“คุณหมายถึงเธองั้นเหรอ?” นิ้วมือของ คุณนายเหว้ยยังคงชี้ไปที่เวินลั่วฉิง ยังไม่วางลง ด้วยความตกใจสุดขีด จนลืมวางมือลง
“ใช่แล้ว ฉันหมายถึงเธอ” คุณนายเจ้าพยักหน้ารัว เกรงว่าจะไม่มีน้ำหนักมากพอ จึงกล่าวเสริมสมทบ
“คุณเวินคนนี้ใช้วิธีสกปรกเพื่อจับผู้ชาย ต่ำช้า……”
คุณนายเหว้ยหรี่สายตา ก่อนที่จะขยับกาย หันไปทาง คุณนายเจ้า มือที่ชี้ไปทางเวินลั่วฉิงถูกยกขึ้นกะทันหัน ก่อนที่จะร่วงลงอย่างรวดเร็ว
“เปี๊ยะ” เสียงคมชัดหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน
ไม่มีใครคาดคิดว่า คุณนายเหว้ยจะลงไม้ลงมือ แถมยังเป็น คุณนายเจ้าอีก นี่มันตั้งใจล่วงเกินเห็นๆ
ริมฝีปากของมู่หรงดัวหยางฉีกออก เป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้ไม่ผิด เรื่องที่เกี่ยวกับฉิงฉิง คุณแม่ของเธอออกหน้าทั้งที ไม่มีทางที่จะจบอย่างเรียบง่ายแน่!
เวินลั่วฉิงที่นิ่งเงียบมาตลอดดวงตาสั่นไหวอย่างหักห้ามไม่อยู่ เมื่อสักครู่นี้ฉาดนั้นแค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าต้องเจ็บมากแน่
ฉู่หลิงเอ๋อกะพริบตาปริบ เธอแทบจะหลุดอุทานให้ตายออกมา คุณนายเหว้ยคนนี้เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว? เพียงแต่ประโยคเดียวไม่เข้าหูก็ลงไม้ลงมือทันที?
นี่มันงานเลี้ยงของตระกูลเว้ยนะ?
ฉู่หลิงเอ๋อรู้ดีว่า คุณนายเหว้ยให้ความสำคัญกับเวินลั่วฉิงมาก แต่ฉู่หลิงเอ่อไม่คิดเลยว่า คุณนายเหว้ยจะลงไม้ลงมือกลางงานเลี้ยงของเธอเองเพราะประโยคที่ไม่เข้าหูเพียงประโยคเดียว แถมคนที่ลงมือทำร้ายยังเป็นภรรยาของผู้นำของสำนักงานการก่อสร้างใหญ่อีกต่างหาก!!
ฉู่หลิงเอ๋อตกใจจนอ้าปากค้างอยู่ครึ่งค่อนวัน!
“คุณ? คุณ? ทำไมคุณถึงได้ทำร้ายคนอื่น?” คุณนายเจ้าถูกทำร้ายจนอึ้งฉงน ผ่านไปนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้ พลันถลึงตาโตจับจ้อง คุณนายเหว้ยอย่างเหลือเชื่อ
คุณนายเหว้ยสะบัดมือ ดวงตาคู่นั้นเพ่งพินิจไปที่คุณนายเจ้า พลันกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ฉันตั้งใจจัดการเธอ”
ประโยคของเธอทั้งมีอำนาจและยโส
“ตระกูลเว้ยของพวกคุณจะโอหังเกินไปแล้ว เรื่องอะไรที่พวกแกลงมือลงไม้กับคนอื่นตามใจชอบงั้นเหรอ? ตระกูลเว้ย ของพวกคุณไร้กฎระเบียบแล้วงั้นเหรอ?” ทีแรก คุณนายเจ้าคิดที่จะให้ คุณนายเหว้ยขอโทษเธอ เมื่อได้ยินประโยคของ คุณนายเหว้ยเธอโมโหขึ้นมาทันที “ตระกูลเว้ยเอาเปรียบกันมากไปแล้ว”
“ตระกูลเว้ยเอาเปรียบงั้นเหรอ? คุณนายเจ้ายืนว่าร้ายลูกหลานตระกูลเราในที่ของตระกูลของเรา หรือว่าฉันควรที่จะปล่อยให้ คุณนายเจ้าว่าร้าย โดยไม่ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?” มุมปากของ คุณนายเหว้ยเผยรอยยิ้มอย่างเย็นชา ด้วยประโยคที่ชัดถ้อยชัดคำมากกว่าเก่า
เมื่อทุกคนได้ยินประโยคของ คุณนายเหว้ยต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน
ว่าร้ายลูกหลานของตระกูลเว้ยงั้นเหรอ?
