ซือถูมู่หรงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีพายุลูกใหญ่รอเขาอยู่……
“ฉิงฉิง ผู้หญิงของซือถูคือเพื่อนของเธอ”เมื่อไป๋หยูหนิงเห็นว่าซือถูมู่หรงออกไปแล้ว เธอก็หันกลับไปหาเวินลั่วฉิงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย
“อื้ม”เวินลั่วฉิงรู้สึกหนักใจอยู่เล็กน้อยเพราะเรื่องของหลิวหยิง เธอจึงตอบออกไปเสียงเบา
ไป๋หยูหนิงมองไปที่เวินลั่วฉิง มุมปากเธอกระตุกขึ้นมาเบาๆเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในขณะเดียวกันก็ลังเลที่จะพูดออกไป
“เธอจะพูดอะไร?พูดออกมาเถอะ”เวินลั่วฉิงเห็นไป๋หยูหนิงทำท่าอึกอักจะพูดก็ไม่พูด เธอขมวดคิ้วขึ้น ดูท่าเรื่องที่ไป๋หยูหนิงจะพูดคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่
“จู่ๆฉันก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้”ไป๋หยูหนิงเม้มปากแน่น แล้วกดเสียงต่ำลงเล็กน้อย“ห้าปีที่แล้ว ข้างกายซือถูมู่หรงมีผู้หญิงมาอยู่ด้วยหนึ่งคน แต่ว่าเรื่องนี้ไม่มีใครรู้มากนัก ฉันก็ไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง แต่ฉันได้ยินเพื่อนเล่ามา”
ไป๋หยูหนิงทิ้งช่วงหยุดไปเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นถึงได้พูดออกมาอีกครั้ง“ฉันจำได้ตอนนั้นเพื่อนของฉันบอกว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ซือถูมู่หรงซื้อตัวกลับมา ซื้อมาอยู่ด้วยตั้งห้าปี……”ไป๋หยูหนิงพูดยังไม่ทันจบ แต่ก็รู้สึกว่าพูดต่อไม่ได้แล้ว ทว่าสิ่งที่เธอต้องการสื่อสารออกไปมันก็ชัดเจนมาก
“อะไรนะ?ซื้อตัวกลับมางั้นหรอ?สมัยนี้ยังซื้อตัวคนแบบนี้ได้ด้วยหรอ?”เดิมฉู่หลิงเอ๋อเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว พอได้ยินที่ไป๋หยูหนิงพูดจึงโมโหขึ้นมาทันที
เดิมเวินลั่วฉิงนั้นค่อนข้างเย็นชา แต่เมื่อได้ยินที่ไป๋หยูหนิงพูดสีหน้าของเธอก็เงียบขรึมลงมากกว่าเดิมอีก
“ฉิงฉิง ฉันไม่รู้ว่าผู้หญิงในตอนนั้นเป็นเพื่อนเธอรึเปล่า หรือ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ หรือไม่งั้นมันก็คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”เมื่อไป๋หยูหนิงเห็นสีหน้าของเวินลั่วฉิงก็รู้สึกขนลุกขนชันขึ้นมาทันที เธอรู้จักกับเวินลั่วฉิงมาค่อนข้างนานพอสมควร และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นเวินลั่วฉิงเป็นแบบนี้
“เธอรู้อะไรอีกไหม?”เวินลั่วฉิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงแม้ตอนนี้เธอจะดูเหมือนว่าสงบ แต่น้ำเสียงของเธอมันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีบางอย่างแปลกไป
มิน่าล่ะหลิวหยิงถึงเลี่ยงที่จะคุยด้วย ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้จริงๆ หลิวหยิงจะพูดออกมาได้ยังไง
เมื่อกี้ซือถูมู่หรงก็ไม่พูดอะไรออกมา เพราะฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ที่มันจะเป็นเรื่องจริงจึงมีเพิ่มมากขึ้น
เวินลั่วฉิงรู้สึกเจ็บใจมาก และรู้สึกเจ็บใจแทนหลิวหยิง หลิวหยิงเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีและไร้เดียงสาขนาดนั้น ทำไมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยนะ
ซือถูมู่หรงทำแบบนี้กับหลิวหยิงได้ยังไง?
