“ครั้งที่แล้วผมให้คุณไป เป็นเพราะผมไม่อยากฝืนใจคุณ แต่ครั้งนี้คุณรับปากเอง คุณคิดว่าคุณยังหนีไปได้เหรอ?”
“คุณรู้ได้ไงว่าฉันทำไม่ได้?”ไป๋หยูหนิงเป็นคนไม่ยอมแพ้มาโดยตลอด ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ การตอบสนองแรกก็คือไม่พอใจ เพียงแต่ตอนนี้เหมือนเธอจะจับประเด็นสำคัญผิดไป
“คุณลองดูได้”หางคิ้วผู้ชายยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาดอกท้อเกิดประกายแสงระยิบระยับที่แปลกประหลาดแวบผ่าน
“ถ้าคุณหนีออกจากเงื้อมมือผมได้ เรื่องครั้งนั้นถือว่าแล้วกันไป”ผู้ชายรู้จักไป๋หยูหนิงดีจริงๆ รู้ว่าจะกระตุ้นเธอได้ด้วยวิธีใด
“ได้”ดังคาด ไป๋หยูหนิงได้ยินเขาพูดก็ตอบแบบไม่ลังเล รับปากทันทีทันใด:“ถึงเวลาคุณอย่าเสียใจก็แล้วกัน”
“วางใจได้ สิ่งที่ผมรับปากคุณไม่มีทางเสียใจไปตลอดชีวิต”ผู้ชายมองเธอ น้ำเสียงเจือความผิดปกติอย่างเลือนราง
ไม่ว่าจะเวลาไหน เรื่องที่เขารับปากเธอแล้วไม่มีทางเสียใจเด็ดขาด เสียดายก็แต่เธอลืมมันเสียแล้ว
เขาก็รู้ว่าหากใช้วิธีปกติให้เธอรับปากอยู่กับเขาคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องวางหลุมพรางด้วยวิธีเช่นนี้
เรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเป็นเพียงวิธีปูทางเท่านั้น ตอนนี้เขาสามารถใช้เป็นทางที่เข้าท่าเพื่อเก็บเธอไว้ข้างกายแล้ว
เธออยากหนีออกจากมือของเขา?งั้นก็ต้องดูว่าเธอมีความสามารถอย่างนั้นหรือเปล่า
ชาตินี้ เขาไม่มีทางให้เธอได้โอกาสอย่างนั้นเด็ดขาด ดังนั้นเธอจึงต้องอยู่ข้างกายเขาเท่านั้น
ตระกูลถัง
ใบหน้าอันเล็กของเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีบึ้งตึงอย่างอารมณ์ไม่ดี เธอมองพี่ชายตัวเองด้วยใบหน้าอยากพูดแต่ไม่พูด
“เป็นอะไรเหรอ?”ถังจื่อโม่ดูความผิดแปลกของน้องสาวออก น้องคนนี้ลังเลมาตั้งนาน ซึ่งเกินขีดความอดทนเธอมาแล้ว หรือเจองานหินเข้า?
“พี่ชายพาหนูไปหาคุณพ่อได้เปล่าคะ?”เจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีเห็นพี่ชายเป็นฝ่ายถามเอง หน้าเล็กพลันทอแสงสดใสในที่สุด
“ทำไมเหรอ?”ถังจื่อโม่ขมวดคิ้วมุ่น:“น้องตกลงกับเขาเรียบร้อยว่าไม่บอกแม่ชั่วคราวไม่ใช่หรือ?น้องไปหาเขาตอนนี้ไม่กลัวแม่รู้เหรอ?”
