ใครก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเย่ซือเฉินจะไม่ถูกความสามารถอันยิ่งใหญ่ขององค์กรโกสต์ซิตี้ดึงดูด
แน่นอนว่าไป๋หยิงยิ่งหวังว่าจะเย่ซือเฉินจะถูกดึงดูด เมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะสามารถทำให้เวินลั่วฉิงอึดอัดใจ ทำให้เวินลั่วฉิงทรมาน ยิ่งทำให้เวินลั่วฉิงขาดความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่
“ฉันมีไอเดียที่ดีมากแล้ว หลังจากกลับไป ฉันจะบอกเธอว่าจะทำยังไง” ทีแรกไป๋หยิงดูหมิ่นเฉิงโหรวโหรวในใจ เวลานี้จู่ๆก็คิดบวกมากกว่าเฉิงโหรวโหรว อีกอย่างเธอยังมีไอเดียดีๆอย่างหนึ่งแล้วด้วย
ไป๋หยิงนึกถึงแผนการของตัวเอง จึงเผยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่เวินลั่วฉิง พร้อมทั้งมองเวินลั่วฉิงด้วยยิ้มอันเลือดเย็น
เธอต้องทำให้เวินลั่วฉิงไม่เหลืออะไร ต้องทำให้เวินลั่วฉิงทรมานให้ถึงที่สุด
เวินลั่วฉิงสัมผัสได้ว่าไป๋หยิงกำลังมองมาที่เธออยู่แล้ว แต่ว่านี่เป็นครั้งแรก เวินลั่วฉิงไม่ได้สนใจไป๋หยิง แม้แต่แวบตาเดียวยังไม่มองไป๋หยิง ยังคงคุยเล่นกับฉู่หลิงเอ๋อเหมือนเดิม
ไป๋หยิงเกลียดจนกัดฟันกรอด ทว่าอยู่กลางงานเลี้ยงของตระกูลเว้ย ตอนนี้เธอไม่กล้าทำตัวเหลวไหลไม่ยั้งคิดอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าไป๋หยิงจะโกรธแค่ไหน ทำได้เพียงอดทนไว้
“ได้ ได้” เฉิงโหรวโหรวกลับไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอื่น แค่ได้ยินไป๋หยิงบอกว่ามีวิธีที่ดี ก็รู้สึกดีใจเป็นพิเศษแล้ว
“ใช่แล้ว เธอสามารถรับประกันได้ไหมว่าแผนการครั้งต่อไปต้องสำเร็จ?” ไป๋หยิงนึกถึงแผนการครั้งนี้ที่พ่ายแพ้ ถึงแม้จะไม่ได้ดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่กลับทำอะไรเวินลั่วฉิงไม่ได้ เฉิงโหรวโหรวจึงยิ่งคิดยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
“วางใจเถอะ ครั้งหน้าต้องประสบความสำเร็จแน่” ไป๋หยิงรู้สึกมั่นใจแผนการในใจของเธอมาก เธอเชื่อว่าครั้งหน้าต้องประสบความสำเร็จ
“ได้ ฉันเชื่อเธออ” เฉิงโหรวโหรวพยักหน้า จึงเลือกที่จะเชื่อไป๋หยิง แน่นอนว่าตอนนี้ถึงแม้เธอจะเป็นเจ้าหญิงแห่งองค์กรโกสต์ซิตี้ นอกจากไป๋หยิง ก็ไม่มีคนช่วยเธอจริงๆ
เธอได้ทำเพียงเลือกเชื่อไป๋หยิง
ไป๋หยิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ยกมุมปากเล็กน้อยแล้วคลี่ยิ้มเย็นชาออกมา
“เอ๊ะ นั่นไม่ใช่ซือถูมู่หรงเหรอ? ซือถููมู่หรงกลับมาร่วมงานเลี้ยงตระกูลเว้ยเหมือนกันเหรอ?” ตอนนี้ไป๋หยูหนิงที่ยืนอยู่ข้างกายเวินลั่วฉิงก็แค่นเสียงแผ่วเบาขึ้นกะทันหัน ไป๋หยูหนิงและซือถูมู่หรงรู้จักกัน และมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว
เวินลั่วฉิงได้ยินเสียงของไป๋หยูหนิง ก็มองไปตามสายตาของไป๋หยูหนิง เวินลั่วฉิงและซือถูมู่หรงไม่ถือว่าสนิทกัน ทว่าเพราะว่าหลิวหยิงและซือถูมู่หรงมีความสัมพันธ์กัน ทำให้เธอต้องสนใจมากขึ้น
ตอนที่เวินลั่วฉิงมองไป บังเอิญเห็นซือถูมู่หรงเพิ่งจะเดินเข้ามาพอดี
ซือมู่ถูหรงไม่ได้มาคนเดียว และข้างกายเขายังควงสาวมาหนึ่งคน ทว่าสาวคนนั้นไม่ใช่หลิวหยิง
ห่างคิ้วของเวินลั่วฉิงอดไม่ได้ที่จะเลิกขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้พูดว่าเหมือนงานเลี้ยงแบบนี้ ฐานะของซือถูมู่หรงจะควงสาวออกงานเป็นเรื่องปกติ ทว่าเวินลั่วฉิงนึกถึงหลิวหยิง ภายในใจก็รู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ
และอีกด้านของซือถูมู่หรงยังมีหญิงวัยกลางคนที่ดูสูงสง่าคนหนึ่งอยู่
“ซือถูมู่หรงกลับพามู่ฉู่ฉู่มาร่วมงานเลี้ยงด้วยเหรอ?” ไป๋หยูหนิงรู้จักสาวที่ซือถูมู่หรงควงออกงาน จากน้ำเสียงของไป๋หยูหนิง เวินลั่วฉิงฟังออกว่ามรความค่อนข้างแปลก
“มีปัญหาอะไรเหรอ?” เวินลั่วฉิงไม่เคยเป็นคนที่ขี้สงสัย ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลิวหยิง เธอจึงไม่ถามไม่ได้
“ก็ไม่มีปัญหาอะไร คือว่าความสัมพันธ์ของมู่ฉู่ฉู่และซือถูมู่หรงค่อนข้างพิเศษ ตระกูลมู่และตระกูลซือถูถือว่ามีสัญญางานสมรส ถึงแม้จะไม่ได้หมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการ ก็ไม่ได้แพร่งพรายให้โลภภายนอกรู้ ทว่าพวกเราที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับซือถูมู่หรงต่างก็รู้”
ไป๋หยูหนิงทำนัยน์ตาเป็นประกาย “ทว่า แต่ก่อนซือถูมู่หรงเหมือนจะหลบเลี่ยงมู่ฉู่ฉู่มาตลอด เหมือนงานสาธารณะแบบนี้ ก่อนหน้านี้ซือถูมู่หรงไม่เคยพามู่ฉู่ฉู่มาออกงานแบบนี้ หรือว่าตอนนี้ซือถูมู่หรงจะสู่ขอมู่ฉู่ฉู่แล้ว?”
เวินลั่วฉิงได้ยินคำพูดของไป๋หยูหนิง นัยน์ตาคู่นี้หรี่ลงเล็กน้อย ซือถูมู่หรงจะสู่ขอมู่ฉู่ฉู่?
แล้วหลิวหยิงล่ะ?
ตั้งแต่งานเลี้ยงตระกูลถังครั้งที่แล้ว เวินลั่วฉิงดูออกว่าความสัมพันธ์ของซือถูมู่หรงและหลิวหยิงไม่ธรรมดา เธอก็เคยถามหลิวหยิง ทว่าหลิวหยิงก็ไม่อยากพูด เธอก็ไม่อยากบังคับ
และหลิวหยิงยิ่งไม่พูด ทว่าก็หมายความว่าหลิวหยิงและซือถูมู่หรงยิ่งซับซ้อน
ตอนนั้นในงานเลี้ยงตระกูลถัง แม้กระทั่งซือถูมู่หรงยังจูบหลิวหยิงต่อหน้าสาธารณชน ทันทีที่เห็นก็รู้ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด
“หญิงวัยกลางคนที่สูงสง่าที่อยู่อีกข้างของซือถูมู่หรงนั่นคือแม่ของซือถูมู่หรง คุณหญิงซือถู” ไป๋หยูหนิงเห็นคุณหญิงซือถู จึงแนะนำขึ้นคร่าวๆ
ขณะที่ไป๋หยูหนิงพูด ได้หันไปมองเวินลั่วฉิง พอเห็นสีหน้าของเวินลั่วฉิงดูผิดปกติ เธอจึงนิ่งงันไปอย่างเห็นได้ชัด “ฉิงฉิง เธอเป็นอะไร?”
