แต่น่าเสียดายที่คุณนายเหว้ยเป็นคนมีเหตุผลและไม่ยอมคนอื่นง่าย ๆ! ไม่เห็นแก่หน้าเขาเลยสักนิด
“นี่ ร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ?” คุณนายเจ้าช็อกไปเลย ตอนแรกเธอคิดว่าเว้ยคังก็แค่ทำธุรกิจเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรไม่กล้ามีปัญหากับพวกข้าราชการ เธอคิดว่าต่อให้เว้ยคังเก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่มีทางใหญ่คับฟ้าได้หรอก
“เธอคิดว่าไงล่ะ?” หัวหน้าเจ้าจ้องเขม็งคุณนายเจ้าอีกครั้ง สีหน้ายิ่งทมึงถึงมากขึ้นไปอีก : “อีกอย่าง ฉันได้ยินมาว่าตัวตนของมู่หรงดัวหยางก็ไม่ธรรมดาเลย ข้างนอกลือกันว่าหลายปีมานี้มู่หรงดัวหยางเอาแต่เตร็ดเตร่อยู่ด้านนอกตลอด แต่ฉันได้ยินมาว่าที่จริงงานที่มู่หรงดัวหยางทำนั้นซับซ้อนมาก คนที่มู่หรงดัวหยางใกล้ชิดด้วยก็ไม่ธรรมดาทั้งนั้น”
“มู่หรงดัวหยางก็แค่ลูกผู้ดีมีเงินคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ?” คุณนายเจ้าตะลึงงันอีกครั้ง ทำไมทุกอย่างไม่เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลยสักนิด
“ลูกผู้ดีมีเงิน? เธอเห็นมู่หรงดัวหยางเหมือนพวกลูกผู้ดีมีเงินแบบนั้นเหรอ? มู่หรงดัวหยางเพิ่งกลับมาได้เพียงไม่กี่เดือน เธอดูคนรอบตัวมู่หรงดัวหยางสิว่าเป็นใครบ้าง? มู่หรงดัวหยางไม่เพียงแต่ไม่คบค้ากับพวกลูกผู้ดีมีเงินสักคน แต่กลับมีความสามารถมากที่สุดในเมืองจิ๋น และเป็นหนึ่งในพวกผู้มีอิทธิพลด้วย” หัวหน้าเจ้าเป็นคนช่างสังเกตอย่างละเอียด สำหรับเรื่องของมู่หรงดัวหยางเขาจึงรู้ไม่น้อยเลยทีเดียว
คุณนายเจ้างุนงงไปหมดแล้ว อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
เดิมทีคุณเจ้าก็กลัวพ่อจะต่อว่าเธออยู่แล้ว ฉะนั้นจึงนั่งเงียบ ๆ อยู่ด้านหลังตลอด ไม่พูดอะไรออกมา เพียงแต่ได้ยินว่าพ่อของตัวเองเกรงกลัวเว้ยคังขนาดนี้ คุณเจ้าก็รู้สึกเจ็บใจ เลยทนไม่ไหวขึ้นมา : “พ่อคะ พ่อไม่ต้องกลัวพวกเขาหรอก ต่อให้ตระกูลเหว้ยเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้หรอก” คุณเจ้านึกขึ้นได้ว่าเรื่องนี้ที่จริงคนขององค์กรโกสต์ซิตี้ขอให้เธอช่วย และได้ยินมาว่าเป็นเจตนาของเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ คุณเจ้ามีความกล้าขึ้นมาทันที : “พ่อคะ พ่อน่าจะรู้จักองค์กรโกสต์ซิตี้ใช่ไหม?”
“องค์กรโกสต์ซิตี้? ฉันรู้จักอยู่แล้ว แกหมายความว่าไง?” หัวหน้าเจ้าอึ้งไปเล็กน้อย แล้วมองลูกสาวของตัวเองด้วยแววตาสงสัย : “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้เหรอ?”
