“หัวหน้าวางใจได้ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วเลยครับ”ผู้ดูแลจ้งตัดสินใจว่าจะต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะสืบอย่างเร่งด่วนว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลถังเป็นลูกสาวของหัวหน้าหรือไม่?!
ผู้ดูแลจ้งหวังว่าคุณหนูถังคือลูกสาวของหัวหน้า ไม่เช่นนั้นหัวหน้าต้องกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนักหน่วงแน่
ตอนนี้หัวหน้าวาดภาพเหมือนของคุณหญิงเหมือนคุณหนูถัง เพียงพอต่อการบ่งชี้ว่าในใจหัวหน้าหวังอยากให้คุณหนูถังเป็นลูกสาวของเขาเพียงใด
ซ่างกวนหงเงยหน้ากวาดสายตามองเขาเรียบๆปราดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
ผู้ดูแลจ้งประสานตากับหัวหน้าตนเองก็รู้สึกละอายแก่ใจ ถึงแม้หัวหน้าไม่ได้พูดอะไร ทว่าเขายังคงเข้าใจความหมายของหัวหน้าดี
หัวหน้าตำหนิเขาที่ประสิทธิผลของงานต่ำเกินไป เขาจัดการเรื่องนี้ไม่ดีจริงๆ เขาเคยคิดหาหนทางพบหน้าคุณหนูถังมากมาย ทว่าตอนนี้ยังไม่ได้เจอหน้าคุณหนูถังเลย
เขาเคยรับปากว่าจะพาคุณหนูถังมาพบหัวหน้าที่องค์กรโกสต์ซิตี้ ทว่าตอนนี้เขายังไม่อาจทำตามสัญญาได้
“หัวหน้าครับ วันนี้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น พวกเราอยากเชิญคุณหนูถังมาที่องค์กรโกสต์ซิตี้ เกรงว่าคุณหนูถังคงไม่ตอบตกลงแล้วครับ”ผู้ดูแลจ้งทอดถอนหายใจหนึ่งเฮือก เดิมทีก็พบหน้าคุณหนูถังยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาอยากเชิญคุณหนูถังมา เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ซะแล้ว
คุณหนูถังไม่ใช่คนสามัญชนทั่วไป เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญจิตวิทยาด้านอาชญากร มีความระมัดระวังตัวสูง วันนี้ ‘องค์หญิง’องค์กรโกสต์ซิตี้ของพวกเขาไปสร้างความวุ่นวายที่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ป ทั้งยังให้คนของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปโยนออกมา
ตระกูลเย่กับองค์กรโกสต์ซิตี้มีอันต้องเป็นคู่อริกัน กลายเป็นศัตรูกันแล้ว
“ทางนั่นมีการเคลื่อนไหวอะไรไหม?”แววตาซ่างกวนหงมีประกายเย็นเยียบแวบผ่าน น้ำเสียงกลายเป็นเย็นยะเยือกกะทันหัน
ผู้ดูแลจ้งตื่นตกใจ ไม่ใช่เป็นเพราะคำถามของหัวหน้า หากแต่เป็นการตอบสนองของหัวหน้าในยามนี้ ผู้ดูแลจ้งติดตามหัวหน้ามาเกือบสี่สิบปี รู้จักหัวหน้าดี เขาดูออกว่าหัวหน้าไม่สบอารมณ์
หลังจากที่หัวหน้ารับช่วงดูแลองค์กรโกสต์ซิตี้ก็จะโกรธน้อยมาก ถึงแม้ปกติหัวหน้าจะโกรธขึ้ง แต่ก็ไม่แสดงออกมา ถึงแม้จะมีเขาอยู่ข้างกายแค่คนเดียวก็ตามที
ทว่าตอนนี้อารมณ์ของหัวหน้าเด่นชัดมาก หัวหน้าไม่ได้ปิดบังความรู้สึกของตัวเองด้วยซ้ำ
“ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวครับ ดังนั้นไม่รู้ว่าเป็นใครครับ?”ผู้ดูแลจ้งแอบถอนหายใจ ปรับอารมณ์ของตัวเองให้สงบลง
