เลขาหลิวลังเลไปสักพัก สุดท้ายก็อดหน้าด้านไม่ได้พูดไปว่า “ท่านประธาน คุณหญิงน่าจะมีธุระยุ่งเข้ามาครับ……”
เลขาหลิวพูดประโยคนี้ออกมา แววตาที่เย็นชาของคุณชายสามเย่ก็เล็งมาทางนี้
ทั้งตัวของเลขาหลิวสั่นไปหมด พอมาถึงปากคำพูดก็ค้างไปเลย
“ท่านประธาน ก่อนหน้านี้คุณหญิงได้โทรมาถามอาการของท่าประธาน คุณหญิงเป็นห่วงท่านประธานมากครับ” ถึงแม้ว่าเลขาหลิวจะตกใจจนหมดความกล้าแล้ว แต่ว่าถึงแม้ว่าเขาต้องสู้ชีวิต ก็ต้องพูดให้จบ
คุณชายสามเย่หรี่ตาขึ้นมาภายในนั้นมีความอันตรายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน เธอเป็นห่วงเขาไหม?
เธอเป็นห่วงเขาจริงๆ? เธอได้แต่โทรมาถาม?
จากนั้นเธอก็ไปเดทกับถังไป๋เชียนแล้ว?
ใช่ เขาไม่สบายคือเรื่องปลอม แต่เธอไม่มากลับคือเรื่องจริง!!
พอนึกถึงจุดนี้ คุณชายสามเย่ก็มีความวู่วามที่อยากจะต่อยคน
หากเธอเป็นห่วงเขาจริงๆ ทำไมถึงไม่โทรหาเขา แต่ว่าโทรหาเลขาหลิว……
“เดี๋ยวก่อน นายบอกว่าเมื่อกี้เขาโทรหาอีกครั้ง?” แววตาของคุณชายสามเย่เปล่งประกายขึ้นทันที ราวกับว่านึกอะไรออก
“ใช่ ใช่ครับ ต่อมาคุณหญิงก็ได้โทรมถามอาการของท่านประธานอีกครั้งครับ” เลขาหลิวพยักหน้า คุณหญิงเคยโทรมาจริงๆ ดังนั้นจุดนี้เลขาหลิวตอบเร็วมาก
“เธอโทรมาตอนไหน?” คุณชายสามเย่หรี่ตาขึ้นมีการคิดพิจารณาแฝงอยู่อ่อนๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ก่อนหน้านี้ที่ท่านประธานกำลังคุยเรื่องงานกับรองประธานจี้ครับ” เรื่องนี้เลขาหลิวตำได้ชัดเจน ดังนั้นจึงตอบเร็วเหมือนกัน เร็วมาก
คุณชายสามยิ้มโค้งที่ฝีปาก “ผู้หญิงคือจี้หซีคือเห่อถงถงใช่ไหม?”
เขาจำได้ ก่อนหน้านี้ตอนที่จี้หซีคุยโทรศัพท์ได้เรียกฝ่ายตรงข้ามว่าถงถง
ดังนั้น ตอนนั้นเป็นไปได้ไหมว่าผู้หญิงที่โทรมาหาจี้หซีจะเป็นเห่อถงถง?
วันนั้นตอนที่ห้างสรรพสินค้า เห่อถงถงสามารถปลอมตัวเป็นคุณแม่ของเจ้าหญิงน้อยบ้านเขาได้ สามารถเห็นได้ว่าถงถงและเจ้าหญิงน้อยบ้านเขารู้จักกัน
“ครับ ถูกครับ เห่อถงถงคือแม่บุญธรรมของเจ้าหญิงน้อย คือผู้หญิงของรองประธานจี้ครับ” เลขาหลิวไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ท่านประธานของบริษัทตัวเองถึงถามคำถามนี้ แต่ก็อย่างตอบกลับด้วยความเร็ว
นี่เป็นเพราะต่อมาหลังจากที่เจ้าหญิงน้อยและท่านประธานยอมรับกันแล้ว ท่านประธานรู้สึกว่าเรื่องก่อนหน้านี้แปลกเกินไป จึงให้เขาไปสืบ เขาจึงสืบได้
แต่ว่าสองสามวันนี้ท่านประธานยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขายังไม่ทันได้รายงานท่านประธานเลย
ริมฝีปากของเย่ซือเฉินค่อยๆ ยิ้มโค้งขึ้น
แม่บุญธรรมของเจ้าหญิงน้อยบ้านเขา?
