ทว่าไม่ใช่ลูกของเธอ เธอก็ไม่มีทางเพราะว่าสงสารเด็กคนนี้ ก็ปล่อยให้ตนเองมีชื่อเสียงที่คลุมเครือ
“ช่วงก่อนคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก็เปิดโปงแล้วว่าฉันไม่สามารถมีบุตรได้ สำหรับเรื่องนี้คุณหมอโจ๋วอันหนานจะเป็นคนสืบค้นด้วยตัวเอง หลักฐานที่คุณหมอโจ๋วออกเอง หากมีข้อสงสัยอะไรอีก ก็สามารถไปถามคุณหมอโจ๋วได้” เวินลั่วฉิงยังอยากจะจบเรื่องนี้ไวๆ ไม่สามารถสร้างผลกระทบที่ใหญ่หลวงเกินไปให้กับงานเลี้ยงของตระกูลเว้ย
ดังนั้นเธอยอมใช้เรื่องช่วงก่อนหน้านี้ที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ก่อขึ้น อีกอย่างเธอยังตั้งใจเอ่ยถึงโจ๋วอันหนานโดยเฉพาะ
โจ๋วอันหนานไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมือง A และยิ่งมีชื่อเสียงในเมืองจิ๋น หลักฐานที่โจ๋วอันหนานออกต้องเกิดแรงโน้มน้าวจิตใจอย่างเด็ดขาดแน่นอน
ตอนนั้นเรื่องนั้นถูกคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ทำให้กลายเป็นประเด็นใหญ่ขนาดนั้น อีกอย่างจนถึงตอนนี้คุณย่าเย่และคุณปู่เย่ก็ไม่ได้หยุดจู่โจมเธอทางด้านนี้ ดังนั้นเวินลั่วฉิงรู้สึกว่าก็ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถพูดถึง
ส่วนเรื่องที่คุณปู่เย่และคุณย่าเย่รู้เรื่องที่เธอไม่สามารถมีบุตรได้ยังไง ถึงแม้เวินลั่วฉิงไม่เคยไปสืบค้น ทว่าก็คาดเดาไม่ยากว่าข่าวคราวนี้ต้องรั่วไหลมาจากโจ๋วอันหนานแน่นอน ไม่ว่ายังไงแล้วตอนนั้นเย่ซือเฉินเคยสอบถามข้อมูลกับโจ๋วอันหนาน เกี่ยวกับเรื่องของเธอ
ตอนนั้นโจ๋วอันหนานที่เคยถูกเย่ซือเฉินสอบถามข้อมูล นเมื่อเย่ซือเฉินก็เคยสอบถามโจ๋วอันหนาน นั่นก็แสดงว่าเย่ซือเฉินเชื่อโจ๋วอันหนาน ทว่าเวินลั่วฉิงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมโจ๋วอันหนานถึงได้บอกผลสรุปกับคุณปู่เย่และคุณหญิงเย่โดยตรง?