“เขาไม่ออกมาก็คิดหาหนทางล่องูออกจากถ้ำ”ถ้อยคำเย็นเยียบของซ่างกวนหงส่งออกมาทีละคำ อันที่จริงระดับเสียงของเขาไม่ได้ดังเลยสักนิด ทว่าฟังแล้วกลับชวนให้หวาดผวายิ่ง
ผู้ดูแลจ้งชะงัก พลางกะพริบตาเป็นประกายระยิบระยับ ปกติหัวหน้าทำอะไรมักจะมีความอดทนอดกลั้น เรื่องลักษณะนี้หัวหน้าไม่มีทางล่อศัตรูออกมาเด็ดขาด หัวหน้าไม่เคยทำอย่างนี้มาก่อน
ทว่าตอนนี้หัวหน้ากลับให้เขาคิดหาหนทางล่องูออกจากถ้ำ ผู้ดูแลจ้งคิดความเป็นไปได้แค่สาเหตุเดียว ซึ่งก็คือหัวหน้าทำเพื่อคุณหนูถัง
ตอนนี้ศัตรูอยู่ที่ลับ และมีเฉิงโหรวโหรวอยู่ พวกเขาจึงไปหาคุณหนูถังตรงๆไม่ได้ ดังนั้นหัวหน้าอยากล่องูออกจากถ้ำ แล้วทำลายทิ้งซะ จากนั้นหัวหน้าก็สามารถเจอหน้าคุณหนูถังได้แล้ว
“ครับ ผมรู้ว่าควรทำยังไงแล้วครับ”ผู้ดูแลจ้งรีบตอบรับ ผู้ดูแลจ้งเห็นด้วยกับวิธีการนี้ เขาก็อยากหาศัตรูที่อยู่เบื้องหลังหาเจอโดยไว จากนั้นหัวหน้ากับคุณหนูถังจะได้มีโอกาสเจอหน้ากันเร็วๆ
เย่ซือเฉินออกจากบริษัทก็มุ่งหน้ามายังสนามบินทันที วันนี้เวินลั่วฉิงจะเดินทางกลับมา ถึงแม้ยังอีกนานกว่าเธอจะเดินทางมาถึง ทว่าเย่ซือเฉินที่ปกติรักษาเวลา เห็นคุณค่าของเวลาดั่งทองคำ บัดนี้กลับตัดสินใจมารอที่สนามบิน
เขารอเธอได้ตลอดชีวิต
เย่ซือเฉินมาถึงสนามบินก็ดูเวลา เห็นว่าเวินลั่วฉิงจะเดินทางมาถึงอีกสองชั่วโมงกว่าข้างหน้า เย่ซือเฉินรู้ว่าถังหลินต้องจัดให้เวินลั่วฉิงใช้ทางพิเศษแน่นอน เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะสถานะของเวินลั่วฉิงหรือสถานะถังฉิ้นเอ๋อ ล้วนถูกจับตามองเป็นพิเศษ ถังหลินเป็นคนรอบคอบ คงไม่ปล่อยให้เธอต้องเจอปัญหาหรือผลกระทบที่ไม่จำเป็นแน่
ดังนั้นเย่ซือเฉินจึงไปรอเธอที่ทางออกกรณีพิเศษ
ทั้งๆที่ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่า แต่เย่ซือเฉินกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ ความรู้สึกนี้เหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาจี้หัวใจของเขาอย่างไม่ขาดสาย ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วมาก ทำให้การไหลเวียนของเลือดเร็วเป็นพิเศษราวกับจะเดือดพล่านก็ไม่ปาน
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าการรอใครสักคนจะเป็นความรู้สึกเช่นนี้ ให้คุณชายสามเย่ในอดีตรอคนอื่น?มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
อย่าพูดถึงสองชั่วโมงกว่าเลย แค่สองนาทีก็เป็นไปไม่ได้ ทว่าตอนนี้คุณชายสามเย่กลับสมัครใจยืนรอที่ทางออก พลางมองด้วยดวงตาละห้อย
รู้ๆกันอยู่ว่าอีกสองชั่วโมงกว่าเธอถึงจะมาถึง ทว่าทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ทุกครั้งที่มีคนเดินผ่าน เขาจะรู้สึกตื่นตัวรีบเพ่งมอง ถ้าหากเป็นเธอขึ้นมาล่ะ?ถ้าหากเธอมาถึงก่อนกำหนดเวลาล่ะ?
