“ฉันจะส่งคนมาช่วยเธอ” เย่ซือเฉินรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงมาก เรื่องนี้จำเป็นต้องรีบจัดการอย่างเร่งด่วน จะพึ่งไป๋หยูหนิงคนเดียวคงไม่ได้
คนที่เขาเรียกตัวมาได้มาถึงแล้ว จะได้มาจัดการเรื่องนี้ร่วมกับไป๋หยูหนิงพอดี มีพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกัน เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
ถ้าไป๋หยูหนิงได้เจอกับคนที่เขาเรียกตัวมา คงน่าจะว่าพูดง่ายขึ้น เชื่อฟังมากขึ้นกว่านี้
เย่ซือเฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เหมือนจะแอบยิ้มอยู่
เอาเถอะ คุณชายสามเย่เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ในเมื่อล่วงเกินคุณชายสามเย่ไป ผลลัพธ์ก็……
“ใคร? คุณให้ใครมาช่วยฉัน?” ไป๋หยูหนิงกะพริบตาอย่างรวดเร็ว อยากรู้อยากเห็นอย่างเห็นได้ชัด พูดตามตรงเธอยังคงคาดหวังให้เวินลั่วฉิงช่วยเธอ เธอเชื่อมั่นในความสามารถของเวินลั่วฉิง
แต่ว่า คนที่เย่ซือเฉินเรียกตัวมาก็คงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน ดังนั้น ไป๋หยูหนิงตั้งตารอคอยมาก
“เดี๋ยวเธอก็จะได้รู้เองแหละ” เย่ซือเฉินมองเธอ แล้วตอบกลับแบบมีลับลมคมใน
ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของเย่ซือเฉิน ไป๋หยูหนิงก็รู้สึกตัวสั่นขึ้นมากะทันหัน จู่ ๆ ก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
ไม่สิ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเอามาก ๆ เลยล่ะ!!
จากนั้นคุณชายสามเย่ก็พาเวินลั่วฉิงออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
เมื่อออกมาจากโรงแรมแล้ว คุณชายสามเย่ก็เงียบมาตลอด สีหน้ายังคงบึ้งตึงอยู่อย่างนั้น
“เรื่องนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังนาย……” เวินลั่วฉิงคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
ตอนนั้นที่เขาโทรศัพท์มาหาเธอ เธอพบว่ามีคนสะกดรอยตามเธอพอดี เธอเลยไม่สะดวกอธิบายให้เขาฟังผ่านโทรศัพท์
ต่อมาก็เกิดเรื่องที่เลขาหลิวโกหกเธอ……
“ไม่ได้ตั้งใจปิดบังฉันเหรอ?” จู่ ๆ คุณชายสามเย่ก็หันมามองเธอ ดวงตาที่หรี่ลงคู่นั้นมีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมา
เวินลั่วฉิงสบตาเข้ากับสายตาอันตรายคู่นั้น แล้วก็เงียบไปชั่วขณะ
“เวินลั่วฉิง เธอพูดมาสิ ว่าเธอยังปิดบังอะไรฉันอีก?” คุณชายสามเย่จ้องเธอตาไม่กะพริบเลย ตอนนี้หน้าอกเขากระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย
ในตอนนี้ที่คุณชายสามเย่ถามก็คือเรื่องเจ้าหญิงน้อยของเขา
แต่ว่า ตอนนี้เวินลั่วฉิงกลับคิดว่าเป็นเรื่องของถังหยุนเฉิง เธอคิดไม่ถึงว่าคุณชายสามเย่จะข้ามไปคุยเรื่องอื่นกะทันหัน เธอกะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็ส่ายหน้า นอกจากเรื่องที่เรียกไป๋หยูหนิงมาช่วย เธอก็ไม่ได้ทำอะไรอีก
คุณชายสามเย่มองเธอ แล้วหรี่ตาลง จากนั้นก็แอบถอนหายใจออกมา แล้วหันตัวกลับไปขับรถต่อทันที
เรื่องเจ้าหญิงน้อยของเขา จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังคิดจะปิดบังเขาต่อไปงั้นเหรอ?