สามารถเป็นแม่บุญธรรมของเจ้าหญิงน้อยบ้านเขา งั้นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ต่อเวินลั่วฉิงแน่ๆ
ดังนั้น ก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ห้องทำงาน สายโทรศัพท์ที่จี้หซีรับก็คือเห่อถงถง
ตอนนั้นที่เห่อถงถงโทรมาคือถามว่าจี้หซีทำอะไรอยู่ อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนั้นที่เห่อถงถงโทรมาก็เพื่อที่จะแน่ใจว่าจี้หซีอยู่กับเขาหรือเปล่า?
ตั้งแต่ที่คุยเรื่องงานกัน เขาก็เห็นว่าจี้หซียิ้มแย้มส่งข้อความตลอดเวลา ตอนนั้นที่เขาแอบหันไปมอง ก็เห็นจี้หซีส่งข้อความไป ตอนนั้นข้อความของจี้หซีคือ – “ฉันกำลังคุยงานกับพี่ชายสาม”
เห็นสีหน้าในตอนนั้นของจี้หซีไม่สามารถเดาได้ว่า ข้อความนั้นส่งให้เห่อถงถง
แต่ว่าผ่านไปไม่นาน เห่อถงถงกลับโทรมาถาม
เห่อถงถงไม่เหมือนว่าจะเป็นคนที่ติดคน ไม่ใช่คนที่เอะอะก็โทรมาตามถามจี้หซี
ดังนั้น โทรศัพท์สายนั้น เกรงว่าจะเป็นสายที่เห่อถงถงช่วยเวินลั่วฉิงโทร เพื่อที่จะโทรถามสถานการณ์ของเขา
จากนั้นเวินลั่วฉิงก็โทรหาเลขาหลิวอีกครั้ง มั่นใจแล้วว่าเลขาหลิวโกหก ดังนั้น เวินลั่วฉิงไม่มีทางมาแล้ว
หากจะพูดว่าคุณชายสามเย่ที่หึงไม่มีสติ แต่กลับเรื่องอื่นนั้นเขาสามารถแยกแยะได้ชัดเจนมาก
แต่ว่า เลขาหลิวแค่พูดว่าเขาไม่สบาย ไม่สบายเขายังสามารถยืนหยัดคุยงานได้อยู่
เธอคงไม่มั่นใจว่าเลขาหลิวกำลังโกหก เพราะเขากำลังคุยงานกับจี้หซีอยู่หรอกมั้ง?
“นายโทรหาเขาพูดไปยังไงกันแน่?” ในไม่ช้าคุณชายสามเย่ก็รีบมองไปทางเลขาหลิว แววตาหรี่ขึ้นมาด้วยความอันตราย
“ผม ผม ผมก็แค่พูดว่าท่านประธานไม่สบาย” เลขาหลิวสบตากับท่านประธานของบริษัทตัวเอง ทันใดนั้นตกใจจนพูดไม่ชัดแล้ว
คุณชายสามเย่ไม่ได้พูดอะไร แค่มองเขาด้วยความเย็นชา
“ผม ตอนนั้นผมโทรหาคุณหญิง เพื่อที่จะให้คุณหญิงรีบมา ก็บอกคุณหญิงว่าท่านประธานโรคกระเพาะกำเริบ เจ็บจนสลบไป” เลขาหลิวรู้ว่าไม่สามารถปกปิดได้แล้ว ได้แต่ยอมรับแล้ว
“ต่อมาในตอนที่เธอโทรมาถามเรื่องฉัน นายบอกกับเธอว่าอย่างไรอีก?” แววตาของคุณชายสามเย่ในตอนนี้เย็นชาเข้าไปถึงกระดูก แววตาคู่นั้นแหลมคมราวกับดาบ สามารถแทงคนได้เลย
“ผมบอกคุณหญิงว่า ท่านประธานยังสลบอยู่…..” เลขาหลิวในขณะนี้ไม่กล้ามีการปกปิดใดๆ ในตอนที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา กำลังสบตากับท่านประธานของบ้านตัวเอง ขาอ่อนไปทั้งคู่ หากไม่ได้จับเก้าอี้ข้างหน้า เขาคงจะคุกเข่าลงแล้ว
แววตาของท่านประธานในตอนนี้ช่างน่ากลัวจริง!!