สำหรั ปัญหานี้ไม่ใช่ว่าเวินลั่วฉิงไม่เคยคิดถึง เพียงแต่ว่ายังไงโจ๋วอันหนานก็เป็นคนที่เย่ซือเฉินเชื่อใจ และยังเป็นพี่สาวแท้ๆของคุณชายสองโจ๋วอีก และรวมไปถึงช่วงนี้เกิดเรื่องมากมายเกินไปจริงๆ เวินลั่วฉิงจึงไม่ได้ไปสืบมากมาย
มู่หรงดัวหยางได้ยินคำพูดเวินลัวฉิง ก็ถลึงตามองเธอทันที แน่นอนว่ามู่หรงดัวหยางก็รู้ว่าเวินลั่วฉิงทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลายเกินไปกลางงานเลี้ยงตระกูลเว้ย ช่างลำบากใจจริงๆ
มู่หรงดัวหยางแอบหายใจหนึ่งที แล้วไม่ได้พูดอะไรเลย
ตอนที่คุณหญิงเว้ยมองเวินลั่วฉิง มุมปากขยับไปหลายทีอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่าอยากพูดอะไร เพียงแต่ว่าสุดท้ายก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ
“ใช่ คุณเวินไม่สามารถมีบุตรได้ เรื่องนี้คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ทำให้มันกลายเป็นประเด็นใหญ่โต คนมากมายต่างก็รู้ ตอนนี้หลักฐานของโจ๋วอันหนานที่คุณเวินพูดถึงต้องไม่ผิดแน่นอน ในเมื่อคุณเวินก็ไม่สามารถตั้งครรภ์มีบุตร เด็กคนนี้ไม่ใช่ของคุณเวินแน่นอน”
“ใช่ งั้นต้องไม่ใช่ของคุณเวินแน่นอน ดูท่าแล้วใบตรวจดีเอ็นเอที่ผู้ชายคนนั้นเอามาต้องไม่ใช่ความจริง ก็แค่กระดาษแผ่นเดียว อยากจะปลอมแปลงก็เป็นเรื่องง่ายมาก แม้กระทั่งคลิปวิดีโอยังปลอมแปลงขึ้นมาได้เลย คงไม่ต้องพูดถึงกระดาษแค่แผ่นเดียวหรอก”
คุณหนูผู้ดีงามพร้อมพวกนี้และเหล่าคุณหญิงที่สูงสง่า ถึงแม้จะชอบดูเรื่องอื้อฉาวของคนอื่น ถึงแม้ชอบซุบซิบนินทาไปเรื่อยเปื่อย ทว่าเวลานี้เรื่องนี้ก็ชัดเจนขนาดนี้ ท่าทีของคุณหญิงเว้ยและมู่หรงดัวหยางก็ชัดเจนขนาดนั้น ตำรวจก็พิสูจน์แล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดจาเหลวไหลอีก
ชายสับปลับผู้นั้นอ้าปาก แล้วครุ่นคิดอยู่นาน กลับไม่สามารถโต้แย้งกลับแม้แต่คำเดียว เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้เขาพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าเขาพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว
“นำคนกลับไป” ตอนนี้ตำรวจบัญชาการลงไปทันที ให้คนนำชายสับปลับคนนั้นกลับไปโดยตรง
“คุณตำรวจ ผมสงสัยว่าเรื่องนี้ต้องมีคนคอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง ผมหวังว่า…” มู่หรงดัวหยางไม่อยากยอมง่ายๆแบบนี้ เขารู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ใช่คนสำคัญ จับกุมชายคนนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ชายคนนี้ต้องถูกคนสั่งการแน่นอน เขาต้องหาผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นให้ได้
“ดัวหยาง แค่นี้ก่อนเถอะ” เวินลั่วฉิงกลับส่ายหัวเบาๆให้มู่หรงดัวหยาง เหตุผลแรก เวินลั่วฉิงไม่อยากให้รู้สึกอึดอัดใจเกินไปในงานเลี้ยง
หากมู่หรงดัวหยางสืบค้นอย่างละเอียดกลางงานเลี้ยง งั้นก็อาจจะทำให้ดึงคนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม้ว่ายังไงแล้วเรื่องนี้เป็นแผนการของไป๋หยิง เป็นคนขององค์กรโกสต์ซิตี้จัดวาง อยากจะหาหลักฐานพิสูจน์ว่าไป๋หยิงเป็นคนทำก็คงไม่ง่ายขนาดนั้น ดังนั้นต้องสืบค้นอย่างละเอียด และต้องค่อยๆ คลายข้อสงสัยไปทีละคน
งานเลี้ยงมีคนเยอะขนาดนี้ หากจะสืบค้นอย่างละเอียดทีละคน ก็ไม่รู้ว่าจะสืบไปถึงเวลาไหน ถึงเวลาไม่เพียงแต่ทำลายงานเลี้ยง แค่เกรงว่าจะทำให้ทุกคนรู้สึกไม่พอใจเอา
มู่หรงดัวหยางเพิ่งรับช่วงบริหารเว้ยคัง เวินลั่วฉิงไม่ควรสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นให้เขา
เหตุผลที่สอง เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้ องค์กรโกสต์ซิตี้ต้องการเล่นงานเธอ วิธีที่เล่นงานตระกูลถัง เธอก็เคยถูกสั่งสอนมาแล้ว เวินลั่วฉิงไม่อยากให้ตระกูลเว้ยก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับแผนการร้ายครั้งนี้
“ฉิงฉิง คุณอย่ายุ่งน่ะ” มู่หรงดัวหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเข้าใจในการตระเตรียมของเวินลั่วฉิง ทว่ากลางงานเลี้ยงตระกูลเว้ย เขาจะปล่อยให้ฉิงฉิงถูกรังแกได้ยังไง
“ฉันรู้ว่าเป็นใคร ฉันก็รู้ฐานะของเธอ เรื่องนี้ไม่ต้องสืบ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง” เวินลั่วฉิงขยับเข้าไปใกล้มู่หรงดัวหยางแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“อืม?” มู่หรงดัวหยางมองเธออย่างไม่เข้าใจ “หมายความว่าอะไร?”