เย่ซือเฉินครุ่นคิด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกมา เรื่องนี้ เขาอยากรอให้เธอเป็นคนบอกเขาเอง
สาขาย่อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ณ เมือง A
“เธอไปหาคนแบบนี้มาจากที่ไหนเนี่ย?” เจิ้งฉงเห็นคนที่ไป๋หยิงพามาก็ตกตะลึงไปเลย ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับผู้หญิงที่อยู่ในภาพเหมือนของหัวหน้ามากเหลือเกิน ถ้าหากไม่ดูที่อายุคงคิดว่าเป็นผู้หญิงในภาพเหมือนของหัวหน้าไปแล้ว
ไป๋หยิงหัวเราะออกมา แต่ไม่ได้ตอบอะไร ตอนนี้เธอได้ทำข้อตกลงกับหัวหน้าน้อยไปแล้ว ไม่ต้องพึ่งพาเจิ้งฉงทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อนอีก ดังนั้น เธอจึงไม่ได้ใส่ใจเจิ้งฉงเหมือนอย่างที่ผ่านมา
แน่นอนว่าตอนนี้ไป๋หยิงยังไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นรู้อะไรมากเกินไป หลังจากที่ให้เจิ้งฉงพบกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว เธอก็พาผู้หญิงคนนั้นออกไป
เจิ้งฉงดีใจมาก เลยไม่ได้ถือสาเรื่องท่าทีของเธอ : “ถ้าหัวหน้าได้เห็นผู้หญิงคนนี้คงเชื่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอแล้วล่ะ”
เจิ้งฉงในตอนนี้มีความมั่นใจมาก แน่นอนว่าเขารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่ายังไงก็ต้องตรวจดีเอ็นเออยู่ดี และจำเป็นต้องรีบทำตอนที่ยังมีโอกาส
ตอนนี้มีหัวหน้าน้อยคอยช่วยพวกเขา เรื่องนี้ต้องราบรื่นมากแน่นอน
“พูดกับหัวหน้าน้อยเรียบร้อยหรือยัง?” เจิ้งฉงมองไปที่ไป๋หยิง เขารู้ว่าก่อนหน้านี้ไป๋หยิงได้พาผู้หญิงคนนี้ไปพบกับหัวหน้าน้อยแล้ว
ตอนนี้เจิ้งฉงพึงพอใจมากกับผู้หญิงที่ไป๋หยิงหามา ดังนั้นเขาจึงไม่ถือสาเรื่องอื่น ๆ อีก
“เรื่องนี้หัวหน้าน้อยไม่สะดวกที่จะออกหน้าเอง ให้คนของอะเหลียงไปทำจะเหมาะกว่า” นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ไป๋หยิงมาหาเจิ้งฉง การที่หัวหน้าน้อยมาเมือง A กะทันหันเดิมทีก็ทำให้คนอื่นสงสัยได้อยู่แล้ว จึงไม่สามารถยื่นมือไปยุ่งเรื่องที่หัวหน้าตามหาลูกสาวได้
“อืม ก็จริง” เจิ้งฉงตอนนี้ไม่ได้ถือสาอะไร เรื่องนี้ถ้าสำเร็จก็เป็นผลดีกับพวกเขาทั้งนั้น ไป๋หยิงไม่มีทางทอดทิ้งเขาหรอก
“โชคดีที่หลายวันมานี้คุณหนูใหญ่ตระกูลถังคนนั้นไม่อยู่เมือง A ทำให้อะเหลียงไม่มีโอกาสพิสูจน์ ตอนนี้เป็นผลดีกับพวกเรามาก ฉันจะให้ซุนซิ่งพาผู้หญิงคนนั้นไปเดี๋ยวนี้ หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น ไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้น” เจิ้งฉิงยังคงกังวลเล็กน้อย ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ หัวหน้าไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่าย ๆ อย่างนั้น
