ดังนั้น เธอไม่สามารถฝืนใจเด็กคนนี้ได้ เธอจะฝืนใจบังคับใครยังไงก็ได้ แต่จะบังคับฝืนใจเด็กคนนี้ไม่ได้
ตอนนี้เย่ซือเฉินเข้าใจผิด เพราะเขากำลังโกรธ ไม่ได้คิดไตร่ตรอง ด้วยความฉลาดของเย่ซือเฉิน เพียงแค่สงบสติอารมณ์ก็จะคิดได้ และจะเข้าใจเอง
เพราะฉะนั้นทางฝั่งของเย่ซือเฉิน ท่านย่าถังไม่ได้เป็นกังวลมากนัก
เมื่อรู้ว่าเย่ซือเฉินเข้าใจผิดเพราะเรื่องของถังจื่อโม่ ท่านย่าถังก็ไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องของเย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงอีก
เพราะเข้าใจผิดเรื่องลูกชายแท้ๆของตัวเอง เย่ซือเฉินนี่ก็เกินทนแล้วเช่นกัน
“แม่ครับ ผม……ขอโทษ”ถังจื่อโม่มองไปที่เวินลั่วฉิง สีหน้าฉายแววความรู้สึกผิด :“แม่ครับ ผมไม่อยากทำให้แม่โกรธ ผมอยากให้แม่มีความสุข”
“ครับ แม่เข้าใจ แม่รู้ ”เวินลั่วฉิงรั้งถังจื่อโม่เข้ามาในอ้อมกอด เพราะเธอเข้าใจความนึกคิดของถังจื่อโม่ จึงไม่ฝืนความรู้สึกของถังจื่อโม่
เวินลั่วฉิงคิดถึงแผนของเธอเมื่อครู่ เดิมทีเธอตั้งใจอยากที่จะแกล้งทำเป็นมีปัญหากับเย่ซือเฉิน แล้วให้ถังจื่อโม่ปรากฏตัว ในตอนนี้เมื่อเวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของถังจื่อโม่ก็รู้สึกทุกข์ใจขึ้นมา
เด็กน้อยถังจื่อโม่ของเธอช่างรู้ความนัก และเด็กน้อยถังจื่อโม่ของเธอก็มักจะห่วงใยเธอเสมอ และรักเธอมาก
“ลูกรัก แม่เคารพการตัดสินใจของลูก”อ้อมแขนของเวินลั่วฉิงที่กอดถังจื่อโม่เอาไว้ก็กระชับแน่นขึ้น และยิ่งปวดใจมากขึ้น:“เรื่องระหว่างแม่กับเย่ซือเฉินลูกไม่ต้องเป็นกังวล เราไม่เป็นอะไร แม่จะจัดการทุกอย่างเอง ”
“แม่ครับ แม่ไม่โทษผมเหรอ ? ” ใบหน้าของถังจื่อโม่แนบไปกับอกของเวินลั่วฉิง น้ำเสียงอู้อี้เล็กน้อย
“แม่จะโทษหนูได้ยังไง แม่รู้ว่าหนูเป็นเด็กดี ลูกรักของแม่เก่งที่สุดเลย”ในตอนที่เวินลั่วฉิงพูดประโยคนี้ น้ำเสียงราวกับแหบแห้ง ถังจื่อโม่เป็นเด็กรู้ความมาตั้งแต่เด็ก และรู้จักดูแลคนอื่น และยิ่งเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นเก่งเป็นพิเศษ
อีกทั้งถังจื่อโม่ยังคิดเสมอว่าตัวเองเป็นเพียงผู้ชายคนเดียวในครอบครัว เพราะฉะนั้นจึงคิดอยู่ตลอดว่าเขาจะต้องดูแลแม่และน้องสาวของตัวเองเป็นอย่างดี อาจเพราะความคิดนี้ จึงทำให้เขาเหมือนมีความกดดันที่เด็กทั่วไปไม่มี และมันก็ทำให้เขาเป็นคนที่มีจิตใจที่บอบบาง
จะว่าไปก็คงเพราะตลอดช่วงห้าปีมานี้ไม่เคยได้รับความรักและการดูแลจากคนเป็นพ่อเลยสักครั้ง
และตัวเธอเองก็พบว่าเธอก็ไม่ได้ดูแลและมอบความรักให้กับถังจื่อโม่มากเท่าที่ควร !!