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าตระกูลเว้ยมีทายาทแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือมู่หรงดัวหยาง
เมื่อสักครู่คนที่ คุณนายเจ้าพูดถึงคือเวินลั่วฉิงเห็นๆ ไม่ได้ว่าร้ายมู่หรงดัวหยางแม้แต่น้อย คุณนายเหว้ยได้ยินผิดไปงั้นเหรอ?
“คุณนายเหว้ย เมื่อสักครู่คุณฟังผิดไปหรือเปล่า ฉันไม่ได้ว่ากล่าวมู่หรงดัวหยางเลยแม้แต่น้อย ที่ฉันว่าคือเวินลั่วฉิง” คุณนายเจ้าเองก็นิ่งค้างไป ก่อนที่จะได้สติรีบอธิบาย
ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ไม่ต้องการให้เกิดการเข้าใจผิดกันแบบนี้
“ฉันหมายถึงเวินลั่วฉิง” คุณนายเหว้ยยกยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะเอื้อมมือจับมือของเวินลั่วฉิงเอาไว้
“หากคุณด่าว่ามู่หรงดัวหยางฉันอาจจะไม่สนใจ แต่คุณว่าร้ายฉิงฉิงของเรา ฉันไม่สนใจไม่ได้ ฉิงฉิงของเราแกคิดที่จะว่าก็ว่าได้อย่างนั้นเหรอ?” น้ำเสียงของ คุณนายเหว้ยสูงขึ้นเล็กน้อย พร้อมประโยคที่เด็ดเดี่ยว
เวินลั่วฉิงรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างมาก ตั้งแต่เล็กจนโต คุณนายเหว้ยมักจะปกป้องเธอแบบนี้เสมอ ไม่เคยปล่อยให้เธอถูกเอาเปรียบเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกับประโยคของ คุณนายเหว้ยไปตามๆ กัน
ประโยคของ คุณนายเหว้ยหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
ทำไมเวินลั่วฉิงถึงได้กลายเป็นลูกหลานของตระกูลเว้ยไปได้? !
แถมเมื่อสักครู่ คุณนายเหว้ยยังบอกว่า หากมู่หรงดัวหยางถูกว่ากล่าวเธออาจจะไม่แยแส แต่เวินลั่วฉิงถูกว่ากล่าวเธอต้องจัดการให้ถึงที่สุด
ประโยคของ คุณนายเหว้ยหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
เวินลั่วฉิงมีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลเว้ยกันแน่?
“ฉิงฉิงของเราน่ะฉันเป็นคนเฝ้าดูเธอโตมา ลูกหลานของฉันเป็นคนอย่างไรฉันรู้ดีกว่าใคร ไม่ทราบว่า คุณนายเจ้าไปฟังข่าวลือมาจากไหนถึงได้ใส่ร้ายฉิงฉิงของเราในงานเลี้ยงของตระกูลเว้ยแบบนี้ ฝ่ามือเมื่อสักครู่เหมือนจะเบาไปหน่อย” คุณนายเหว้ยจับจ้องไปทาง คุณนายเจ้า ด้วยสายตาที่เย็นชาคู่นั้น พร้อมประโยคที่ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย
“ฉันไม่ได้ใส่ร้ายเธอ แต่นี่เป็นความจริง” เมื่อ คุณนายเจ้าเห็นว่า คุณนายเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิง ในใจของเธอทั้งโมโหและลนลานแน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้ เธอได้แต่ยึดมั่นในคำเดิม
“ความจริงงั้นเหรอ? แล้วยังล่ะถึงจะถือว่าเป็นความจริง? คุณเห็นกับตารึเปล่า?” คุณนายเหว้ยเป็นคนที่ปั่นหัวได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือแล้วเรื่องนี้ คุณนายเหว้ยก็ไม่อยากให้ปล่อยผ่านไป ต่อให้ คุณนายเจ้าไม่พูด เธอก็ต้องสะสางให้รู้เรื่อง
“ทุกคนเขาพูดแบบนั้นกันหมด หรือว่าทุกคนก็พูดไปเรื่อยอย่างนั้นเหรอ? จะพูดออกมาอย่างไม่มีมูลอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ” ใบหน้าของ คุณนายเจ้าเหยเกขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่มีทาเห็นกับตาตัวเองอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยพบกับเวินลั่วฉิงมาก่อน ไม่รู้จักเวินลั่วฉิง จะไปเห็นกับตาตนเองจากไหนกัน?
