ทว่าเย่ซือเฉินกลับไม่ขยับแม้แต่หางคิ้ว สีหน้าของเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ และไม่พูดตอบอะไรแม้แต่คำเดียว คล้ายว่าคนที่คุณปู่เย่ตะคอกไม่ใช่เขา
คุณปู่เย่เห็นปฏิกิริยาของเย่ซือเฉินผ่านถ่ายทอดสดก็ยิ่งโมโหจนกระทืบเท้า:“เย่ซือเฉิน แกฟังฉันให้ดีนะ ถ้าแกกล้าพูดอะไรเหลวไหลต่อหน้านักข่าว ถ้าแกกล้าบอกว่าแกจะไม่แต่งงานเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ แกอย่าหวังว่าจะได้สมบัติอะไรของตระกูลเย่ทั้งนั้น แกอย่าคิดว่าการที่ฉันโอนหุ้นในบริษัทไปให้แกแล้ว ฉันจะทำอะไรไม่ได้ ขอแค่ฉันต้องการ ฉันเอาหุ้นกลับมาได้ทุกเมื่อ ฉันไม่ได้ขู่แก ตอนที่ฉันโอนหุ้นให้แกฉันเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้ว ฉันหมายเหตุเงื่อนไขบางอย่างเอาไว้แล้ว”
ตอนนั้น เวินลั่วฉิงช่วยเย่ซือเฉินเอาหุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมาจากคุณปู่เย่ ถึงแม้จะเป็นแผนการของเวินลั่วฉิง แต่ว่าคุณปู่เย่เองก็ได้เตรียมแผนการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างคุณปู่เย่ ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรต้องมีแผนรับมือแน่นอน
เย่ซือเฉินได้ยินคำพูดของคุณปู่เย่ หัวเราะเยือกเย็นในใจ เพราะรู้สึกห่อเหี่ยวใจกับพวกเขามานานแล้ว ดังนั้นตอนนี้จิตใจของเขาจึงนิ่งสงบอย่างมาก ไม่มีความรู้สึกใดๆ เขากระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ให้กับโทรศัพท์ แล้วพูดขึ้นช้าๆ:“เป็นไปตามที่คุณปู่ปรารถนา”
“แก? แกหมายความว่าอะไร? อะไรคือเป็นไปตามที่ฉันปรารถนา? แกพูดให้ชัดเจน?” คุณปู่เย่ถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของเย่ซือเฉิน เย่ซือเฉินบอกว่าเป็นไปตามที่เขาปรารถนา แต่ว่าสีหน้าและน้ำเสียงของเย่ซือเฉินในตอนนี้กลับทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
เย่ซือเฉินเบือนหน้าหนี ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เย่ซือเฉิน แกคิดจะทำอะไรกันแน่? แกจะทำอะไร?” คุณปู่เย่เป็นกังวลอย่างมาก ปฏิกิริยาของเย่ซือเฉินในตอนนี้ทำให้เขาเป็นกังวลอย่างมาก เขากลัวว่าเย่ซือเฉินจะทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุ
เสียงตะคอกของคุณปู่เย่ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่เย่ซือเฉินกลับไม่สนใจแม้แต่น้อย
คุณชายห้าฉิงเห็นปฏิกิริยาของเย่ซือเฉิน เข้าใจทันทีว่าไม่มีอะไรจำเป็นต้องพูดแล้ว เขาเองก็ถือว่าได้ให้โอกาสคุณปู่เย่ครั้งหนึ่งแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าคุณปู่เย่ไม่เพียงแต่ไม่รักษาโอกาส แต่ยังทำให้เรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม
เมื่อกี้เขายืนถือโทรศัพท์อยู่ข้างเย่ซือเฉิน เสียงตะคอกของคุณปุ่เย่ดังขนาดนั้น เขาได้ยินทุกอย่างแล้ว เวลานี้คุณปู่เย่กลับยังข่มขู่พี่สาม ทั้งยังเอาบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปมาข่มขู่พี่สาม เห็นได้ชัดว่าคุณปู่เย่ไม่รู้จักพี่สามแม้แต่น้อย