หากประมาทไปสักนิด แผนการของพวกเขาก็อาจพังไม่เป็นท่าเลยก็ได้
ต่อให้ตอนนี้มีหัวหน้าน้อยคอยช่วยเหลือ แต่เจิ้งฉงก็ยังไม่วางใจซะทีเดียว
ไป๋หยิงไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่ในแววตาดูได้ใจอย่างเห็นได้ชัด แผนการของเธอไม่มีช่องโหว่ ไม่มีทางเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน ตอนนี้ขอแค่หัวหน้าน้อยสามารถปิดบังเรื่องผลตรวจดีเอ็นเอไว้ได้ ทุกอย่างก็โอเคแล้ว
ไป๋หยิงทำอะไรรอบคอบมาก ๆ เธอบอกเจิ้งฉงว่าไม่ต้องให้ซุนซิ่งมาหา แต่บอกซุนซิ่งออกมาข้างนอก แล้วเธอก็ส่งผู้หญิงคนนั้นออกไป เพื่อให้พวกเขาเหมือน “บังเอิญ” เจอกันพอดี
แน่นอนว่าไป๋หยิงเองก็เป็นกังวลว่าถ้าหากให้ซุนซิ่งออกหน้าตรง ๆ เลยจะทำให้คนอื่นสงสัยได้ ดังนั้นไป๋หยิงจึงกำชับให้ซุนซิ่งพาเจ้าเก้าที่เป็นคนของอะเหลียงมาด้วย
ความหมายของไป๋หยิงคือให้เจ้าเก้าเป็นคน “บังเอิญ” เจอกับผู้หญิงที่เธอพามาด้วยตัวเอง
เจ้าเก้าเป็นคนของอะเหลียง หลายปีมานี้คอยช่วยอะเหลียงตามหาผู้หญิงคนนั้นของหัวหน้ามาโดยตลอด ดังนั้นเจ้าเก้าเป็นคนที่จำภาพเหมือนผู้หญิงของหัวหน้าได้ดีที่สุด
ต้องบอกว่าไป๋หยิงฉลาดมากจริง ๆ
“เธอนี่รอบคอบจริง ๆ ถ้าหากไม่มีเธอคอยช่วยฉัน ฉันคงมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว” เจิ้งฉงพอใจกับการจัดการของไป๋หยิงมาก หลายปีมานี้ไป๋หยิงช่วยออกความคิดให้เขาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะการเตือนของไป๋หยิง ทำให้เจิ้งฉงระมัดระวังมากขึ้น เจิ้งฉงไม่ได้โทรศัพท์ไปหาซุนซิ่งตรง ๆ แต่ได้ใช้สายลับไปบอกซุนซิ่ง
หลังจากที่ซุนซิ่งได้ข้อมูลแล้วก็ไปหาเจ้าเก้า ซุนซิ่งหน้าตาดีและเอาใจผู้หญิงเก่ง ทั้งยังเสแสร้งเก่งอีกด้วย แสร้งทำเป็นหลงรักหัวปักหัวปำ หลายปีมานี้เขาจึงทุ่มเททุกอย่างไปกับเจ้าเก้า
เพราะเขารู้ดีว่า เจิ้งฉงตั้งใจให้เขาแทรกซึมเข้าไปอยู่ข้างกายอะเหลียง
อะเหลียงเป็นคนระมัดระวังรอบคอบมาตลอด อยากได้รับความไว้วางใจจากอะเหลียงนั้นยากมาก เจ้าเก้าเป็นคนที่อะเหลียงเก็บมาเลี้ยง ถือว่าเป็นคนที่อะเหลียงสอนมาเองกับมือ ดังนั้นอะเหลียงจึงไว้ใจเจ้าเก้าเป็นอย่างมาก
ซุนซิ่งรู้ว่าการได้รับความไว้วางใจจากอะเหลียงนั้นเป็นเรื่องยากมาก ดังนั้นเขาจึงเริ่มพุ่งเป้าไปที่เจ้าเก้า ด้วยการตามจีบเจ้าเก้าอย่างหัวปักหัวปำมาหลายปี จนในที่สุดซุนซิ่งก็ทำสำเร็จ