“ดูเหมือนว่าตอนนั้นครอบครัวของผู้หญิงคนนั้นจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น ซือถูมู่หรงจึงออกเงินให้ จากนั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ตกปากยอมรับมาอยู่กับซือถูมู่หรงเป็นเวลาห้าปี”น้ำเสียงของไป๋หยูหนิงแผ่วลงทันที พอเห็นสีหน้าของเวินลั่วฉิงในตอนนี้เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย ที่จริงเธอก็รู้สึกละอายใจนิดหน่อย เพราะยังไงซือถูมู่หรงก็เป็นเพื่อนของเธอ
“นี่มันฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นกำลังตกอยู่ในอันตรายชัดๆเลยนี่นา”ฉู่หลิงเอ๋อเบิกตาโพลง แล้วทำหน้าเหลือเชื่อออกมา
เวินลั่วฉิงค่อยๆหลับตาลงทีละน้อย เธอพึ่งกระดกเครื่องดื่มไปหนึ่งอึก แต่ตอนนี้มือของเธอกำลังจับแก้วไว้แน่น ใครเห็นก็คงตกใจแน่
ไป๋หยูหนิงรู้สึกว่าถ้าซือถูมู่หรงอยู่ที่นี่ตอนนี้ เวินลั่วฉิงอาจจะพุ่งเข้าไปต่อยซือถูมู่หรงเข้าซักตั้งแล้วแน่นอน
ไม่ แค่ต่อยซือถูมู่หรงซักตั้งมันยังน้อยไป!!
“อีกทั้ง ตอนนั้นซือถูมู่หรงก็ช่วยแก้ไขปัญหาของครอบครัวผู้หญิงคนนั้นแล้วด้วย”ไป๋หยูหนิงคิดดูอีกที แล้วพูดแทนซือถูมู่หรงออกไป เพราะไม่งั้นต่อจากนี้ซือถูมู่หรงคงจะน่าสงสารมาก
“เธอไม่คิดว่าเรื่องนี้มันมีบางอย่างแปลกๆหรอ?”จู่ๆเวินลั่วฉิงก็หันขวับมามองไป๋หยูหนิง นัยน์ตาของเธอฉายแววความเย็นชาออกมาเล็กน้อย
“อะไรนะ?”ไป๋หยูหนิงไม่ได้ตอบกลับทันที เพราะว่าถูกเวินลั่วฉิงจ้องจนขาดความมั่นใจ
“เธอเป็นเพื่อนกับซือถูมู่หรง เพราะงั้นเธอคงจะรู้จักเขาดี ซือถูมู่หรงจะยอมควักเงินออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่มีเหตุผลได้จริงๆหรอ?”ถึงแม้เวินลั่วฉิงจะไม่สนิทกับซือถูมู่หรง แต่เธอดูคนออก ถึงแม้จะเคยเจอซือถูมู่หรงแค่สามครั้ง เธอก็รู้ได้เลยว่าซือถูมู่หรงไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น
และซือถูมู่หรงก็ไม่ใช่คนที่ชอบดูแลหรือทำตัวติดกับผู้หญิงอะไรขนาดนั้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ซือถูมู่หรงจะไปช่วยจัดการปัญหาในบ้านของเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่มีเหตุผล
“ไม่นะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาได้ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง”ไป๋หยูหนิงอึ้งไปนิดหน่อย แต่ก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว เธอรู้จักซือถูมู่หรงมาตั้งแต่เด็ก เพราะงั้นจึงถือว่ารู้จักซือถูมู่หรงเป็นอย่างดี
“หรือว่าจู่ๆจะฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้?”ไป๋หยูหนิงคิดไปคิดมาก็พูดเสริมเข้าไปอีก“บางครั้งผู้ชายก็มักจะใจร้อน”
“ซือถูมู่หรงเนี่ยนะจะเป็นคนใจร้อน?”เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย การที่ผู้ชายใจร้อนมันเป็นเรื่องปกติ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ผู้ชายอย่างซือถูมู่หรงแน่ๆ
