“คุณชายน้อยอย่าวู่วามครับ”กู้หวูร้อนรน พุ่งเข้าไปห้ามถังจื่อโม่
เดิมที่ถังจื่อโม่ยังไม่ได้กดปุ่ม เมื่อกู้หวูกระโจนเข้าหา นิ้วมือก็สะดุดกดปุ่มโทรออก
ถังจื่อโม่มองไปยังกู้หวู ดวงตากะพริบรัวๆต่อเนื่อง ใบหน้าหมดคำจะพูด ถังจื่อโม่ยังใช้แววตามองกู้หวูราวกับปัญญาอ่อนอีกด้วย
ไอ้ลาโง่นี้ทำอะไร?
“ไอ้หยา รีบวางสายครับ รีบวางสายเร็ว”กู้หวูเห็นโทรออกไปแล้วก็ตกใจจนอึ้ง สมองไม่หมุนกะทันหัน ไม่ได้คิดอะไรก็กดวางสายเสียเลย
ถังจื่อโม่มองกู้หวู มุมปากกระตุกด้วยจิตใต้สำนึก สมองคนนี้มีปัญหาหรือเปล่า?
เวลานี้เขาวางสาย คุณแม่ต้องกังวลใจแน่
เย่ซือเฉินกวาดสายตามองกู้หวูเรียบๆแวบหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นแวบหนึ่งที่เรียบเฉย ทว่ากลับมีความหมายอันลึกซึ้ง
กู้หวูตัวแข็งทื่อ ยืนซื่ออยู่อย่างนี้ด้วยใบหน้ามึนงง
เขาคือใคร?เขาอยู่ไหน?เมื่อกี้เขาทำอะไรลงไป?
เมื่อสบตาความเรียบเฉยของลูกพี่แวบนี้ ร่างกายกู้หวูก็สั่นเทิ้มอย่างแจ่มชัด สองขาอ่อนแรงเกือบจะล้ม
และเวลาเดียวกันมือถือถังจื่อโม่ดังขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้มือถือยังอยู่ในมือถังจื่อโม่อยู่ มองแวบแรกก็เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากคุณแม่บังเกิดเกล้าของเขาผู้ซึ่งเขาเคารพรัก
ถังจื่อโม่จ้องเขม็งกู้หวู จากนั้นก็มองไปยังเย่ซือเฉิน
“รับสาย”เย่ซือเฉินไม่ชักช้าและไม่ได้ลังเลสักนิด กล่าวประโยคง่ายๆและตรงไปตรงมา
เมื่อสักครู่ถังจื่อโม่โทรไปแล้ววางสายเลย เวินลั่วฉิงต้องกังวลใจแน่นอน ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงโทรกลับมาโดยเฉพาะ หากเวลานี้ถังจื่อโม่ไม่รับสาย เธอก็จะยิ่งกังวลใจมากขึ้น
ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาอยากขัดขวางไม่ให้ถังจื่อโม่ฟ้องเวินลั่วฉิง แต่เขาปล่อยให้เวินลั่วฉิงกังวลใจไม่ได้ ดังนั้นจำเป็นต้องรับสายนี้
บัดนี้กู้หวูยืนตัวแข็งด้วยใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก ฉิบหายแล้ว ฉิบหายแล้ว คุณนายโทรมาแล้ว ครั้งนี้เขาตายแน่
มุมปากถังจื่อโม่ยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็กดปุ่มรับสาย ถังจื่อโม่ใคร่ครวญดูแล้วก็กดปุ่มลำโพง
“ลูกรักทำไมเหรอ?มีอะไรเหรอคะ?”เมื่อรับสายเสียงอ่อนโยนของเวินลั่วฉิงก็ส่งมา ฟังแล้วรู้สึกสบายกายสบายใจเป็นพิเศษ
กู้หวูรีบหันไปมองถังจื่อโม่อย่างรวดเร็ว จ้องถังจื่อโม่อย่างจดจ่อ พลางส่ายหัวให้ถังจื่อโม่แรงๆ สื่อให้รู้ว่าอย่าบอกเรื่องลักพาตัว
บัดนี้ดวงตาคุณชายสามเย่ก็มองแต่ถังจื่อโม่ตลอด แน่นอน คุณชายสามเย่คงทำเหมือนกู้หวูไม่ได้ คุณชายสามเย่ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น
ทว่าแววตาของคุณชายสามเย่ระคนความตึงเครียดและความกังวลไว้หลายส่วน
“คุณแม่ครับใครสำคัญที่สุดในใจคุณแม่ครับ?”ถังจื่อโม่ไม่ได้บอกเรื่องลักพาตัวโดยตรง และเป็นการตั้งคำถามเรื่องอื่น
“หา?”เวินลั่วฉิงที่อยู่ปลายสายไม่ค่อยเข้าใจ“ทำไมจู่ๆลูกรักถึงถามอย่างนี้ล่ะ?”