“ฉิงถิง แกทำอะไร? แกเอาโทรศัพท์ไปให้ซือเฉินพูดเดี๋ยวนี้ ฉันยังพูดไม่จบ” คุณปู่เย่เห็นคุณชายห้าฉิงเอาโทรศัพท์ออกมาจากข้างหูของเย่ซือเฉินผ่านถ่ายทอดสด ก็ยิ่งใจร้อน ตะคอกคุณชายห้าฉิงไปด้วย
“คุณปู่เย่ครับ พี่สามยังมีธุระ คุณปู่มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยทีหลังเถอะนะครับ” คุณชายห้าฉิงพูดจบแล้วตัดสายทันที
คุณชายห้าฉิงเป็นคนสุภาพมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นคนนอบน้อมเวลาอยู่กับผู้ใหญ่ แต่ว่าเวลานี้ท่าทีของเขาที่มีต่อคุณปู่เย่กลับเย็นชาเล็กน้อย เมื่อกี้เขาได้ยินชัดเจนคุณปู่เย่บอกว่าก่อนที่เขาจะยกหุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้กับพี่สามคุณปู่เย่ได้เตรียมการอื่นไว้ล่วงหน้าแล้ว
และเมื่อกี้คุณปู่เย่เอาเรื่องนี้มาข่มขู่พี่สาม เห็นได้ชัดว่าคุณปู่เย่คิดมาล่วงหน้าแล้ว เขาเคยเห็นเล่ห์กลของคนรวยมาไม่น้อย แต่ว่าการวางแผนทำร้ายญาติสนิทของตนเองแบบนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน!
ไม่แปลกที่พี่สามต้องทำแบบนี้ น่าสงสารพี่สามจริงๆที่มีคุณปู่แบบนี้
“ทำยังไง? ตอนนี้ทำยังไงดี? ฉันดูจากท่าทีของซือเฉินแล้วต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ” คุณย่าเย่เห็นทุกอย่างชัดเจนผ่านถ่ายทอดสด เวลานี้คุณย่าเย่เป็นกังวลอย่างมาก
“ผมไป ผมไปเดี๋ยวนี้ ผมจะไม่มีวันปล่อยให้ซือเฉินทำเรื่องเหลวไหลเด็ดขาด” คุณปู่เย่วางโทรศัพท์ลง เหยียดตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
“คุณไปตอนนี้คงไม่ทันแล้ว” ดวงตาทั้งคู่ของคุณย่าเย่ไม่ละสายตาไปจากถ่ายทอดสด เธอเห็นเย่ซือเฉินที่อยู่ในถ่ายทอดสดได้ยืนอยู่หน้ากล้องของสื่อต่างๆแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังจะพูดอะไรแล้ว
“ไม่ทันแล้ว ไม่ทันแล้ว ซือเฉินกำลังจะพูดแล้ว” คิ้วของคุณย่าเย่ขมวดเป็นปม อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า:“ทำไมเด็กคนนี้ถึงทำตัวให้เป็นกังวลตลอดเวลา? พวกเราคิดเผื่อเขาทุกอย่าง แต่เขากลับขัดแย้งเราทุกอย่าง? ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจความหวังดีของเรา”
คุณปู่เย่หยุดเดิน ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปที่ถ่ายทอดสดอย่างรวดเร็ว เห็นท่าทีและสีหน้าของเย่ซือเฉิน ก็ยิ่งเข้าใจว่าถึงแม้ตอนนี้เขาจะรีบไปก็ไม่ทันแล้ว
แน่นอน ที่บริษัทมีคนของเขา คนพวกนั้นเขาใช้เพื่อควบคุมเย่ซือเฉิน แต่คนพวกนั้นไม่สามารถหยุดเย่ซือเฉินได้
ตอนนี้มีแค่เขาเท่านั้นที่จะสามารถหยุดเย่ซือเฉินได้ แต่ว่าเขาไปไม่ทันแล้ว