คุณชายสามเย่ “……”
ยังสลบอยู่?
แต่ว่าตอนนั้นเขากำลังคุยกับจี้หซีอยู่แท้ๆ!!
ดังนั้น เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าเลขาหลิวกำลังพูดโกหก ดังนั้นจึงไม่ได้มา
ไม่ เธอน่าจะคิดว่าเขากำลังโกหกเธอ!!
“เลขาหลิว จากพรุ่งนี้ไป นายไปขุดแร่ที่ประเทศR” คุณชายสามเย่มองไปทางเลขาหลิวด้วยความเย็นชา จู่ๆ ก็พูดประโยคนี้ออกมา
เลขาหลิว “……”
ไปประเทศR!!
ขุดแร่?
เขาไปแล้วยังสามารถกลับมาอีกได้หรือเปล่า?
เลขาหลิวอยากจะพูดอีกประโยคหนึ่งด้วยความเสี่ยงตาย และในขณะนี้ โทรศัพท์ของคุณชายสามเย่ก็ดังขึ้น
เบอร์โทรศัพท์ที่แสดงขึ้นบนหน้าขอของคุณชายสามเย่ ดวงตาเปล่งประกายขึ้น หรือว่า?
คุณชายสามเย่ไม่มีการลังเลใดๆ เขารีบรับโทรศัพท์
“คุณพ่อ สถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้ว?” โทรศัพท์เป็นถังจื่อซีที่โทรมา
คุณชายสามเย่คิดว่าเจ้าหญิงน้อยจะมาบอกข่าวดีกับเขา อย่างเช่นเวินลั่วฉิงกลับไปถึงบ้านแล้วอะไรประมาณนี้
แต่ว่า หลังจากได้ยินประโยคนี้ของเจ้าหญิงน้อยแล้ว ทันใดนั้นสีหน้าของคุณชายสามเย่ก็แย่ลง
ดูเหมือนว่า เจ้าหญิงน้อยจะโทรมาถามสถานการณ์ ในเมื่อเจ้าหญิงน้อยโทรหาเขาเพื่มาถามสถานการณ์ งั้นก็แสดงว่าเวินลั่วฉิงยังไม่กลับไป
เธอยังไม่กลับไป?
นานขนาดนี้แล้ว? เธอยังไม่กลับไป?
เธอกับถังไป๋เชียนมีเรื่องอะไรต้องคุยนานขนาดนั้น? !
“คุณพ่อ ทำไมคุณพ่อไม่พูดคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” คุณชายสามเย่คิดเรื่องหนึ่งตลอดเวลา ไม่ได้ตอบ ทางถังจื่อซีก็ดูเร่งรีบขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
เธอโทรมาก็เพื่อที่จะถามสถานการณ์ คุณพ่อเป็นอะไร? ทำไมไม่พูดอะไรเลยสักคำ?
“คุณพ่อ หรือว่าคุณพ่อแพ้ให้กับคุณลุงถังแล้วจริงๆ หรอคะ?” เจ้าหญิงน้อยถังจื่อซีกะพริบตา จู่ๆ ก็พูดประโยคนี้ออกมา
คุณพ่อไม่พูดอะไร เป็นเพราะว่าแพ้ให้กับคุณลุงถังแล้วหรือเปล่า ดังนั้นจึงเขินอายที่จะพูด?
คุณชายสามเย่ “…….”
เจ้าหญิงน้อยบ้านเขาชอบมาแทงใจเขาบ่อยๆ จริงๆ
นี่เป็นลูกสาวตัวน้อยของเขาจริงๆหรอ? เฮ้อ!!