“ไป๋หยิง พี่สาวของไป๋ยี่รุ่ย” เวินลั่วฉิงกดเสียงต่ำลงกว่าเดิม ทว่ามู่หรงดัวหยางกลับได้ยินอย่างชัดเจน
มู่หรงดัวหยางปั้นหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นมองไปทางเวินลั่วฉิงอย่างฉับไว กลางงานแบบนี้ มู่หรงดัวหยางไม่สามารถถามอะไรโดยตรงอยู่แล้ว ทว่าสีหน้าตกตะลึงนี้กลับชัดเจนอย่างมาก
เวินลั่วฉิงพยักหน้าใส่เขาอย่างช้าๆ “ดังนั้น ให้ฉันจัดการเองเถอะ”
ตอนที่เวินลั่วฉิงสบตาคู่ที่โหดเหี้ยมของไป๋หยิง ก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนั้นที่ทำร้ายเธอในโรงแรมเมื่อห้าปีก่อนคือไป๋หยิง ตอนอยู่โรงแรมเมื่อห้าปีก่อน ไป๋หยิงใช้เครื่องแปลงเสียง ทำให้เวินลั่วฉิงฟังเสียงของเธอไม่ออก
ทว่าก่อนหน้านี้ตอนคุยกันกลางงานเลี้ยงไม่รู้ว่าเวินลั่วฉิงจำเธอได้ ดังนั้นจึงใช้เสียงของตนเอง ตอนนั้นเวินลั่วฉิงก็ฟังออกแล้วว่าเป็นเสียงของไป๋หยิง
เสียงๆนั้นเวินลั่วฉิงเคยได้ยินตรงนอกประตูของไป๋ยี่รุ่ย คืนที่ฝนพรำนั้น เธอไปหาไป๋ยี่รุ่ย จากนั้นก็ได้ยินไป๋ยี่รุ่ยกำลังคุยกับไป๋หยิงตรงด้านนอก
และในเวลานั้น เวินลั่วฉิงรู้ว่าไป๋ยี่รุ่ยตั้งใจใกล้ชิดกับเธอ ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้ชอบเธอจริงๆ แค่เพื่อแก้แค้นเท่านั้น
ตอนนั้นไป๋หยิงพูดเรื่องนี้อย่างชัดเจนมาก
ทว่าตอนนั้นเธอไม่ได้เชื่อทั้งหมด เธอใช้แรงเคาะประตู แล้วเรียกให้ไป๋ยี่รุ่ยออกมาอธิบาย ทว่าไป๋ยี่รุ่ยกลับไม่ได้มาเปิดประตู จากนั้นเธอก็โทรหาไป๋ยี่รุ่ย ไป๋ยี่รุ่ยไม่ได้รับสาย เธอส่งข้อความไป ไป๋ยี่รุ่ยก็ไม่ตอบกลับ จนผ่านไปอีกหลายวัน ไป๋ยี่รุ่ยเพิ่งจะตอบข้อความเธอหนึ่งข้อความว่าให้เธอลืมเขาซะ
นั่นเป็นเรื่องเมื่อหกปีก่อนแล้ว เรื่องมันผ่านไปนานขนาดนั้นแล้ว เธอก็ได้ปล่อยวางไปแล้ว และก็ลืมเลือนไปแล้ว ครั้งที่แล้วเธอก็ได้คุยทุกเรื่องกับไป๋ยี่รุ่ยอย่างชัดเจนแล้ว
ทีแรกเธอนึกว่าเธอกับไป๋ยี่รุ่ยคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ตอนนี้เธอเลือกเย่ซือเฉินแล้ว แล้วยังมีลูกสองคนกับเย่ซือเฉิน เรื่องก่อนหน้านี้ เธอไม่ได้นึกถึงอีกตั้งนานแล้ว