“ไม่เป็นไร” เวินลั่วฉิงได้สติกลับมา แล้วยิ้มบางๆ
และเวลานี้ซือถูมู่หรงก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว และเดินมาตรงหน้าพวกเธอแล้ว
“ฉันไปทักทายหน่อย” ไป๋หยูหนิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับซือถูมู่หรง ตอนเจอหน้ากันก็ต้องทักทายกันอยู่แล้ว
“คุณป้า ไม่เจอกันตั้งนาน ท่านดูสวยขึ้นเยอะเลยค่ะ” ไป๋หยูหนิงเป็นคนที่มีกาลเทศะ มีผู้ใหญ่อยู่ จึงเป็นฝ่ายที่ทักทายผู้ใหญ่ก่อนอยู่แล้ว”
“ยัยหนูคนนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งปากหวานแล้ว” คุณหญิงซือถูมองไปที่ไป๋หยูหนิง สีหน้าดูร่าเริงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด “หนูไม่ได้มาเยี่ยมคุณป้านานแล้ว”
“หนูทำงานยุ่งๆ หน่อยค่ะ” ไป๋หยูหนิงพูดคำนี้ออกมาจากใจจริง หลายปีนี้เธอยุ่งมาตลอดจริงๆ
ไป๋หยูหนิงไม่อยากถูกคุณหญิงซือถูซักถามอีก จึงได้หันไปทางฝั่งซือถูมู่หรงและมู่ฉู่ฉู่
“ซือถู ฉู่ฉู่ พวกคุณมาแล้วเหรอ” ไป๋หยูหนิงและซือถูมู่หรงและมู่ฉู่ฉู่มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว ถือว่าเป็นเพื่อนเก่ากันแล้ว
ซือถูมู่หรงมองไป๋หยูหนิง เห็นได้ชัดอย่างชัดเจนว่าคาดคิดไม่ถึง “เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง รุ่นพี่คนนั้นของเธอล่ะ?”
ซือถูมู่หรงรู้เรื่องของไป๋หยูหนิง ซือถูมู่หรงรู้ว่าหลายปีมานี้ไป๋หยูหนิงยุ่งกับงานตลอดมา จึงไม่มีเวลามาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้อยู่แล้ว
นอกจากมาเป็นเพื่อนรุ่นพี่คนนั้นของเธอ ทว่าซือถูมู่หรงแค่เห็นไป๋หยูหนิง กลับไม่เห็นซือถูมู่หรงและเหมียวเหยียน ดังนั้นเลยค่อนข้างแปลกใจ
มุมปากของไป๋หยูหนิงยกขึ้นเล็กน้อย ทว่ากลับไม่ได้พูดมากอะไร
“หนิงหนิง เธอก็อายุไม่น้อยแล้ว ได้เวลาแต่งงานแล้ว ยังไม่มีแฟนอีกเหรอ?” สายตาของคุณหญิงซือมู่มองไป๋หยูหนิงอย่างเป็นมิตร และดูเมตตามาก ดูออกว่าเธอชอบไป๋หยูหนิงอย่างมาก
ไป๋หยูหนิง “……”
สำหรับคำถามนี้ ทันใดนั้นไป๋หยูหนิงกลับไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี
ตอนนี้เธอถือว่ามีแฟนไหม?
ก่อนหน้านี้รุ่นพี่เพิ่งจะสารภาพรักกับเธอ เธอก็ชอบรุ่นพี่ ความสัมพันธ์ของเธอกับรุ่นพี่ก็ถือว่าชัดเจนแล้ว งั้นเธอน่าจะถือว่ามีแฟนแล้วหรือเปล่า?
