เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าคำพูดของเด็กผู้หญิงนั้นมันทำให้เรื่องราวมันเปลี่ยนไปขนาดไหน เพียงแค่เด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมรับ ถึงจะให้นางฟ้ามาช่วยก็ช่วยอะไรถังหยุนเฉิงไม่ได้
แต่เวินลั่วฉิงรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางยอมรับ หรือเปลี่ยนคำพูดง่ายๆ
ถ้าเกิดเด็กผู้หญิงเปลี่ยนคำพูดในตอนสุดท้าย คนนอกจะยิ่งน่าสงสัย และคาดเดาออก
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ไม่มีตัวอย่างมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะก่อนหน้านี้มีคนหนึ่งที่ถูกทำลายลงเพราะเรื่องแบบนี้มาก่อนแล้ว
เวินลั่วฉิงเคยเห็นคดีแบบนี้มาก่อน เป็นครูอนุบาลของโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง เป็นครูที่อ่อนโยนเสียด้วย แต่เพราะเด็กผู้หญิงในโรงเรียนอนุบาลคนนั้นไม่พอใจครู เลยรายงานเรื่องหลอกลวงกับโรงเรียน บอกว่าครูชายคนนั้นจูบและลูบไล้เธอ
ครูผู้ชายคนนั้นถูกสังคมรุมด่า และสาปแช่ง จนต้องออกจากโรงเรียนไป แถมภรรยาก็หย่ากับเขา ลูกก็พาลไม่พอใจไปด้วย และเกลียดเขา ทำให้เขาอับอาย ชื่อเสียงเสียหาย ชีวิตพังพินาศ
ถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงจะออกมายอมรับเองว่าโกหก แต่ทุกอย่างของผู้ชายคนนั้นก็พังไปแล้ว โดยที่ไม่สามารถเอากลับคืนมาได้
ตอนนี้ถังหยุนเฉิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านั้นร้อยเท่า พันเท่า
ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ ไปพูดหรือทำอะไรกับคนที่เกี่ยวกับถังหยุนเฉิง ก็ผิดไปหมด
ในสถานการณ์แบบนี้เวินลั่วฉิงอยู่ที่เมืองไห่ช่วยอะไรถังหยุนเฉิงไม่ได้ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรคนที่อยู่เบื้องหลังก็สามารถทำให้เป็นเรื่องใหญ่แล้วเอามันมาทำร้ายถังหยุนเฉิงกับตระกูลถังได้
เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ถังหยุนเฉิงน่าจะใกล้กลับมาที่เมืองไห่แล้ว แล้วเรื่องมันก็จะแย่ไปมากกว่าเดิม
ถังหยุนเฉิงกลับมาที่เมืองAไม่ได้สักพักหนึ่งอย่างแน่นอน เวินลั่วฉิงรู้ว่าอีกฝ่ายจะต้องจัดการเอาไว้หมดแล้ว ถึงถังหยุนเฉิงจะระวังตัวดีแค่ไหน แต่ถังหยุนเฉิงจะต้องคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเลวร้ายขนาดนี้แน่นอน
ดังนั้นเวินลั่วฉิงเองก็ไม่ได้หวังว่าถังหยุนเฉิงจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้ใครๆ ก็มองคำพูดของเด็กผู้หญิงคนนั้นก่อนอยู่แล้ว บวกกับผลตรวจของโรงพยาบาล เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ถังหยุนเฉิงพูดเลย
การที่เวินลั่วฉิงตัดสินใจกลับไปที่เมืองAนั้นมันเป็นการวางแผนเอาไว้หมดแล้ว
ตอนที่เธอติดต่อถังหยุนเฉิงไม่ได้ ก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นในตอนนั้น เธอเลยนัดคนคนหนึ่งมาที่ประเทศZ
ตอนนี้ให้คนมาที่เมืองไห่มันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ดังนั้นเวินลั่วฉิงเลยให้คนนั้นไปที่เมืองAทันที
เมืองAเป็นที่ของเย่ซือเฉินกับถังหลิน ทำอะไรก็สะดวก ยิ่งในสถานการณ์แบบนี้คนที่จะมาต่อกรกับเธอก็คือคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ในเมืองAเหมือนกัน
เรื่องมันเกิดที่เมืองA ดังนั้นเลยต้องกลับไปจัดการที่เมืองA
เวินลั่วฉิงไม่ใช่คนที่จะกลั่นแกล้งคนอยู่แล้ว!