“หวังว่าเขาจะไม่ทำเรื่องที่เกินกว่าเหตุ ไม่อย่างนั้นถึงเวลาเกรงว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ องค์กรโกสต์ซิตี้ไม่ใช่องค์กรที่จะเจรจาด้วยง่ายๆ” ดวงตาทั้งคู่ของคุณย่าเย่จับจ้องไปที่ถ่ายทอดสดตลอดเวลา ตอนนี้สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“อย่างมากเขาก็ทำเหมือนครั้งที่แล้ว บอกว่าจะแต่งงานกับเวินลั่วฉิง ไม่แต่งงานกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ แต่เรื่องแต่งงานเราตกลงไปแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ดังนั้นไม่ว่าวันนี้เขาจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้อยากจะแต่งงานกับเขาด้วยตนเอง ขอเพียงแค่สุดท้ายเขาแต่งงานกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ เรื่องนี้ก็จะไม่เป็นปัญหาใหญ่เท่าไหร่ อย่างมากก็แค่หัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้จะโมโหเท่านั้น ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยไปหาพวกเขาถึงบ้าน ขอเพียงเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ยืนกรานที่จะแต่งงานกับซือเฉิน การแต่งงานนี้ไม่มีปัญหา”
เวลานี้คุณปู่เย่มีแผนแล้ว ทั้งกำลังวางแผน
“หวังว่าซือเฉินจะไม่ทำอะไรเกินกว่าเหตุ เรื่องที่พวกเรากับองค์กรโกสต์ซิตี้แต่งงานกันได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หนังสือหมั้นหมายแต่งงานเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ ขอเพียงสุดท้ายซือเฉินแต่งงานกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ พวกเราก็ถือว่าผิดสัญญา” คุณย่าเย่เองก็มีแผนของตนแล้ว
“ถูกต้องๆ ดังนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเป็นกังวลจนเกินไป เขาอยากสร้างปัญหาก็ปล่อยเขาสร้างไป พวกเราต้องทำให้เขารู้ว่า ถึงเขาจะสร้างปัญหาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ สุดท้ายก็ต้องแต่งงานกับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ถึงเวลานั้นเขาก็จะทำตัวดีๆ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้” คุณปู่เย่พยักหน้าติดต่อกัน เปลี่ยนจากร้ายมาเป็นดี ไม่พูดไม่ถึงจริงว่าถึงเวลานี้แล้วคุณปู่เย่ยังคงเพ้อฝันเอาไว้สวยงาม
“อืม ตั้งแต่เล็กจนโตซือเฉินราบรื่นเกินไปแล้ว ไม่เคยลำบากมาก่อน ครั้งนี้ให้เขาดัดนิสัยหน่อยก็ดีเหมือนกัน” เวลานี้คุณย่าเย่เห็นด้วยกับคุณปู่เย่อย่างมาก
ตอนนี้คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ไม่กระวนกระวายเหมือนเมื่อครู่แล้ว ไม่เป็นกังวลเหมือนเมื่อครู่แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะยังคงดูถ่ายทอดสด ทว่ากลับทำเหมือนดูโทรทัศน์ เวลานี้คุณปู่เย่และคุณย่าเย่วางใจอย่างมาก
ใต้ตึกใหญ่บริษัทตระกูลเย่กรุ้ปในเวลานี้ เย่ซือเฉินยื่นอยู่ท่ามกลางสื่อสำนักต่างๆ เวลานี้ใบหน้าสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติของเขานิ่งเฉยอย่างมาก ดูไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร กลอกตาไปมาเล็กน้อย เผชิญหน้ากับกล้องของสื่อสำนักต่างๆ มุมปากกระตุกขึ้นเล็กน้อย พูดทีละคำช้าๆทว่าชัดถ้อยชัดคำ:”วันนี้ผมมีเรื่องจะแถลง”