ทว่าเมื่อคนทยอยเดินผ่านไปผ่านมา ก็ล้วนไม่ใช่เธอทั้งสิ้น แน่นอนเย่ซือเฉินไม่ได้ผิดหวังแต่อย่างใด เพราะเขาใจร้อนเกินเหตุ ยังไม่ถึงเวลาลงเครื่องของเธอเลย
“คุณมาเร็วนี่”คุณชายสามเย่จ้องมองด้านหน้าอย่างจดจ่อ ด้านหลังก็มีเสียงที่เจือความหยอกล้อหลายส่วนส่งมา
เย่ซือเฉินได้ยินเสียง ดวงตาพลันหรี่ขึ้น เขาหันหลังมองก็เห็นถังหลินกำลังเดินเข้ามาใกล้ เพียงแต่แค่ทำตาเหล่ใส่ถังหลินแวบหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่าเย่ซือเฉินยังเคืองที่ถังหลินปิดบังเรื่องลูกทั้งสองของเขา เขากับถังหลินเป็นสหายกันมายี่สิบกว่าปี ถังหลินกลับปฏิบัติอย่างนี้?
ปกติถังหลินไม่แม้แต่บอกใบ้อะไรเลยสักนิด
“ดูเหมือนวันนี้ว่างมากนี่ มีเวลามารับน้องสาวของผมด้วย”ถังหลินไม่ได้โกรธ ใบหน้ามีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
“คุณไปได้แล้ว”เย่ซือเฉินไม่ตอบคำถามถังหลินและขี้เกียจสนใจถังหลินด้วย เขาอยู่ตรงนี้ตัวเป็นๆ มันเด่นชัดมากแล้ว ถังหลินไม่ใช่กำลังพูดไร้สาระอยู่หรือ?
“ฉิงฉิงให้ผมมารับ ฉิงฉิงไม่ได้บอกว่ามีคนอื่นมารับด้วย ดังนั้นคนที่จะต้องกลับไปไม่ใช่ผมมั้ง”ถังหลินรู้ว่าเย่ซือเฉินเจอหน้าถังจื่อโม่แล้ว ถึงแม้เมื่อวานเขาไม่อยู่บานตระกูลถัง ทว่ายังคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นได้ดี
ดังนั้นถังหลินรู้ว่าเย่ซือเฉินโกรธอะไรอยู่ เรื่องนี้เขามีส่วนผิดจริงๆ เขาไม่ควรปิดบังเย่ซือเฉิน
ทว่าโทษเขาไม่ได้ ตอนนี้เขาแทบไม่มีจุดยืนในบ้านเลย ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใดๆ บรรพบุรุษน้อยถังจื่อโม่ไม่ให้บอก ขนาดคุณปู่คุณย่ายังฟังถังจื่อโม่เลย แล้วเขาจะกล้าพูดเหรอ?
เย่ซือเฉินไม่มองเขาต่อ ไม่อยากแยแสเขาอย่างฉายชัด
ถังหลินมีส่วนผิด ดังนั้นนิสัยดีเป็นพิเศษ และไม่ได้โกรธด้วย ถามด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “จู่ๆก็รู้ว่าตัวเองมีลูกชายกับลูกสาวหนึ่งคู่ รู้สึกยังไงบ้าง?