“นายคิดอะไรเหรอ?” ซ่างกวนหงยังคงมองภาพเหมือนอยู่ แต่จู่ ๆ ก็เอ่ยถามผู้ดูแลจ้งขึ้นมาประโยคหนึ่ง
น้ำเสียงของซ่างกวนหงเอ่ยขึ้นช้า ๆ แต่ยังคงนิ่งเฉย ฟังไม่ออกถึงความผิดปกติสักเท่าไหร่
แต่ผู้ดูแลจ้งกลับตกใจขึ้นมาทันที ใช่แล้ว สิ่งที่เขาคิด หัวหน้าจะคิดไม่ถึงได้ยังไงล่ะ?
“หัวหน้าครับ เรื่องที่ตามหาเจ้าหญิงเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก หัวหน้าเด็ดขาดและฉลาด ไม่มีทางเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นได้หรอกครับ” ผู้ดูแลจ้งแอบถอนหายใจออกมา เรื่องพวกนี้แม้ว่าเขาจะคิดได้ แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ในเวลานี้ ยังไงซะนั่นก็เป็นเด็กที่เขาเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต
“อะเฉิงมาเมือง A แล้ว” ถึงแม้ซ่างกวนหงไม่สนใจเรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้มาหลายปีแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้เรื่องภายในองค์กร เรื่องพวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องไปสืบดู ก็สามารถรู้ได้
ดังนั้น ตอนนี้น้ำเสียงที่ซ่างกวนหงพูดออกมาไม่ใช่การถามด้วยความสงสัย แต่เป็นน้ำเสียงที่มั่นใจ
ซ่างกวนหงรู้ดี ว่าเรื่องที่เขาต้องการตามหาลูกสาวปิดบังอะเฉิงไว้ไม่ได้ และด้วยนิสัยของอะเฉิงแล้วเมื่อรู้เรื่องนี้ต้องมาก่อเรื่องแน่นอน
เพียงแต่วิธีก่อเรื่องของอะเฉิงในครั้งนี้……
ผู้ดูแลจ้ง : “……”
หลายวันมานี้เขายุ่งอยู่กับเรื่องไปเจอคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง เรื่องอื่น ๆ จึงเป็นอะเหลียงคอยจัดการ เขาจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องอื่นเลยสักนิด
ดังนั้นเขาจึงไม่แน่ใจว่าหัวหน้าน้อยมาเมือง A หรือเปล่า!
แต่ว่า ในเมื่อหัวหน้าพูดว่าหัวหน้าน้อยมาเมือง A แล้ว นั่นแสดงว่าหัวหน้าน้อยมาที่นี่แล้วจริง ๆ สิ่งที่หัวหน้าพูดไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
ถ้าหากผิดพลาด นั่นเป็นเพราะความผิดพลาดของคนอื่น!!
ตำแหน่งผู้ดูแลที่มากความสามารถของเขาดูไม่ค่อยจะเหมาะกับเขาแล้วงั้นเหรอ? !
“หัวหน้าครับ ต้องการพบหัวหน้าน้อยไหมครับ?” ผู้ดูแลจ้งกลั้นหายใจ แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
พ่อของหัวหน้าน้อยกับหัวหน้าเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ตอนนั้นพ่อของหัวหน้าน้อยช่วยชีวิตหัวหน้าจากอุบัติเหตุจนตัวเองเสียชีวิต
หัวหน้าน้อยจึงอยู่ในความดูแลของหัวหน้ามาตั้งแต่เด็กจนโต ต่อมาหัวหน้าอยากตามหาคุณนายให้พบ จึงได้มอบหมายให้หัวหน้าน้อยคอยดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ทุกอย่าง
หลายปีที่ผ่านมา หัวหน้าน้อยคอยดูแลจัดการเรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้เป็นอย่างดี เพียงแต่บางครั้งหัวหน้าน้อยค่อนข้างหัวรุนแรงไปหน่อย กฎระเบียบมากมายที่หัวหน้าตั้งเอาไว้ก็ถูกหัวหน้าน้อยเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปหมด
แต่ว่า หัวหน้าไม่เคยพูดถึงเรื่องพวกนี้เลย แต่ไหนแต่ไรมาหัวหน้าเป็นคนที่หากใช้ใครก็จะไม่ระแวงสงสัย ในเมื่อหัวหน้ายกองค์กรโกสต์ซิตี้ให้หัวหน้าน้อยเป็นคนดูแลแล้ว เรื่องที่หัวหน้าน้อยปฏิรูปองค์กร หัวหน้าก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายมากนัก
เพียงแต่ ถ้าหากหัวหน้าน้อยมาก้าวก่ายเรื่องที่หัวหน้าตามหาเจ้าหญิงล่ะ?