เธอไม่มีความรู้สึกกับไป๋ยี่รุ่ยไปนานแล้ว และหลังจากผ่านเรื่องครั้งก่อน เธอกับไป๋ยี่รุ่ยก็จะไม่ไปมาหาสู่กันอีกต่อไป
ไม่ว่ายังไงแล้วครั้งก่อนไป๋ยี่รุ่ยใช้วิธีที่เกินไปจริงๆ และผู้ชายของเธอก็เป็นคนที่ชอบหึงหวง เธอไม่อยากจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น
ทว่าเรื่องนี้ที่ไป๋หยิงทำ ต้องจัดการแน่นอน
“ได้” ครั้งนี้มู่หรงดัวหยางไม่ดื้อดึงอีกต่อไป สำหรับเรื่องของเวินลั่วฉิง มู่หรงดัวหยางต่างก็เข้าใจ เรื่องของไป๋ยี่รุ่ย เขาก็ต้องรู้เป็นเรื่องธรรมดา
ตอนนั้นหากไม่ใช่เวินลั่วฉิงรั้งไว้ มู่หรงดัวหยางอยากจะต่อยไป๋ยี่รุ่ยแรงๆ สักตั้ง
“คุณอย่าไปหาไป๋ยี่รุ่ย คุณต้องบอกเย่ซือเฉินสักคำก่อน” มู่หรงดัวหยางครุ่นคิด จึงกำชับอย่างไม่วางใจไปประโยคหนึ่ง เขารู้ว่าฉิงฉิงเชื่องช้าในด้านความสัมพันธ์ ตอนนี้ฉิงฉิงและเย่ซือเฉินถือว่าต้องใจกันแล้ว เขาไม่อยากให้ฉิงฉิงและเย่ซือเฉินเข้าใจผิดกันเพราะไป๋ยี่รุ่ย
“ได้ ฉันรู้แล้ว” เวินลั่วฉิงยิ้มทันที เมื่อครู่มู่หรงดัวหยางแจกจดหมายทนายให้เย่ซือเฉิน ตอนนี้กลับปกป้องเย่ซือเฉินซะแล้ว
ตอนนี้ดูๆแล้ว เย่ซือเฉินได้รับการยอมรับจากมู่หรงดัวหยางแล้ว
“แค่รู้คงยังไม่ได้ เรื่องนี้คุณก็ให้เย่ซือเฉินไปจัดการไปจัดการเถอะ เรื่องระหว่างผู้ชาย น่าจะต้องเป็นผู้ชายที่ออกหน้าไปจัดการ” มู่หรงดัวหยางอดไม่ได้ที่จะกำชับ
“ได้ ได้ ได้ ทำตามที่คุณบอกทั้งหมดเลย” เวินลั่วฉิงพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกว่ามู่หรงดังหยางพูดถูกเรื่องนี้ก็ต้องบอกเย่ซือเฉินอย่างชัดเจนก่อน ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องให้เย่ซือเฉินหึงไปเรื่อยอีก
คุณชายสามเย่ในเวลานี้อยู่ในเมือง A เหมือนจะไม่ค่อยมีเวลาหึงหวง หลังจากวันนั้นที่จากบ้านถังไป เขาก็ให้คนคอยสืบเรื่องของถังจื่อโม่ตลอดมา เขายิ่งสืบก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องมาน่าแปลกมาก
ไม่ คือน่าแปลกมากเป็นพิเศษ
เขาเห็นส่งเอกสารบางอย่างเกี่ยวกับถังจื่อโม่ที่กู้หวูส่งมาให้เขา นัยน์ตาคู่นั้นค่อยๆหรี่ลง…..