“หนูรู้ค่ะ แต่หนูรู้สึกว่าตัวเองก่อเรื่องแล้ว คุณพ่อเหมือนโกรธหนูแล้วค่ะ”ถังจื่อซีเบะปาก ทำหน้าบูดเบี้ยวอีกครั้ง
นับจากเรื่องคืนนั้น คุณพ่อเหมือนไม่ได้ส่งข้อความหาเธอเหมือนปกติแล้ว และยังไม่ได้โทรหาเธอประจำอีกด้วย
เธอรู้ว่าตัวเองส่งสายข่าวลับผิด ทำให้คุณพ่อเข้าใจผิด แต่เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆ
อันที่จริงคุณชายสามเย่ยังคงส่งข้อความหาเจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีดังเช่นปกติเหมือนเดิม แต่ได้มากไม่ได้น้อยเลย ถังจื่อซีรู้สึกว่าน้อยไปเองฝ่ายเดียว
“เขาโกรธน้อง?”ถังจื่อโม่ชะงัก มองหน้าถังจื่อซีแวบหนึ่ง:“ไม่ใช่หรอก เขาน่าจะติดธุระ”
ถังจื่อโม่รู้เรื่องคืนนั้น เย่ซือเฉินไม่ถึงกับต้องโกรธน้องสาวด้วยเรื่องคืนนั้นหรอก ที่เย่ซือเฉินไม่ได้ส่งข้อความหาน้องสาวก็อาจจะเป็นเพราะติดธุระ แน่นอนยังมีความเป็นไปได้ว่ากลัวคุณแม่จะรู้
หลังเกิดเรื่องคืนนั้นคุณแม่ก็ต้องสงสัยอยู่แล้ว
“แต่คุณพ่อเคยพูดว่าหนูสำคัญกว่างาน ตอนนี้เขายุ่งแต่งาน ไม่สนใจหนูแล้ว”ปลอบใจถังจื่อซีไม่สำเร็จ ทางกลับกันยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์กว่าเดิม
“พี่ชายพาหนูไปหาคุณพ่อหน่อยได้ไหมคะ?หนูคิดถึงแดดดี้”ถังจื่อซีมองถังจื่อโม่ด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยการรอที่มีความหวัง
ห้าปีก่อนเธอไม่มีพ่อ ตอนนี้อุตส่าห์หาพ่อเจอแล้ว เจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีรู้สึกดีใจมาก แต่ก็มียังรู้สึกพะว้าพะวังด้วย
ถังจื่อโม่เม้มปาก ไม่รู้ควรพูดเช่นไรดี
“พี่ชายพาหนูไปเถอะ หนูรับปากว่าจะไม่กินไอศกรีมห้าวัน ไม่ หนูรับปากพี่ชายว่าไม่กินไอศกรีมสิบวัน”ถังจื่อซีเห็นพี่ชายไม่พูดจา จึงจับแขนพี่ชายแล้วเขย่าเบาๆ
ถังจื่อโม่ได้ยินก็รู้สึกอึ้ง ไอศกรีมคือสิ่งที่น้องสาวชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้เพื่อเย่ซือเฉินแล้ว ถึงกลับเสนอไม่กินไอศกรีมสิบวันเชียวหรือ?
ความรู้สึกที่น้องสาวมีต่อเย่ซือเฉินเป็นแบบไหนกันนะ?