“ผมแค่อยากรู้ว่าใครสำคัญที่สุดในใจคุณแม่ครับ คือผมกับน้องสาว หรือเย่ซือเฉิน?”บัดนี้ถังจื่อโม่จงใจกระทำ ดังนั้นระหว่างที่ถาม ยังจงใจมองเย่ซือเฉินแวบหนึ่ง
“……ลูกกับน้องสาวสำคัญที่สุดค่ะ……”เวินลั่วฉิงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมลูกชายถึงโทรมาถามอย่างนี้โดยเฉพาะ แต่เวินลั่วฉิงครุ่นคิดดูแล้วก็ตอบ คำตอบของคำถามนี้ง่ายมาก ลูกของเธอทั้งสองคนสำคัญที่สุดอยู่แล้ว
เพียงแต่เวินลั่วฉิงตอบโดยไม่หยุดแม้แต่เสี้ยวนาที
ถังจื่อโม่ได้ยินเวินลั่วฉิงตอบก็จงใจมองเย่ซือเฉินอีกครั้ง ซึ่งแววตาเจือความโอ้อวดไว้อย่างฉายชัด
สีหน้าเย่ซือเฉินเคร่งขรึมเล็กน้อย คุณชายสามเย่บอกกับตัวเองว่า อย่าให้เกิดศึกชิงรักหักสวาทกับลูกสาวลูกชายตัวเองด้วยคำตอบนี้
“คุณแม่ครับผมมีเรื่องจะบอก”ถังจื่อโม่ครุ่นคิดดูแล้วก็ปรับน้ำเสียง จากนั้นก็เอ่ยปากอีกครั้ง
“เรื่องอะไร?”เสียงของเวินลั่วฉิงเจือรอยยิ้มไว้หลายส่วน น้ำเสียงยิ่งอ่อนโยนมาก
“คุณแม่ครับผมถูกลักพาตัว”ถังจื่อโม่เป็นเด็กฉลาดเฉียบแหลม ถังจื่อโม่ยังรู้จักแม่ของตัวเองเป็นอย่างดี ถังจื่อโม่รู้ว่าปิดเรื่องนี้กับคุณแม่ไม่ได้แน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เขาโทรไปหาแล้ว
หากตอนนี้เขาไม่บอกเรื่องถูกลักพาตัวให้คุณแม่ทราบ พอคุณแม่รู้ทีหลังก็จะตำหนิเขาได้
ดังนั้นเขาตัดสินใจพูดออกมาตรงๆ สำหรับเย่ซือเฉินจะเจอจุดจบอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องทุกข์ใจ
ถังจื่อโม่รู้สึกว่าเย่ซือเฉินโดนคุณแม่โกรธ ดีกว่าเขากับเย่ซือเฉินโดนคุณแม่ดุว่าด้วยกันสองคน
ถังจื่อโม่รู้สึกว่าสถานการณ์เช่นนี้เอาตัวรอดได้หนึ่งคนก็หนึ่งคน แน่นอน สถานการณ์แบบนี้เด็กน้อยถังจื่อโม่เลือกที่จะช่วยตัวเองอยู่แล้ว
“ลูกว่าอะไรนะ?”อีกฝั่งหนึ่งของสาย เสียงของเวินลั่วฉิงเปลี่ยนทันที ไม่ได้อ่อนโยนและไม่ได้เจือเสียงยิ้มไว้เหมือนเดิมแล้ว ปกติเธอเป็นคนสุขุมใจเย็น ตอนนี้กลับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ น้ำเสียงเปลี่ยนจากเดิมหมด ตอนนี้เธอตกใจจริงๆ
