคิดจะหลอกต่อไปอีกเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้น เธอจำเป็นที่จะต้องแสดงความจริงใจออกมา
“ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะตั้งใจมาหาฉัน ฉันซึ้งใจมากจริงๆค่ะ” เวินลั่วฉิงเข้าไปใกล้เย่ซือเฉิน มือทั้งสองข้างดึงแขนของเย่ซือเฉินเอาไว้
ว่ากันตามจริงแล้วเวินลั่วฉิงไม่กลัวฟ้ากลัวดิน คิดว่าไม่มีเรื่องอะไรที่จะยากเกินความสามารถของเธอ แต่เรื่องความรู้สึกพูดคำว่ารัก คำพูดหวานออกมานั้นเธอไม่ถนัดจริงๆ
แต่ต่อให้ไม่ถนัด เธอเองก็ต้องพูด
ผู้ชายที่ขี้เหนียวบางคนกำลังโกรธอยู่ เธอไม่โอ๋ก็คงจะไม่ได้!!
เย่ซือเฉินมองเธอด้วยสีหน้าท่าทางที่เย็นชา ในสายตานั้นส่งความหมายออกมาว่า แสดง คุณแสดงต่อสิ
ซาบซึ้ง? เขามองไม่เห็นถึงความซาบซึ้งของเธอเลยด้วยซ้ำ
ถ้าหากเขามองไม่ผิด ตอนแรกที่เธอเห็นเขานั้นเหมือนกับอยากจะหนีไปเสียด้วยซ้ำ?