เย่ซือเฉินหยุดพูดครู่หนึ่ง เวลานี้นักข่าวทุกคนมองไปที่เขา กำลังรอฟังเรื่องที่เขาจะแถลง ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่มีใครถามคำถาม เพราะถึงอย่างไรการถามคำถามในเวลานี้ก็คือการเสียเวลา อีกทั้งเลขาหลิวก็พูดแล้ว ไม่ต้องตั้งคำถาม คุณชายสามเย่จะพูดทุกอย่างที่ควรพูด สิ่งที่ไม่ควรพูดต่อให้นักข่าวถามคุณชายสามเย่ก็ไม่มีวันตอบ
ดังนั้น ชั่วขณะหนึ่งงานแถลงข่าวจึงเงียบเป็นพิเศษ
คุณปู่เย่และคุณย่าเย่ที่เวลานี้นั่งอยู่ในห้องโถงดูถ่ายทอดสดก็เงียบมาก ไม่พูดไม่จา ถึงแม้พวกเขาจะคิดได้แล้ว คิดว่าเย่ซือเฉินไม่มีทางสร้างปัญหาใหญ่อะไรได้ ดังนั้นจึงไม่เป็นกังวลแล้ว
แต่ว่าตอนนี้พอถึงเวลานี้แล้ว พวกเขายังคงอยากจะรู้ว่าเย่ซือเฉินจะพูดอะไรกันแน่
แน่นอน คนที่ดูถ่ายทอดสดในตอนนี้ไม่ได้มีแค่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ คนของตระกูลถังเองก็กำลังดูถ่ายทอดสดเหมือนกัน
แน่นอนคนของตระกูลถังกับคุณปู่เย่และคุณย่าเย่มีความรู้สึกไม่เหมือนกัน พวกเขาเป็นห่วงเย่ซือเฉินด้วยความบริสุทธิ์ใจ กลัวว่าเย่ซือเฉินจะสร้างปัญหาอะไรขึ้นมา แล้วต้องเดือดร้อนอีก
เฉิงโหรวโหรวและไป๋หยิงเองก็กำลังดูถ่ายทอดสดเหมือนกัน เวลานี้เฉิงโหรวโหรวกระวนกระวายใจอย่างมาก ก่อนหน้านี้คุณปู่เย่แถลงข่าวบอกเรื่องงานแต่งงานกับสาธารณะแล้ว เธอดีใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเย่ซือเฉินกลับจัดงานแถลงข่าวขึ้นมาเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินให้คนไล่เธอออกนอกบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปต่อให้เฉิงโหรวโหรวจะไม่รู้จักประเมินตัวเอง เธอเองก็รู้ว่าเย่ซือเฉินไม่ชอบเธอ ดังนั้นเธอก็พอจะเดาได้ว่าเย่ซือเฉินจัดงานแถลงข่าวในเวลานี้ต้องไม่มีวันพูดว่ายอมแต่งงานกับเธอแน่นอน กลัวก็แค่ว่าเย่ซือเฉินจะพูดว่าไม่อยากแต่งงานกับเธอ
เรื่องที่ตอนเช้าเธอถูกหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปพาตัวออกมาด้านนอกเพิ่งถูกกลบเพราะคุณปู่เย่ประกาศเรื่องแต่งงาน ความคิดเห็นในอินเทอร์เน็ตก็เพิ่งเปลี่ยนไป ถ้าหากตอนนี้เย่ซือเฉินบอกว่าจะไม่แต่งงานกับเธอ หรือพูดสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อเธอ สิ่งที่ทำทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็สูญเปล่าไม่ใช่เหรอ?
เวลานี้เฉิงโหรวโหรวดูถ่ายทอดสด สีหน้าเป็นกังวลจนซีดขาวเล็กน้อย เหงื่อเย็นผุดขึ้นมา
แน่นอน มีชาวเน็ตมากมายกำลังรอฟังคำแถลงข่าวของเย่ซือเฉิน……
ทางด้านเย่ซือเฉินก็ไม่ให้ทุกคนรอนานเกินไป หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาพูดช้าๆและชัดเจนอีกครั้ง:“ผมขอแถลงว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมไม่ใช่คนตระกูลเย่อีก ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่ทั้งนั้น”