“และถึงแม้ว่าซือถูมู่หรงจะฉุกขึ้นขึ้นมาได้แล้วควักเงินของตัวเองออกมาแก้ปัญหาทางบ้านให้กับผู้หญิง แต่แล้วทำไมจะต้องเสนอเงื่อนไขแบบนั้นออกมา?เธอเป็นคนในสเปกของซือถูมู่หรงหรอ?”เวินลั่วฉิงรู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายเหมือนอย่างที่พวกเธอเห็นแน่นอน
“ไม่ ซือถูมู่หรงไม่ใช่คนที่ประเภทที่หมกมุ่นในตัวผู้หญิง อีกอย่างเขาก็ไม่เคยมีน้ำใจต่อผู้หญิง และไม่เคยให้ผู้หญิงเข้าใกล้ เท่าที่ฉันรู้ เขาโตขนาดนี้เขายังไม่เคยมีแฟนเลยด้วยซ้ำ”ไป๋หยูหนิงส่ายหน้าไปมาช้าๆ สถานการณ์ที่ฉิงฉิงพูดมาล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับซือถูมู่หรง
“เพราะงั้นที่ซือถูมู่หรงทำแบบนี้เขาต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่ๆ หรือควรจะพูดว่าซือถูมู่หรงเป็นคนไปหาเพื่อนของเธอเอง”ไป๋หยูหนิงถอนหายใจออกมาเบาๆ แสดงให้เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่อยากยอมรับ แต่เท่าที่วิเคราะห์กันในตอนนี้มันก็มีความเป็นไปได้ทางนี้เท่านั้น
“ซื้อตัวคนมาในตอนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย แถมยังให้หล่อนติดตามเขาด้วยความอับอายมาตั้งห้าปีโดยไร้นามไร้สถานนะ นี่มันไม่ใช่ความรักแน่ๆ เกรงว่าน่าจะเป็นความแค้นซะมากกว่า”ริมฝีปากของฉู่หลิงเอ๋อกระตุกขึ้นมาทันที แล้วพูดเสริมไป๋หยูหนิงออกมา
“แค้นงั้นหรอ?เธอหมายความว่าที่ซือถูมู่หรงทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อแก้แค้นผู้หญิงคนนั้นหรอ?”ไป๋หยูหนิงเบิกตาโพลง“ปะ เป็นไปไม่ได้น่า?!”
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เรื่องมันก็คงรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แล้วสถานการณ์ก็จะยิ่งแย่ลงไปอีก!!
ถ้าเกิดว่าซือถูมู่หรงทำเรื่องแบบนั้นกับหล่อนจริงๆ แน่นอนว่าคงไม่อาจให้อภัยได้
“ฉันรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้มาก เกรงว่าซือมู่หรงคงจะวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็โชคร้ายตกลงไปในหลุมพรางของซือถูมู่หรง”ฉู่หลิงเอ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนฉลาด พอคิดวิเคราะห์เรื่องมาถึงตอนนี้จึงเริ่มเข้าใจทุกอย่างแล้ว
เรื่องนี้มันชันเจนพอสมควร
“ตอนนี้ฉันสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นรู้ไหมว่าตัวเองตกลงไปในหลุมพรางของซือถูมู่หรง?”ฉู่หลิงเอ๋อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ถามออกมาอีกครั้ง
“ฉิงฉิง เพื่อนคนนั้นของเธอรู้ตัวไหม?หรือว่าพวกเราควรไปถามดีว่าเพื่อนของเธอรู้มากแค่ไหน?”ถึงแม้ปกติฉู่หลิงเอ๋อจะชอบเรื่องสนุกๆ แต่ตอนนี้เป็นเพราะคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เป็นเพื่อนของเวินลั่วฉิง และเธอก็ดูออกว่าฉิงฉิงให้ความสำคัญกับเพื่อนคนนี้มาก
ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเธอคงไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเฉยๆได้?!