แต่ว่า ตอนนี้เธอกลับยังไม่ได้จัดการกลับสิ่งที่คุุุณฟู่ตกลงกับเธอไว้ ยังจำเป็นต้องอยู่ข้างกายของคุณฟู่ต่อ ยังไม่สามารถและไม่ถือว่าคบกับรุ่นพี่อย่างเป็นทางการ
“หนิงหนิง หนูก็ต้องคิดถึงเหตุการณ์สำคัญชั่วชีวิตแล้ว” คุณหญิงซือถูพูดเตือนด้วยความลึกซึ้ง
คุณหญิงซือถูยิ้มๆ จากนั้นก็ดึงมู่ฉู่ฉู่ที่อยู่ข้างๆมา “หรงเอ๋อและฉู่ฉู่ใกล้จะแต่งงานแล้วนะ”
คุณหญิงซือถูพูดคำนี้ออกมานั้นดูออกว่าต้องการอวด ทว่ากลับให้ความรู้สึกที่ผิดปกติ
มู่ฉู่ฉู่ได้ยินคำพูดของคุณหญิงซือถูแล้ว ใบหน้าแดงระเรื่อทันที แล้วก้มหน้าด้วยความเขินอาย
“แม่……” ซือถูมู่หรงกลับทำสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน น้ำเสียงเย็นชาอย่างชัดเจนด้วย
“จริงเหรอ? พวกคุณจะแต่งงานกันแล้วเหรอ?” ไป๋หยูหนิงตะลึงงัน และค่อนข้างคาดคิดไม่ถึง ทว่ากลับรู้สึกตื่นเต้นดีใจด้วย “สุดท้ายพวกคุณก็ได้แต่งงานกันสักที ยินดีด้วยนะ”
ในฐานะที่เป็นเพื่อน แน่นอนว่าเสียงแสดงความยินดีของไป๋หยูหนิงก็ต้องมาจากใจจริง
ซือถูมู่หรงทำนัยน์ตาที่หม่นหมองเล็กน้อย เขาหันไปมองเวินลั่วฉิงเพียงปราดเดียว ในงานเลี้ยงตระกูลถังในครั้งนั้น ซือถูมู่หรงรู้ความสัมพันธ์ของเวินลั่วฉิงและหลิวหยิงแล้ว
เวินลั่วฉิงเห็นซือถูมู่หรงมองเธอ จึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเดินหน้าไปสองก้าว แล้วมองซือถูมู่หรง พร้อมยิ้มจางๆ “คุณซือถู ยินดีด้วยค่ะ”
เสียงแสดงความยินดีของเวินลั่วฉิง มีความหมายโดยนัยแอบแฝงอย่างชัดเจน
ซือถูมู่หรงได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าจึงมัวหมองลง นัยน์ตามีความกังวลแอบแฝง
วันนี้เขาถูกแม่เรียกให้มาร่วมงานเลี้ยงตระกูลเว้ยกะทันหัน ตระกูลพวกเขาและตระกูลเว้ยมีธุรกิจที่ต้องทำให้ไปมาหาสู่ทางกัน อีกอย่างเขาก็อยากจะร่วมงานกับตระกูลเว้ยให้มากขึ้นในวันข้างหน้า ดังนั้นจึงรีบมาทันที
ตอนที่เขารีบมาถึงเมืองจิ๋น คุณหญิงซือถูก็ถึงโรงแรมแล้ว และรอเขาที่งานเลี้ยงในโรงแรม
ทว่าซือถูมู่หรงนึกไม่ถึงว่าคุณหญิงซือถูจะพามู่ฉู่ฉู่มาด้วย ด้านนอกงานเลี้ยงในโรงแรม ซือถูมู่หรงก็ไม่มีทางไล่มู่ฉู่ฉู่กลับ
ทว่าซือถูมู่หรงนึกไม่ถึงว่าจะเจอกับเวินลั่วฉิงที่นี่ ซือถูมู่หรงยิ่งนึกไม่ถึงว่าแม่ของเขาจะบอกว่าเขากับมู่ฉู่ฉู่ต่อหน้าเวินลั่วฉิง
ซือถูมู่หรงรู้ดีว่าเวินลั่วฉิงทนดูเรื่องไม่ถูกหลักทำนองคลองธรรมไม่ได้ ดังนั้น….