แกล้งเธองั้นเหรอ?จะมีราคาที่ต้องจ่ายอย่างแน่นอน!
เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร การตัดสินใจของลูกสะใภ้ของเขานั้นจะต้องทำอย่างไม่มีข้อแม้อยู่แล้ว
เย่ซือเฉินนั้นเปลี่ยนเส้นทางโดยทันที โดยขับไปที่สนามบิน
โทรศัพท์ของเวินลั่วฉิงดังขึ้นมาในทันที เมื่อเวินลั่วฉิงดู ก็รีบรับสาย
“ฉิงฉิง ฉันเห็นไลฟ์แล้วนะ คุณอยู่กับเย่ซือเฉินที่เมืองไห่ใช่ไหม?ตอนนี้ฉันกำลังจะไปนะ……”
ถึงแม้ปกติถังหลินจะเย็นชา แต่อยู่ต่อหน้าเวินลั่วฉิงกลับอ่อนโยน เสียงของถังหลินผ่านโทรศัพท์นี้กลับเย็นเหมือนน้ำแข็ง
“พี่ คุณไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวฉันกับเย่ซือเฉินจะกลับไปแล้ว” เวินลั่วฉิงตัดบทของเขาทันที เวินลั่วฉิงไม่ได้พูดอะไรมาก เธอกลัวว่าจะมีคนดักฟัง
ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าใครที่เกี่ยวข้องกับถังหยุนเฉิงโผล่มาก็ตาม ก็จะถูกคนบอกว่าเป็นคนที่ใช้อำนาจในการทำร้ายคนอื่น ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลังเหล่านั้นก็น่าจะรอเห็นมันอยู่เสียด้วย
ปลายสายของอีกฝ่าย ถังหลินเงียบไปสักพัก เหมือนจะใจเย็นลง เมื่อครู่เขาเองก็เพิ่งดูไลฟ์ซึ่งมันสะเทือนใจมาก จนทำอะไรไม่ถูกใจตอนแรกเลยล่ะ
“โอเค งั้นฉันจะรอพวกคุณกลับมา” ถังหลินเชื่อในมือของเวินลั่วฉิงอยู่แล้ว ตอนนี้เวินลั่วฉิงบอกว่าจะรีบกลับเมืองA น่าจะคิดอะไรเอาไว้หมดแล้วล่ะ
เขารู้ว่าฉิงฉิงจะต้องหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้ได้แน่นอน
ตอนที่เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงไปถึงสนามบินก็ทันเครื่องที่จะกลับไปเมืองAพอดี พวกเขาซื้อตั๋วเครื่องบินแล้ว เลยหลับเมืองไปอย่าง ‘โอ่อ่า’
อือ ก็ต้องโอ่อ่าอยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาก็ทิ้งถังหยุนเฉิงเพื่อกลับไปเมืองA มันทำให้คนอื่นยิ่งสงสัยไปใหญ่
แน่นอน ว่าเวินลั่วฉิงนั้นตั้งใจ
เรื่องที่เวินลั่วฉิงกลับเมืองAนั้น คนในเมืองไห่นั้นรู้ข่าวอย่างรวดเร็ว
คนของตระกูลกู้ทำอะไรไม่ถูก ไป๋หยิงเองก็เหมือนกัน ขนาดมู่เฉิงเองยังทำอะไรไม่ถูกเลยเหมือนกัน
“วิธีของไป๋หยิงนั้นมันโหดร้ายจริงๆ เลย คุณว่าคุณหนูตระกูลถังคนนั้นจะสามารถเปิดโปงมันได้ไหมนะ จะสามารถเปลี่ยนสถานการณ์หน้ามือเป็นหลังมือได้หรือเปล่า?” มู่เฉิงมองบอดี้การ์ดที่อยู่ข้าง ด้วยท่าทีจริงจัง
“ฉันไม่รู้” อะเฉียงตอบอย่างจริงจัง เรื่องแบบนี้เขาจะไปรู้ได้อย่างไร
“คุณจะไม่รู้ได้อย่างไรล่ะ พูดคำว่าได้แค่พยางค์เดียว ส่วนคำว่าไม่ได้ก็แค่สองพยางค์เอง คุณตอบฉันมาสามพยางค์มาแบบนี้หมายความว่าอย่างไรนะ” มู่เฉิงมองบอดี้การ์ด ด้วยความไม่พอใจ
อะเฉียงไม่อยากตอบ เพราะไม่อยากพูดอะไรกับหัวหน้าน้อยที่โหดร้าย
“เธอทำไมถึงกลับเมืองAตอนนี้ล่ะ?ยอมถอยก่อนโจมตีงั้นเหรอ?หรืออยากจะป้องกันเพื่อโจมตี?หรือว่า……” หัวหน้าน้อยขมวดคิ้ว ก่อนจะสืบหาด้วยความจริงจัง: “จะสู้และหนีแบบนี้ไม่ได้สินะ?”