ต่อให้เธอบอกว่าเห็นกับตาตนเอง ก็ไม่มีทางที่จะมีคนเชื่อคำของเธอได้
“ใครเป็นคนพูด? ทุกคน? ทุกคนไหนพูดกันแน่? ก้าวออกมาให้ฉันดูหน้าหน่อย” สายตาคู่คมของ คุณนายเหว้ยกวาดผ่านเหล่าผู้คนรอบด้านอย่างรวดเร็ว
ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครที่โง่งมก้าวออกมาอยู่แล้ว ความหมายที่ คุณนายเหว้ยต้องการปกป้องเวินลั่วฉิงนั้นชัดเจนซะจนไม่สามารถชัดเจนมากกว่านี้อีกแล้ว เพื่อเวินลั่วฉิง คุณนายเหว้ยถึงกับลงไม้ลงมือกับ คุณนายเจ้า ในสถานการณ์แบบนี้ยังมีใครที่กล้าแส่หาเรื่องใส่ตัวอยู่อีก?
ในเมืองจิ๋นทุกคนต่างรู้ดีว่าความร้ายกาจของ คุณนายเหว้ยของขึ้นชื่อมากแค่ไหน แถม คุณนายเหว้ยคนนี้เหี้ยมโหดเด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไร ฝีมือร้ายกาจ แม้แต่ประธานเหว้ยเองก็ยังต้องให้ความเกรงกลัวต่อภรรยาของเขาคนนี้ คนมากมายในเมืองจิ๋นต่างรู้ดีว่าประธานเหว้ยนั้นเกรงกลัวอยู่ภายใน
“คุณนายเจ้า นอกจากคุณ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่ยอมรับเลย เพราะงั้น ทั้งหมดนี้ คุณนายเจ้าคุณพูดไปเองคนเดียว……” คุณนายเหว้ยละสายตา หันไปทาง คุณนายเจ้าอีกครั้ง ด้วยรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้า
ตอนนี้แม้ว่าใบหน้าของ คุณนายเหว้ยจะฉาบไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่ใช่นะ ฉันเองก็ได้ยินมาจากคนอื่นเช่นเดียวกัน” เมื่อคุณนายเจ้าสบประสานสายตากับ คุณนายเหว้ยทันใดนั้นเธอเกิดหงอยขึ้นมาทันที ความเกรงขามของ คุณนายเหว้ยแม้แต่เวินลั่วฉิงและมู่หรงดัวหยางเองยังหวาดหวั่น คุณนายเจ้า จะเป็นคู่ต่อสู้ของคุณนายเหว้ยได้อย่างไร
ตอนนี้ คุณนายเหว้ยยังคงมีสติอยู่บ้าง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นลูกสาวของเธอเองที่บอกเธอ เธอไม่มีทางที่จะลากลูกสาวของเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอีกแน่ เพราะงั้นจึงกล่าวเสริมอีกประโยค “ในเน็ตเขาพูดกัน บนโลกออนไลน์มีแต่คนพูดแบบนั้นกันมากมายเลย”
“ได้ยินคนอื่นมา? เห็นบนโลกออนไลน์?” รอยยิ้มที่มุมปากของ คุณนายเหว้ยนั้นกว้างกว่าเดิม คำพูดของเธอเองก็เนิบลงเล็กน้อย
คุณนายเหว้ยจับจ้องคุณนายเจ้า พลันสะดุดเล็กน้อย สีหน้าดำทะมึน น้ำเสียงของเธอเองก็เย็นชาขึ้นมาในพริบตา “เช่นนั้น คุณนายเจ้าก็ใส่ร้ายลูกหลานของฉันโดยไร้หลักฐานใดๆ !!”
เมื่อคุณนายเจ้าได้ยินประโยคของคุณนายเหว้ย ร่างของเธอสั่นเทาอย่างไม่รู้ตัว รูม่านตาของเธอก็หดเล็กลงโดยไม่รู้ตัว