หลังเสียงร้องอุทานของเวินลั่วฉิงก็ส่งเสียงปังมาหนึ่งครั้ง คงเป็นเพราะเวินลั่วฉิงตื่นตระหนกจนทำของตกหล่น
คุณชายสามเย่มองถังจื่อโม่ด้วยดวงตาที่หรี่ขึ้น เผยรังสีอันตรายหลายส่วนอย่างเด่นชัด ไอ้เด็กบ้านี้อยากเจอดีใช่ไหม?ถึงกับกล้าทำให้ภรรยาของเขาตกใจ?
ถึงจื่อโม่สบตาของคุณชายสามเย่ แต่ไหนแต่ไรเขาจะเป็นคนที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ตอนนี้เขาอดขดตัวด้วยจิตใต้สำนึกไม่ได้ แววตาของเย่ซือเฉินตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน
เชอะ คิดจะขู่ขวัญเขา?ถังจื่อโม่อยากเขาเติบโตจากความหวาดกลัวหรอกเหรอ?
“แม่ครับ เย่ซือเฉินเป็นคนลักพาตัวผมครับ”ถังจื่อโม่รีบเสริมหนึ่งประโยคกับคู่สายสนทนา
“ลูกไม่ต้องกลัวนะ แม่จะไปช่วยลูกเดี๋ยวนี้ ลูกรู้ไหมว่าตอนนี้ลูกอยู่ไหน?”เวินลั่วฉิงตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะ ดังนั้นไม่เข้าใจความหมายของถังจื่อโม่ทันทีทันใด ตอนนี้เธอร้อนใจอยากไปช่วยลูกชายตัวเองท่าเดียว
“แม่ครับ เย่ซือเฉินเป็นคนลักพาตัวผมครับ”ถังจื่อโม่แอบถอนหายใจ รีบพูดซ้ำอีกรอบ ถังจื่อโม่รู้ตัวว่าหากเขายังไม่บอกแม่ให้ชัดเจนจนทำให้แม่ต้องเป็นห่วง คาดว่าเย่ซือเฉินคงใช้สายตาฆ่าเขาตายแน่
ตอนนี้สายตาที่เย่ซือเฉินจ้องเขานั้นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
“อะไรนะ?ลูกว่าอะไรนะ?ลูกบอกว่าใครนะ?”ครั้งนี้เวินลั่วฉิงได้สติ เข้าใจคำพูดของถังจื่อโม่แล้ว เธอฟังเข้าใจ แต่ก็ไม่อยากเชื่ออย่างเด่นชัด
“เย่ซือเฉินลักพาตัวลูกเหรอ?”เวินลั่วฉิงไล่ถามแนวหยั่งเชิงอีกหนึ่งประโยค
“อืม”ถังจื่อโม่ได้ยินน้ำเสียงคุณแม่ของตนก็สะดุ้งหนึ่งครั้ง รู้สึกหวาดหวั่นที่สุด แน่นอนตอนนี้ถังจื่อโม่กำลังกังวลแทนเย่ซือเฉินอยู่ เพราะตอนนี้คุณแม่โกรธเย่ซือเฉิน ไม่ใช่เขา