ในเมื่อรู้จักกัน งั้นเธอจะคอยดูว่าไป๋หยูหนิงจะทำยังไงต่อไป? ในเมื่อรู้จักกัน ตกลงยังจะตีกันอีกไหมนะ? !
“คุณชายเย่ เข้าใจผิด เข้าใจผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ตอนนี้ไป๋หยูหนิงแทบจะอยากถอยกลับไปในห้องน้ำ จากนั้นก็ปิดประตูซะ อย่างน้อยมองไม่เห็นก็จะไม่รู้สึกกลัวขนาดนั้น
เธอคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ชายของเวินลั่วฉิงก็คือเย่ซือเฉิน ถ้าหากเธอรู้ เมื่อครู่นี้คงไม่พูดอย่างนั้นเด็ดขาด
ตอนนี้เธออยากจะเอาคำพูดนั้นกลับคืนมา ได้ไหม?
ไป๋หยูหนิงหันไปมองเวินลั่วฉิง แววตาแฝงไปด้วยการอ้อนวอน อยากให้เวินลั่วฉิงช่วยเธออธิบายสักหน่อย
แต่เวินลั่วฉิงกลับเมินเฉยต่อสายตาวิงวอนของเธอ เมื่อครู่นี้เธอหาเรื่องตายเอง โทษใครไม่ได้หรอก
ไป๋หยูหนิงในตอนนี้สวมชุดสูทกับรองเท้าหนัง ผมสั้น คิ้วหนาตาโต ผิวคล้ำเล็กน้อย ส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร บวกกับท่าทางที่ดูหล่อเท่ของเธอ ทำให้เมื่อมองผ่าน ๆ เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งจริง ๆ
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เธอจงใจทำเสียงแบบนั้นออกมา เดิมทีเสียงของเธอถึงแม้จะฟังดูกึ่ง ๆ กลาง ๆ แต่ก็ไม่ได้เสียงใหญ่ขนาดนั้น
ถ้าหากเย่ซือเฉินไม่รู้จักไป๋หยูหนิง ด้วยความหึงหวงของเย่ซือเฉินเมื่อครู่นี้ คงจะไม่สำรวจดูอย่างใจเย็นแน่นอน เขาคงคิดว่าไป๋หยูหนิงเป็นผู้ชายแน่ ๆ
ดังนั้น เมื่อครู่นี้เวินลั่วฉิงจึงได้ถอยไปหลบอยู่ไกล ๆ
แน่นอนว่าถ้าหากรู้จักกัน ก็จะมีมุมมองที่ต่างออกไป
คุณชายสามเย่หรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วจ้องไปที่ไป๋หยูหนิง เขาแสยะยิ้มออกมา มองจนทำให้ไป๋หยูหนิงรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
“คณชายเย่ ฉันเป็นผู้หญิง เรื่องนี้คุณก็รู้ดีนี่คะ ฉันเหมือนกับฉิงฉิง เป็นเพศหญิงเหมือนกัน ชอบผู้ชายเหมือนกัน ฉะนั้น ระหว่างฉันกับฉิงฉิงไม่มีอะไรทั้งนั้น พวกเราสนิทกับแบบพี่น้อง” ไป๋หยูหนิงเห็นสีหน้าของคุณชายสามเย่ยังคงบึ้งตึงจนดูน่ากลัว ไม่มีทีท่าจะอ่อนโยนขึ้นเลยสักนิด ตอนนี้หัวใจเธอรู้สึกตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ
“สนิทกันแบบพี่น้อง?” ไม่รู้ว่าคุณชายสามเย่กำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาคู่นั้นของเขาถึงได้ดูดุดันถึงขีดสุดแบบนั้น
“พี่น้องแบบผิวเผิน ฉันกับเธอ สนิทกันแบบผิวเผินจริง ๆ สนิทกันแค่เปลือกนอกเท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณชายเย่เท่านั้น” ไป๋หยูหนิงมองท่าทางที่ยากจะคาดเดาของคุณชายสามเย่ ได้ยินคำพูดที่กำกวมประโยคนั้นของเขา ก็แสดงท่าทีว่านอนสอนง่ายเหมือนเป็นสุนัขรับใช้ของเขา
เวินลั่วฉิง : “……”
ถ้าเธอบอกว่าไม่รู้จักคนคนนี้จะได้ไหม?
ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
“เสื้อผ้าของเธอ เวินลั่วฉิงเป็นคนให้เหรอ?” สำหรับเรื่องนี้ คุณชายสามเย่จำได้อย่างแม่นยำ ต่อให้ไป๋หยูหนิงเป็นผู้หญิง แต่เขาก็ยังคงหึงเหมือนเดิม
“ไม่ ไม่ใช่ ไม่ใช่เด็ดขาด ชุดนี้ฉันซื้อเอง เวินลั่วฉิงเป็นพ่อไก่ขนเหล็กตัวหนึ่ง ที่แม้แต่ขนสักเส้นก็ไม่ยอมถอน แล้วจะยอมซื้อเสื้อผ้าให้ฉันได้ยังไงล่ะ” เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าอะไรไป๋หยูหนิงก็พูดออกมาได้ทั้งนั้น
เวินลั่วฉิงแหงนหน้าขึ้น มองไปที่เธอแวบหนึ่ง เอาเถอะ ถือว่าช่วยชีวิตของไป๋หยูหนิง เธอจะไม่ถือสาก็แล้วกัน
“เรื่องดำเนินการไปถึงไหนแล้ว?” สีหน้าของคุณชายสามเย่ยังคงบึ้งตึง แต่เขากลับเปลี่ยนเรื่องคุยขึ้นมากะทันหัน……
ถ้าหากเป็นคนอื่น คุณชายสามเย่คงจะไม่ถามแน่นอน แต่คนคนนี้คือไป๋หยูหนิง เรื่องนี้จึงต่างออกไป!!
ความสามารถด้านการสอดแนมและการป้องกันการสอดแนมของ ไป๋หยูหนิงนั้นยอดเยี่ยมมาก ด้านการวิเคราะห์ร่องรอยก็ยิ่งเชี่ยวชาญ
การที่เวินลั่วฉิงขอให้ไป๋หยูหนิงมาช่วย ก็เหมาะสมดีแล้ว
ที่จริงเขาก็ติดต่อคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้ไว้แล้ว คนคนนั้นกับไป๋หยูหนิงเมื่อเทียบกันแล้วก็ถือว่าเก่งพอ ๆ กัน แต่ที่เขาไม่ได้ติดต่อไป๋หยูหนิงไปนั้น เพราะไป๋หยูหนิงเป็นผู้หญิง
“ค่ะ ก่อนหน้านี้ก็มีความคืบหน้าบ้างแล้ว” ไป๋หยูหนิงโล่งใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดูท่าทาง เธอรอดตายแล้ว
และโชคดีที่เมื่อครู่นี้มีความคืบหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้น คงไม่รู้จะพูดกับเย่ซือเฉินยังไง ถ้าหากไม่มีผลงานให้ดู ไม่แน่เธออาจถูกคุณชายสามเย่กำจัดในไม่กี่นาทีนี้เลยก็ได้
เวินลั่วฉิงเดินเข้ามา แล้วเย่ซือเฉินก็หันไปมองเวินลั่วฉิง สายตาที่มองไปนั้นช่างดูลึกซึ้ง
แต่ว่า ในตอนนี้คุณชายสามเย่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ฉิงฉิง ไม่ใช่บอกว่าจะทำตลอดทั้งคืนเหรอ? งั้นพวกเรามาทำกันต่อเถอะ” ตั้งแต่ไป๋หยูหนิงเห็นเย่ซือเฉินก็เชื่องเหมือนแมวตัวหนึ่งไม่มีผิด ตอนนี้เธอจึงอยากรีบทำงาน อยากทำดีเพื่อลบล้างความผิด
“เธอทำเองสิ” คุณชายสามเย่มองไป๋หยูหนิงด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ทำงานทั้งคืนน่ะได้ แต่ต้องให้ภรรยาของเขาอยู่เป็นเพื่อนด้วยเหรอ?
ไม่มีทางเด็ดขาด!
“ล้อเล่นน่า?” ไป๋หยูหนิงรู้สึกอึ้งไปเลย เมื่อครู่นี้เธอก็คือล้อเล่นเองนะ ต้องโหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ?
ถ้าหากไม่มีฉิงฉิงคอยช่วย เธอทำคนเดียวก็เหนื่อยตายพอดี!
“ถ้าหากเธอไม่อยากทำ ฉันจะให้คนอื่นมาทำเรื่องที่เหลือเอง เธอก็กลับไปได้ละ” คำพูดของคุณชายสามเย่ไม่มีความเกรงใจกันเลยสักนิด
เห็นได้ชัดมากว่าคุณชายสามเย่ยังคงโกรธเรื่องเมื่อกี้นี้อยู่ แม้ว่าไป๋หยูหนิงจะเป็นผู้หญิงก็ตาม!