“หัวหน้าน้อยมีวิธีมากมายขนาดนี้ เกรงว่าคนอื่นๆ เองก็น่าจะไม่น้อยไปกว่ากัน คุณหนูใหญ่ถังไม่ทำอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ให้คนอื่นไม่ลังเลสงสัยก็พอแล้ว” ถึงอะเฉียงจะเป็นบอดี้การ์ด แต่สิ่ที่ทำไม่เพียงเป็นบอดี้การ์ด แต่ยังชี้นำให้กับหัวหน้าน้อยอีกด้วย
ไม่ น่าจะบอกว่าคิดแทนหัวหน้าน้อยของตัวเองเลยดีกว่า
“อะเฉียง คุณฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เลยนะ” หัวหน้าน้อยพอใจในตัวอะเฉียงมาก: “งั้นก็ให้พวกเขาลังเลสงสัยไป แต่พวกเราไปเที่ยวที่เมืองAเถอะ”
มุมปากของอะเฉียงนั้นยิ้มขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าหัวหน้าน้อยจะลังเลมากกว่าคนอื่นเสียอีก พอบอกว่าไปเที่ยวที่เมืองA อันที่จริงก็อยากจะไปดูหน่อยว่าคุณหนูคนโตของตระกูลถังนั้นทำอะไรกันแน่
พูดออกมาตรงๆ ก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง?!
แต่ว่าคุณหนูคนโตของตระกูลถังนั้นไม่เบาเลยจริงๆ หัวหน้าน้อยเป็นคนฉลาดมาก แต่ตอนนี้แค่เพราะคุณหนูใหญ่ถังกลับไปที่เมืองAยังลังเลขนาดนี้เลย
พวกคนที่อยากจะทำร้ายคุณถังลับหลังนั้นคงจะกลัวและไม่สบายใจเข้าไปใหญ่เลยใช่ไหมล่ะ?
คุณหนูใหญ่ถังนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด้วยอาชกรรมด้านจิตวิทยา เก่งมากจริงๆ ด้วย!
คนของไป๋หยิงกลัวว่าจะไม่ใช่แม้แต่คู่แข่งของคุณหนูใหญ่ถังเลยด้วยซ้ำ
เรื่องต่อจากนั้นมันจะต้องตื่นตาตื่นอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่แปลกเพราะหัวหน้าน้อยอยากจะตามไปที่เมืองAด้วย
“ไป๋หยิงบอกว่าต้องหาลูกสาวปลอมๆ ให้ หามาหรือยังน่ะ?” มู่เฉิงเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยิ้มมุมปาก ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยๆ ที่เกิดขึ้น
“หาเจอแล้ว ไปถึงที่เมืองAแล้ว พวกเราเองก็เตรียมตามที่หัวหน้าน้อยบอกแล้ว” อะเฉียงมุมปากกระตุกเล็กน้อย หัวหน้าน้อยหวังว่าทั้งโลกจะต้องวุ่นวายจนลุกเป็นไฟ!
“อือ ดีมากเลย เดี๋ยวพวกเราจะไปที่เมืองA ฉันยังไม่เคยไปเมืองAเลย มันจะต้องสนุกแน่นอน” มู่เฉิงตาเปล่งประกาย เหมือนทั้งคาดหวังและทั้งตื่นเต้น ชีวิตมันราบเรียบเกินไป ไม่ได้เจอเรื่องน่าตื่นเต้นมานานแล้ว