เธอเป็นแม่ที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอ
“พอแล้ว พอแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ”ฉู่หลิงเอ๋อทนดูภาพบาดตาเหล่านี้ไม่ได้:“ถังจื่อโม่เด็กดี หนูยังมีแผนอะไรอีกไหม ? ช่วงนี้ฉันไม่มีธุระอะไร ฉันจะอยู่ที่นี่ ทำตามแผนของหนูให้สำเร็จ ”
“ผมไม่ต้องการคุณช่วยแล้ว คุณมีแต่จะทำให้เรื่องยุ่งวุ่นวายไปอีก” ถังจื่อโม่เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปที่ฉู่หลิงเอ๋อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ถังจื่อโม่ลูก หนูรังเกียจฉันเหรอ หนูทำแบบนี้หนูอาจจะต้องสูญเสียฉันไปนะ จริงๆนะ ฉันไม่ได้ล้อเล่น”ฉู่หลิงเอ๋อเอามือกุมหน้าอก แล้วแสร้งทำเป็นเศร้าเสียใจ
“พอแล้ว อย่าแกล้งเขาอีกเลย ยิ่งไปกว่านั้นเธอมีเวลาว่างอยู่ต่อเหรอ ? มู่หรงดัวหยางกำลังจะเข้ารับตำแหน่งที่บริษัทเว้ยคังกรุ้ป และบริษัทเว้ยคังกรุ้ปก็จะจัดงานเลี้ยงขึ้นด้วย พวกเราต่างก็จะไปร่วมงานเลี้ยงนั้น”เวินลั่วฉิงเห็นท่าทีที่เวอร์วังของฉู่หลิงเอ๋อก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้ ฉู่หลิงเอ๋อชอบทำตัวบ้าบอ นี่เป็นนิสัยที่มีมาแต่เด็ก เปลี่ยนแปลงได้ยาก
“จริงด้วย พวกเราต้องไปร่วมงานเลี้ยงของบริษัทเว้ยคังกรุ้ปอีกนี่นา ”เมื่อฉู่หลิงเอ๋อได้ยินที่เวินลั่วฉิงพูด ก็ได้หยุดท่าทีที่เวอร์วังของตัวเองทันที:“งานเลี้ยงมีขึ้นวันมะรืน พรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปแล้ว เธอจะไปพร้อมฉันไหม ?”
“อืม ฉันไปพร้อมกับเธอก็ได้ ฉันก็ไม่ได้เจอคุณน้ามู่หรงกับคุณอาเหว้ยนานแล้ว คิดถึงพวกท่านแล้วเหมือนกัน ”เวินลั่วฉิงคิดถึงเมื่อก่อนที่พวกเขาดูแลเธอ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“ใช่ ใช่ ฉิงฉิงก็ควรล่วงหน้าไปก่อน ไปดูสิว่าพอจะช่วยอะไรได้บ้าง เขามีบุญคุณกับฉิงฉิง หากมีโอกาส ย่าก็อยากจะขอบคุณพวกเขา” ท่านย่าถังเป็นคนที่รู้บุญคุณคน เรื่องของเวินลั่วฉิงกับตระกูลเหว้ย เวินลั่วฉิงเคยเล่าให้ฟัง และท่านย่าถังก็รู้สึกซาบซึ้งมาโดยตลอด
“เด็กน้อยถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ไปด้วยหรือเปล่า ?”ฉู่หลิงเอ๋อรีบหันกลับไปมองที่ถังจื่อโม่ :“หรือพาเด็กน้อยสองคนไปด้วยดีไหม ? คุณชายสามเย่ก็น่าจะไป ถึงตอนนั้น ……”
ฉู่หลิงเอ๋อไม่ทิ้งนิสัยที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องอะไรที่สร้างความตื่นเต้นได้เลย
“มู่หรงดัวหยางเชิญเวินลั่วฉิง เว้ยคังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลถัง เป็นไปไม่ได้ที่จะเชิญตระกูลถัง เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องไปในฐานะถังฉิ้นเอ๋อ และสถานะของลูกทั้งสองคนก็ยังไม่ได้เปิดเผย และเรื่องฉันกับเย่ซือเฉินก็ยังไม่ได้ตกลงอะไรกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่สะดวกที่จะพาเด็กๆไปด้วย ” เวินลั่วฉิงไม่ต้องการให้ลูกเธอเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เวินลั่วฉิงจะพาเด็กๆไปร่วมงานเลี้ยงของบริษัทเว้ยคังกรุ้ปนั้นด้วย