“ใช่ค่ะ ที่จริงเวินลั่วฉิงไปล่วงเกินเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ต้องการหาเรื่องเวินลั่วฉิง คนที่เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ต้องการหาเรื่อง เกรงว่าตระกูลเหว้ยก็คงปกป้องไม่ได้มั้ง” ตอนที่คุณเจ้าพูดออกมาน้ำเสียงฟังดูได้ใจมาก : “ดังนั้นพ่อไม่ต้องเป็นห่วง แค้นนี้องค์กรโกสต์ซิตี้จะช่วยเราเอาคืนเอง”
“แกหมายความว่าเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ให้แกหาเรื่องเวินลั่วฉิงงั้นเหรอ?” หัวหน้าเจ้าเป็นคนฉลาด จึงเข้าใจความหมายของลูกสาวได้ในทันที
“ใช่ค่ะ เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้มาหาหนู” คุณเจ้าพยักหน้าหงึก ๆ : “เว้ยคังเก่งกาจแค่ไหนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององค์กรโกสต์ซิตี้หรอก ฉะนั้นพวกเราแค่รอดูเรื่องสนุกก็พอ”
คิ้วของหัวหน้าเจ้าขมวดเป็นปม เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยเข้าใจ : “เจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ทำไมต้องหาเรื่องเวินลั่วฉิงด้วย? แล้วเวินลั่วฉิงคนนั้นตกลงเป็นใครกันแน่?”
หัวหน้าเจ้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล
“มันก็แค่……” คุณเจ้าคิดว่าไม่ถูกต้อง จึงคิดจะดูถูกดูแคลนเวินลั่วฉิง
“เรื่องนี้แกไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล คุณนายเหว้ยปกป้องเวินลั่วฉิงขนาดนั้น อีกทั้งเจ้าหญิงแห่งองค์โกสต์ซิตี้ก็ออกหน้าหาเรื่องเวินลั่วฉิงโดยตรง ฉันคิดว่าตัวตนของเวินลั่วฉิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ฉะนั้นแกห้ามทำอะไรเวินลั่วฉิงอีกเป็นอันขาด” หัวหน้าเจ้าเป็นคนเข้าใจอะไรได้ดี เรื่องพวกนี้ต้องคิดให้รอบคอบไว้ก่อน
“พ่อคะ มันจะเป็นใครไปได้? มันมีอะไรน่ากลัวเหรอ?” คุณเจ้ารู้สึกไม่ยอม : “อีกอย่างเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ต้องถึงมือหนูหรอก เท่าที่หนูรู้มา ต่อไปเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้มีแผนการอื่นที่จะจัดการกับเวินลั่วฉิง ดังนั้นงานเลี้ยงวันนี้ เวินลั่วฉิงต้องถูกจัดการจนเละแน่……”
หัวหน้าเจ้าตาลุกวาวขึ้นมา เขาคิดว่าเขาต้องให้คนไปดูที่งานเลี้ยงสักหน่อย ดูสิว่ามีอะไรกันแน่?
หลังจากหัวหน้าเจ้ากลับไปแล้ว คุณนายเหว้ยก็เรียกทุกคนเข้าไปในโรงแรม และคุณนายเหว้ยก็ได้จูงมือเวินลั่วฉิงเดินเข้าไป จากนั้นก็แนะนำกับทุกคน : “ตอนนี้ฉันขอแนะนำอย่างเป็นทางการสักหน่อย นี่คือแก้วตาดวงใจของตระกูลเหว้ยของพวกเรา”
ความหมายของคุณนายเหว้ยในตอนนี้ชัดเจนเป็นอย่างมาก ต่างก็รู้จักกันหมดแล้ว อย่ามีพวกไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อเรื่องอีกแล้วกัน
ยังไงซะนี่ก็เป็นงานเลี้ยงบริษัทเว้ยคังกรุ๊ปของพวกเขา เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
ไป๋หยิงยืนมองเวินลั่วฉิงอยู่ในมุมมุมหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอำมหิต ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ล่ะก็ เธอคงทำให้เวินลั่วฉิงกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว
แต่ไหนแต่ไรเวินลั่วฉิงเป็นคนความรู้สึกไวอยู่แล้ว จู่ ๆ เวินลั่วฉิงก็หันหน้าอย่างรวดเร็ว มองไปทางไป๋หยิง การเคลื่อนไหวของเวินลั่วฉิงเกิดขึ้นเร็วมาก และกะทันหันมาก ไป๋หยิงคิดไม่ถึงว่าเวินลั่วฉิงจะหันมากะทันหันอย่างนี้ จึงไม่ทันได้หลบ อีกทั้งยังกลบเกลื่อนสายตาอำมหิตนั้นไว้ไม่ทันอีกด้วย
ไป๋หยิงสบสายตากับเวินลั่วฉิงทั้งอย่างนั้น
ดวงตาของเวินลั่วฉิงลุกวาวขึ้นเล็กน้อย สายตาแบบนี้……ทำให้เธอนึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาทันที
ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่โรงแรมเมื่อห้าปีก่อน แม้ว่าตอนนั้นผู้หญิงคนนั้นได้อำพรางหน้าทั้งหมด สวมหน้ากากอนามัย ใส่แว่นตากันแดด ตอนนั้นเธอมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนั้น
แต่ตอนนั้นสายตาที่ผู้หญิงคนนั้นมองเธอ เธอกลับจำมันได้ดี เวินลั่วฉิงแทบจะมั่นใจได้ทันทีเลยว่า ผู้หญิงที่มองเธอด้วยสายตาอำมหิตที่กำลังยืนอยู่ในมุมมุมหนึ่งของงานเลี้ยงในตอนนี้ เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่อยู่ภายในห้องของโรงแรมเมื่อห้าปีก่อน
เธอไม่เคยรู้เลยว่าเมื่อห้าปีก่อนผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในห้องของโรงแรมเป็นใคร และไม่เข้าใจอีกด้วยว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงต้องทำร้ายเธอ เพราะตอนนั้นกลัวว่าเย่ซือเฉินจะรู้เข้า เธอเลยไม่ได้ไปสืบหา ต่อมาเมื่อเวลาล่วงเลยไป เธอก็อยู่ที่ประเทศ M มาตลอด เรื่องนี่จึงได้ถูกละเลยไป
เพียงแต่ เวินลั่วฉิงคิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบกับผู้หญิงที่อยู่ในห้องของโรงแรมเมื่อห้าปีก่อนที่นี่
และผู้หญิงคนนี้ก็กำลังมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนไม่มีผิด พอที่จะอธิบายได้ว่า ห้าปีที่ผ่านมา ผู้หญิงคนนี้เกลียดแค้นเธอมาตลอด
ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ และไม่รู้ด้วยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องเกลียดเธอ แต่เวินลั่วฉิงก็เข้าใจเรื่องหนึ่งได้ทันที ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ด้านนอกแล้วเธอถูกคุณเจ้ากับคุณหลิวขวางไว้ต้องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้แน่นอน
เมื่อนึกถึงเมื่อห้าปีก่อนที่ผู้หญิงคนนี้ทำเรื่องเหล่านั้นกับเธอ เวินลั่วฉิงก็มั่นใจว่าเรื่องคืนนี้คงไม่ได้แค่คิดขวางเธอแน่นอน
ไป๋หยิงสบสายตากับเวินลั่วฉิง ไป๋หยิงรู้ว่าหลบไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คนอื่นไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเวินลั่วฉิง แต่เธอรู้ ไป๋หยิงรู้จักความสามารถของเวินลั่วฉิงเป็นอย่างดี
ดังนั้นไป๋หยิงรู้ว่าหลบหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกทั้งจะทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปด้วย
ในเมื่อหลบไม่ได้ ไป๋หยิงก็สบตากับเวินลั่วฉิงตรง ๆ ตอนนี้เฉิงโหรวโหรวเชื่อฟังเธอทุกอย่าง เธอมีอำนาจขององค์กรโกสต์ซิตี้คอยหนุนหลังอยู่ เธอยังต้องกลัวอะไรอีก?
ฉะนั้น ตอนนี้ไป๋หยิงไม่ได้กลบเกลื่อนอีกแล้ว เธอไม่ได้กลบเกลื่อนความอำมหิตและความเกลียดแค้นที่อยู่ในแววตาของเธออีกต่อไป