“เธอคงรู้ไม่มาก”เวินลั่วฉิงที่กำลังหรี่ตาลงนัยน์ตาฉายแววบางอย่างออกมาแวบหนึ่ง เท่าที่เธอรู้จักหลิวหยิง หลิวหยิงคงจะยังไม่รู้อะไรมาก
ถ้าเกิดว่าหลิวหยิงรู้ว่าซือถูมู่หรงเป็นคนวางแผนทั้งหมดนี่ และถ้าเกิดรู้ว่าซือถูมู่หรงเป็นศัตรู หลิวหยิงก็คงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากซือถูมู่หรงแน่ และก็คงไม่ตามติดซือถูมู่หรงมาเป็นเวลาตั้งห้าปีหรอก
ดังนั้นเวินลั่วซีจึงเดาว่า ตอนนั้นที่บ้านของหลิวหยิงมีเรื่อง ซือถูมู่หรงจึงเข้าไปช่วยหลิวหยิงแก้ไขปัญหาในบ้าน จากนั้นหลิวหยิงจึงยอมตกปากรับคำว่าจะติดตามเขาเป็นเวลาห้าปี สิ่งที่หลิวหยิงรู้คงจะมีเท่านี้
หลิวหยิงเป็นคนสวย ซึ่งหล่อนเป็นคนสวยมาตั้งแต่เด็ก แถมยังไร้เดียงสา และตอนนั้นอาจเป็นเพราะหลิวหยิงยังไร้เดียงสาก็เลยคิดว่าซือถูมู่หรงหลงใหลในความงามของหล่อน
“นี่ซือถูมู่หรงไปหลอกผู้หญิงหรอเนี่ย?”ฉู่หลิงเอ๋อพูดเสียงสูงขึ้นมานิดหน่อย แถมน้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความโกรธ
“ฉิงฉิง ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของเธอ ฉันรู้สึกว่าเธอควรจะไปคุยกับเพื่อนสักหน่อย อย่าปล่อยให้เพื่อนของเธอถูกซือถูมู่หรงหลอกเลย”ฉู่หลิงเอ๋อเป็นคนใจร้อน เพราะงั้นเธอจึงไม่สามารถอดทนกับเรื่องนี้ได้
เวินลั่วฉิงก็รู้สึกโกรธอยู่ในใจ มีอยู่แวบหนึ่งที่เธออยากจะโทรไปหาหลิวหยิงแล้วคุยกับหลิวหยิงให้รู้เรื่องรู้ราวซะ แต่เวินลั่วฉิงก็ห้ามใจตัวเองไว้ได้
ลักษณะท่าทีของซือถูมู่หรงก่อนหน้านี้ทำให้เธอเข้าใจได้ทันที ไม่ว่าห้าปีก่อนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ซือถูมู่หรงดูจะสนใจหลิวหยิงจริงๆ
ถ้าเกิดตอนนี้ซือถูมู่หรงรักหลิวหยิง แล้วยอมมอบความสุขให้กับหลิวหยิงล่ะ เธอจะทำลายมันทั้งหมดจริงๆหรอ?
อีกอย่างตอนนี้เธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหลิวหยิงคิดยังไงกับซือถูมู่หรงกันแน่ ยังไงทั้งสองก็อยู่ด้วยกันมาตั้งห้าปี ถ้าจะบอกว่าไม่มีความรู้สึกใดๆต่อกันมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้แน่นอน