ทั้งๆที่น้องสาวกับเย่ซือเฉินเพิ่งจะทำความรู้จักกันเพียงไม่กี่วัน แต่ทำไมถึง……
ถังจื่อโม่ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้น เพราะเย่ซือเฉินยังไม่รู้ว่ายังมีลูกชายอย่างเขาอยู่อีกคน ยังไม่ได้นับพ่อนับลูกกัน
และเขาก็ไม่อยากนับพ่อกับเย่ซือเฉินง่ายๆ เขาเตรียมการด่านท้าทายไว้มากมาย หากเย่ซือเฉินผ่านด่านไม่ได้ เขาก็จะยังไม่นับเย่ซือเฉินเป็นพ่อ
“น้องรู้ว่าเขาอยู่ไหนเหรอ?”ถังจื่อโม่ปฏิเสธน้องสาวตัวเองไม่ลง จึงได้แต่รับปาก
“คุณพ่อต้องไปบริษัทแน่ๆ พวกเราไปหาคุณพ่อที่บริษัทกันนะคะ”ถังจื่อซีเป็นเด็กฉลาด รู้ว่าพี่ชายรับปากเธอแล้ว จึงร่าเริงขึ้นมาทันที
หาจุดสงสารไม่เจออีกแล้ว
ถังจื่อโม่มองเธอพลางถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เด็กทั้งสองอยู่ในบ้านตระกูลถังมาได้ระยะหนึ่งแล้ว จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
วิธีการที่ท่านปู่ถังเลี้ยงเด็ก ไม่เคยควบคุมหรือบังคับจนเกินไป อีกทั้งถังจื่อโม่ก็เป็นเด็กรู้ความเป็นพิเศษ ดังนั้นตอนนี้ถังจื่อโม่จึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเสรี
เด็กทั้งสองเรียกคนขับรถเสี่ยวหลิวให้ไปส่งที่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปโดยตรง
“พี่ชายไม่ตามหนูขึ้นไปจริงๆหรือคะ?”เจ้าหญิงน้อยถังจื่อซียังคงหวังให้พี่ชายไปนับพ่อด้วยกัน
“น้องไปเองเถอะ พี่จะรออยู่ที่นี่”ถังจื่อโม่นึกถึงแผนการท่องจักรวาลเป็นครอบครัวอย่างมีความสุขของเย่ซือเฉิน ไม่ได้รวมถึงเขาเพียงคนเดียว ใบหน้าเล็กก็รู้สึกเคร่งขรึมเล็กน้อย
“โอเค งั้นหนูไปหาคุณพ่อแล้วนะ”ถังจื่อซีรู้ว่าเมื่อพี่ชายตัดสินใจแล้วจะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่ได้ฝืนเขา
ถังจื่อซีพูดจบก็ก้าวเท้าเล็กวิ่งเข้าไป พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เห็นถังจื่อซีก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ห้ามเธอ
เพราะเลขาหลิวเคยบอกว่าหากเด็กคนนี้มาบริษัทเมื่อไหร่ ห้ามใครขัดขวางเธอ
ถังจื่อซีเดินเข้าลิฟต์สำหรับประธานโดยเฉพาะ เพราะครั้งก่อนเลขาหลิวพาเธอเข้าลิฟต์อันนี้
ซึ่งลิฟต์เฉพาะตำแหน่งนี้คนทั่วไปไม่กล้าใช้ ดังนั้นนอกจากถังจื่อซีแล้วก็ไม่มีคนอื่นอีก
ถังจื่อซีเดินเข้าไปในลิฟต์แล้วก็กดหมายถึงตึกทันที เธอรู้ว่าห้องทำงานของคุณพ่ออยู่ชั้นไหน
เธอจะเซอร์ไพรส์ให้คุณพ่อ
เมื่อขึ้นมาถึงลิฟต์ก็เปิดออก ซึ่งตึกชั้นนี้เงียบงันยิ่งนัก
เวลานี้เป็นเวลาทำงาน ดังนั้นทุกคนจึงตั้งใจทำงานประจำที่ของตัวเอง
ตัวเด็กน้อยถังจื่อซีเล็ก เธอเดินเข้ามาคนเดียวโดยที่ไม่มีคนเห็นเธอเลย
ถังจื่อซีเองก็ไม่ได้สนใจคนอื่น เดินไปเปิดประตูห้องทำงานของเย่ซือเฉินเอง เมื่อเห็นเย่ซือเฉินไม่ได้อยู่ในห้อง ถังจื่อซีก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่คุณพ่อต้องมาห้องทำงานอยู่แล้ว เธอรอคุณพ่อในห้องทำงานส่วนตัวได้
ถังจื่อซีเดินเข้าห้องทำงานคนเดียวเหมือนครั้งที่แล้ว แล้วปีนขึ้นไปนั่งเก้าอี้ของเย่ซือเฉินเพื่อรอคุณพ่อของเธอ
ทว่าการรอครั้งนี้เด็กน้อยถังจื่อซีไม่ได้เจอหน้าคุณชายสามเย่ แต่กลับเจออีกสองคน