และแน่นอนว่า การใช้สถานะของถังฉิ้นเอ๋อก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นในงานเลี้ยงแบบนั้น ก็มักจะมีแต่คนที่อยากรู้อยากเห็น และพวกปากหอยปากปู ชอบสร้างปัญหาหาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะมู่หรงดัวหยาง เธอก็คงไม่อยากจะมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้
“ ฉิงฉิงพูดถูก ตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะพาเด็กทั้งสองคนไปงานเลี้ยงแบบนี้ และอีกอย่างงานเลี้ยงแบบนี้ก็ไม่เหมาะกับเด็กๆเท่าไร สองวันนี้ ย่ากับท่านปู่จะพาเด็กๆออกไปข้างนอก พวกเธอสบายใจได้ ไม่ทำให้เด็กๆต้องเบื่อแน่นอน ” แม้ว่าท่านย่าถังจะอายุมากแล้ว แต่จิตใจกลับยังกระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ อยู่กับเด็กทั้งสองได้อย่างสบายๆ
จนตอนนี้ถังจื่อโม่ก็ยังไม่พูดอะไร เขาไม่ชอบสถานที่แบบนั้นจริงๆ น้องสาวเองก็ไม่ชอบเช่นกัน เขากับน้องสาวไม่อยากจะร่วมงานแบบนั้นจริงๆ
ตอนนี้เขากำลังคิดเรื่องของเย่ซือเฉิน เมื่อครู่เย่ซือเฉินเข้าใจแม่ผิด จากนั้นก็โมโหแล้วจากไป ดังนั้นเขาควรจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่างหรือเปล่า ?
เขาจะยังต้องทดสอบอะไรเย่ซือเฉินอีกไหม ?
หรือทำความรู้จักกับเย่ซือเฉินไปเลย ?
จนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเย่ซือเฉินจะชอบเขาไหม ?!
ณ ขณะนี้ เย่ซือเฉินที่อยู่บนรถมีใบหน้าที่คร่ำเครียด ร่างทั้งร่างราวกับเย็นเยือกไปทั้งตัว
เลขาหลิวที่ขับรถอยู่ข้างหน้าก็แทบไม่กล้าหายใจ ท่านประธานไปหาภรรยาที่บ้านถัง เข้าไปเพียงไม่นานก็ออกมา ตอนที่ออกมาน่ากลัวกว่าตอนที่เข้าไปอีกเป็นหลายเท่า
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านถัง ?
แต่ดูจากอาการของท่านประธานแล้วก็น่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
เลขาหลิวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะฉะนั้นในตอนนี้เขาจึงไม่กล้าบุ่มบ่ามพูดอะไร กลัวว่าจะไปพูดอะไรที่ไม่เข้าหูเข้า
กู้หวูที่นั่งอยู่ทางเบาะหลังกับเย่ซือเฉิน รับรู้ถึงไอเย็นที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเจ้านายที่เย็นกว่าเครื่องปรับอากาศบนรถหลายเท่า กู้หวูต้องหดตัวลงอย่างไม่รู้ตัว และหดร่างลงไปโดยปริยาย
กู้หวูเองในตอนนี้ก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร หรือแม้แต่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็ยังไม่กล้า