“หัวหน้าครับ คุณไม่เชื่อผลตรวจดีเอ็นเอตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?” ผู้ดูแลจ้งอึ้งไปครู่หนึ่ง ความหมายของหัวหน้าคือสงสัยว่าหัวหน้าน้อยจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย นั่นก็แสดงว่าหัวหน้าสงสัยในผลตรวจดีเอ็นเอจริง ๆ ใช่ไหม
ผลตรวจวางอยู่ตรงหน้า แต่เขากับอะเหลียงยังคงสับสน เพราะลึก ๆ แล้วพวกเขาก็เชื่อในผลตรวจดีเอ็นเอฉบับนั้น
แต่ความหมายของหัวหน้าคือไม่เชื่อในผลตรวจตั้งแต่แรก
“สำหรับฉัน นั่นก็แค่กระดาษใบหนึ่ง” ซ่างกวนหงขยับสายตาเล็กน้อย เป็นอย่างที่ผู้ดูแลจ้งพูดนั่นแหละ เขาไม่เชื่อตั้งแต่แรกแล้ว
ไม่ใช่จะขัดแย้ง ไม่ใช่จะต่อต้านอะไร แต่เป็นเพราะไม่เชื่อจริง ๆ
ต่อให้เรื่องนี้ไม่ได้บังเอิญขนาดนั้น เขาก็ไม่มีทางเชื่อ
สามารถทำให้เขาเชื่อได้ คือต้องทำให้ใจของเขายอมรับ และหลักฐานที่วางอยู่ตรงหน้า ต้องไม่มีข้อกังขาใด ๆ
“หัวหน้าครับ แล้วคุณหนูใหญ่ตระกูลถังล่ะครับ?” ผู้ดูแลจ้งอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
หัวหน้าเลือกปฏิบัติอย่างเห็นได้ชัด ท่าทีของหัวหน้าสามารถพูดได้ว่าค่อนข้างเอาแต่ใจไปหน่อย เขาอยากรู้เหลือเกินว่าตกลงในใจของหัวหน้าคิดอะไรอยู่กันแน่
“อะจ้ง นายรู้ไหมว่าทำไมฉันอยากเจอเธอ?” สายตาของซ่างกวนหงมองไปยังภาพเหมือนที่อยู่ตรงหน้า แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มองภาพนั้นอยู่จริง ๆ ตอนนี้ในแววตาเขาดูเปล่งประกายขึ้นอีกครั้งเหมือนที่ผู้ดูแลจ้งเห็นก่อนหน้านี้
“ทำไมเหรอครับ?” ผู้ดูแลจ้งเอ่ยถาม ไม่ใช่เพราะเขาบอกหัวหน้าว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอาจจะเป็นเจ้าหญิงของพวกเขาหรอกเหรอ?
“เพราะในแววตาของเธอมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ แม้จะรู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังยืนหยัดไม่ยอมแพ้” ในดวงตาของซ่างกวนหงมีแสงเปล่งประกายขึ้นมา : “และตอนนี้ฉันขาดความมุ่งมั่นอย่างนี้อยู่”
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ก่อนที่เขาจะมาเมือง A เคยคิดไว้ว่า ถ้าหากครั้งนี้ตามหาคนที่เขาอยากพบไม่เจอ เขาก็จะยอมแพ้แล้ว หรืออาจจะหาที่เงียบ ๆ สักแห่งใช้ชีวิตโดยลำพังคนเดียวไปจนแก่ หรือตายตามเธอไป
แต่เมื่อเขาได้เห็นรูปของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง แสงที่งดงามในแววตาของเด็กสาวคนนั้น ก็เหมือนสัมผัสได้ถึงก้นบึ้งหัวใจของเขา
“ต่อให้เธอไม่ใช่ลูกสาวของฉัน ฉันก็อยากจะพบเธออยู่ดี” ซ่างกวนหงเอ่ยพูดเบา ๆ เด็กสาวคนนั้นให้ความรู้สึกที่พิเศษกับเขา มันเป็นความรู้สึกพิเศษที่ทำให้เขาอยากจะเข้าใกล้เธออยากบอกไม่ถูก
มันไม่เกี่ยวกับตัวตนของเธอ และไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา
ผู้ดูแลจ้งกะพริบตาเล็กน้อย ใจหนึ่งเขาก็รู้สึกว่าหัวหน้าพูดมีเหตุผลมาก หัวหน้าพูดอะไรก็ถูกเสมอ
แต่อีกใจหนึ่ง เขารู้สึกว่าหัวหน้าปากไม่ตรงกับใจ เขาไม่เชื่อว่าหัวหน้าจะไม่คำนึงถึงเรื่องที่คุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นเจ้าหญิง
เขาจำปฏิกิริยาของหัวหน้าได้เป็นอย่างดีตอนที่บอกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังอาจจะเป็นเจ้าหญิงของพวกเขา
และเขาก็ไม่ลืมท่าทีที่นิ่งเฉยของหัวหน้าตอนที่อะเหลียงเอาผลตรวจดีเอ็นเอมาให้หัวหน้าดูเมื่อครู่นี้
ท่าทีที่แสดงออกมาแตกต่างกันขนาดนี้ หัวหน้ายังบอกว่าไม่เกี่ยวกันอีกเหรอ?
หัวหน้ากำลังโกหกชัด ๆ?
“นายอยากพูดอะไรเหรอ?” ซ่างกวนหงหันไปมองผู้ดูแลจ้งพอดี เมื่อเห็นสีหน้าของผู้ดูแลจ้ง ก็เอ่ยถามออกมา
“เปล่า เปล่าครับ ผมไม่ได้อยากพูดอะไร” ผู้ดูแลจ้งรู้ว่าบางเรื่องเก็บไว้ในใจก็พอ ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ จะให้เขาบอกว่าหัวหน้าโกหกงั้นเหรอ?
ซ่างกวนหงมองเขา แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก
“เรื่องของถังหยุนเฉิงเป็นยังไงบ้าง?” ซ่างกวนหงเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วถามถึงเรื่องของถังหยุนเฉิงขึ้นมา
ผู้ดูแลจ้งเบ้ปากเล็กน้อย ยังบอกว่าไม่เกี่ยวกัน? ไม่เกี่ยวอะไรกันงั้นเหรอ? !
ไม่เกี่ยวอะไรกันแล้วทำไมต้องเป็นเป็นห่วงเรื่องน้าของคุณหนูใหญ่ตระกูลถังด้วยล่ะ?
หลายปีมานี้นอกจากเรื่องตามหาคุณนายหัวหน้าก็ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ถาม เรื่องขององค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่สนใจ แต่ตอนนี้กลับถามเรื่องของคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยสักนิด?
ทั้งหมดนี่ไม่ใช่เป็นเพราะคุณหนูใหญ่ตระกูลถังหรอกเหรอ!!
นี่คือไม่เกี่ยวข้องกัน?
นี่เรื่องว่าไม่เกี่ยวข้องกันงั้นเหรอ?
เดิมทีผู้ดูแลจ้งยังคงสับสนไม่รู้ว่าควรจะหวังให้ผลตรวจครั้งหน้าออกมาเป็นผลแบบไหน?
แต่ตอนนี้เขาไม่สับสนอีกแล้วล่ะ
เขาหวังว่าผลตรวจพรุ่งนี้จะไม่เหมือนกับผลที่อะเหลียงเอามาให้ดูก่อนหน้า
เพราะผู้ดูแลจ้งพบว่าเมื่อเทียบกับคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว
ส่วนเรื่องที่ว่าหัวหน้าน้อยได้เข้ามายุ่งกับการตามหาลูกสาวของหัวหน้าหรือไม่? ได้แอบลงมือทำอะไรลับหลังไหม? เรื่องพวกนี้ก็ไม่สำคัญอีกแล้ว