“นี่จะถีบหัวส่งกันเหรอ?” ไป๋หยูหนิงถอนหายใจออกมาแรง ๆ เพื่อพยายามให้ตัวเองใจเย็น แต่ก็รู้สึกว่าระงับความโมโหเอาไว้ไม่ค่อยอยู่
ไม่ว่ายังไง เธอก็ทำมาครึ่งวันแล้ว อีกอย่างก็มีความคืบหน้าไม่น้อยเลยด้วย คุณชายสามเย่จู่ ๆ จะบอกว่าไม่ต้องการเธอแล้วได้ยังไง?
“เธอเข้าใจก็ดีแล้ว” คุณชายสามเย่ตอบกลับเบา ๆ น้ำเสียงนั้นบ่งบอกว่าเป็นอย่างที่คิดนั่นแหละ
ถีบหัวส่งกันอย่างไม่ใยดีอย่างนี้ นอกจากคุณชายสามเย่ก็คงไม่มีใครอื่นอีกแล้วล่ะ
ไป๋หยูหนิงอึ้งไปเลย อึ้งมาก นี่ นี่มันคนประเภทไหนกันเนี่ย?
ไม่สิ นี่มันเป็นเรื่องที่คนเขาทำกันเหรอ?
“แล้วค่าตอบแทนของฉันล่ะ? เงินห้าล้านของฉันใครจะจ่าย?” ตอนนี้ไป๋หยูหนิงโกรธมากจริง ๆ เธอก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ
ถ้าไม่ให้ทำต่อ งั้นเธอก็ต้องเอาเงินก่อนแล้วค่อยไปสิ
เหอะ!!
“เธอรับปากจะให้เงินหล่อนห้าล้านเหรอ?” จู่ ๆ คุณชายสามเย่ก็หันไปมองเวินลั่วฉิง
“อืม” เวินลั่วฉิงพยักหน้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับถังหยุนเฉิง จะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อย และเรื่องนี้จัดการได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ดังนั้น เธอจึงเรียกไป๋หยูหนิงมา
“ไม่แล้ว” คุณชายสามเย่ปรายตามองไป๋หยูหนิง แล้วตอบกลับอย่างง่ายดายเพียงสองคำ แต่ความหมายนั้นชัดเจนมาก
เมื่อครู่นี้ที่ไป๋หยูหนิงทำเรื่องพวกนั้น แล้วยังคิดจะเอาเงินจากผู้หญิงของเขาอีก ไม่มีทาง
“คุณชายเย่ คุณงกเกินไปแล้วนะ? เงินห้าล้านสำหรับคุณ ขนไม่ร่วงสักเส้นหรอก” ไป๋หยูหนิงไม่ยอม ไม่ยอมมาก ๆ ด้วย จะยอมให้พวกเขาเอาเปรียบคนจน ๆ อย่างเธอแบบนี้ได้เหรอ?
คุณชายสามเย่หันไปมองไป๋หยูหนิง แล้วมุมปากค่อย ๆ ยกขึ้น : “ฉันกับผู้หญิงของฉันเป็นเหมือนกัน คือไม่ยอมถอนขนแม้แต่เส้นเดียว”
เห็นได้ชัดว่าคุณชายสามเย่เอาคำพูดที่ไป๋หยูหนิงพูดเมื่อครู่นี้มาใช้
ไอ! บ้า! เอ้ย! ตอนนี้ไป๋หยูหนิงอยากจะกระอักเลือดจริง ๆ เมื่อครู่นี้เธอก็แค่พูด ๆ ไปอย่างนั้นเอง คุณชายสามเย่ถึงกับต้องเอาคืนอย่างนี้เลยเหรอ?
เงินห้าล้านของเธอล่ะ? เมื่อกี้เธอโง่หรือเปล่า ทำไมต้องไปพูดเรื่องเงินห้าล้านกับเย่ซือเฉินด้วยเนี่ย?
เวินลั่วฉิงแอบทำไม้ทำมือส่งซิกให้เธอ เพื่อให้ไป๋หยูหนิงข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ไม่ให้โมโหออกมา
“ได้ งั้นฉันทำ ฉันทำคนเดียว ฉันรับประกันว่าจะทำมันให้ดี” ไป๋หยูหนิงในตอนนี้โกรธจนแทบพ่นไฟได้แล้ว แต่เพราะเธอขี้ขลาดเลยไม่กล้าตอบโต้เย่ซือเฉิน ดังนั้น เธอจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมนี้ไป