แต่ว่า ในตอนหลังคุณปู่เย่พบว่าเย่ซือเฉินไม่ได้โอนหุ้นของบริษัทให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้นต่อ จึงคิดว่าเย่ซือเฉินแค่ต้องการทำให้ตนตกใจ เย่ซือเฉินเองก็คงเสียดายไม่อยากจะโอนหุ้นมากมายขนาดนั้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงหย่ากันแล้ว
คุณปู่เย่ก็ยิ่งวางใจ ไม่ได้สนใจเรื่องหุ้นอีก
ตอนนี้เย่ซือเฉินบอกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ แน่นอนว่าเขาต้องโอนหุ้นกลับมาก่อน แน่นอน เวลานี้คุณปู่เย่ไม่ได้คิดจะโอนหุ้นกลับมาจริงๆ จุดประสงค์ของคุณปู่เย่แค่อยากจะทำให้เย่ซือเฉินตกใจเท่านั้น ข่มขู่เย่ซือเฉิน ทำให้เย่ซือเฉินไม่กล้าทำอะไรเหลวไหล
แน่นอนเมื่อผ่านเรื่องครั้งนี้ไปแล้ว ขอเพียงข่มขู่เย่ซือเฉินได้ หลังจากนี้เย่ซือเฉินต้องเชื่อฟังคำสั่งของเขา ไม่กล้าขัดคำสั่งเขาอีก
“คุณชายสามเย่ คุณบอกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ ถ้าอย่างนั้นหุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปจะเป็นของใครครับ? ได้ยินว่าตอนนี้หุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปโอนให้กับคุณชายสามเย่หมดแล้ว เป็นเพราะหุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปอยู่ภายใต้ชื่อของคุณชายสามเย่ ดังนั้นคุณจึงไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อยใช่ไหมครับ?” คุณปุ่เย่กำลังคิดจะโทรศัพท์ เวลานี้นักข่าวที่อยู่ในงานแถลงข่าวถามขึ้นกะทันหัน
ไม่พูดไม่ได้จริงๆ คำถามของนักข่าวคนนี้เฉียบขาดอย่างมาก ทั้งยังเคล้าไปด้วยการยุแยง แน่นอน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ถ้าหากเย่ซือเฉินไม่ตอบคำถามให้ดี ชื่อเสียงของเย่ซือเฉินต้องป่นปี้อย่างแน่นอน
คุณปู่เย่หรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่ได้รีบร้อนที่จะโทรศัพท์อีก แต่เป็นการหัวเราะเยือกเย็น:“ดี ผมอยากจะรู้นักว่าหลานคนนี้จะตอบคำถามเรื่องนี้กับทุกคนยังไง หลังจากที่หุ้นอยู่ภายใต้ชื่อของมัน มันก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ แค่ข้อนี้มันก็ถูกทุกคนด่าตายแล้ว ถึงเวลานั้นถ้าผมไม่ช่วยมัน ดูสิว่ามันจะจัดการยังไง”
ขณะที่คุณปู่เย่พูดประโยคนี้ สีหน้าของเขามีความได้ใจ
“จริงด้วยค่ะ ถ้าซือเฉินจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดีต้องถูกประณามแน่ๆ ถึงเวลานั้นท่าทีของเขาเป็นสิ่งสำคัญ ถึงเวลานั้นมีแค่พวกเราที่สามารถช่วยซือเฉินได้……” คุณย่าเย่กลับหัวเราะขึ้นมา
“แน่นอน แต่ว่าถึงเวลานั้นจะช่วยหรือไม่ช่วยมัน ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผม” คุณปู่เย่หัวเราะในลำคอก่อน หลังจากนั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
ภายในห้องโถงตระกูลถัง เวลานี้ทุกคนกำลังดูถ่ายทอดสด เวินลั่วฉิงลงมาชั้นล่าง เป็นเพราะท่านย่าถังเห็นข่าวถ่ายทอดสดจึงร้องตะโกนเรียกให้เธอลงมา
“เจ้าเด็กซือเฉินคนนี้บุ่มบ่ามไปหน่อย เรื่องบางเรื่องถ้าจัดการได้ไม่ดี จะนำพาเสียงวิพากษ์วิจารณ์” ดวงตาคู่นั้นของท่านย่าถังจับจ้องไปที่เย่ซือเฉินที่อยู่ในถ่ายทอดสด ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“วางใจเถอะ เด็กคนนี้ทำงานมีขอบเขต” เวลานี้ท่านปู่ถังกลับไม่รู้สึกเป็นกังวลเท่าไหร่ เขาเชื่อว่าในเมื่อเย่ซือเฉินตัดสินใจแบบนี้แล้ว ต้องเตรียมความพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
เวินลั่วฉิงนั่งอยู่บนโซฟา ไม่ขยับ และไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
“ฉิงฉิง หลานก็อย่ากังวล ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไร พวกเราจะคิดหาวิธีแก้ปัญหา” ท่านย่าถังเห็นสีหน้าของเวินลั่วฉิงแล้วยิ่งรู้สึกเป็นกังวลมากกว่าเดิม แต่ว่าเวลานี้เธอกลับพูดปลอบเวินลั่วฉิง
“ค่ะ หนูรู้ค่ะ” เวินลั่วฉิงพยักหน้าเบาๆ ความเป็นจริงเธอไม่ได้เป็นกังวลเท่าไหร่ เธอรู้ความสามารถของเย่ซือเฉิน และรู้ว่าเย่ซือเฉินไม่เคยทำอะไรบุ่มบ่าม
เธอแค่ตกใจเท่านั้น เธอคิดไม่ถึง่วาเย่ซือเฉินจะจัดงานแถลงข่าวแล้วประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ เย่ซือเฉินทำแบบนี้คือไม่เหลือทางเลือกให้ตนแล้ว
เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าปกติแล้วคุณปู่เย่และคุณย่าเย่ปฏิบัติกับเย่ซือเฉินเกินไปหน่อย แต่ว่าถึงอย่างไรคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็เป็นญาติของเย่ซือเฉิน
ดังนั้นเธอรู้ดีว่าเย่ซือเฉินทำแบบนี้เพื่อเธอ เย่ซือเฉินทำเพื่อเธอ เพื่อไม่ให้เธอต้องลำบาก ดังนั้นเขาจึงตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่
เขาทำไมโง่แบบนี้!!
เธอไม่ใช่คนที่ปล่อยให้คนอื่นรังแกสักหน่อย ไม่ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทำอะไร เธอล้วนมีวิธีจัดการ ไม่มีวันโดนรังแก
สำหรับงานแต่งงานที่คุณปู่เย่กำหนดให้เขากับเจ้าหญิงขององค์กรโกสต์ซิตี้ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหา
แต่ว่า ตอนนี้เย่ซือเฉินทำไปแล้ว นอกจากเธอจะรู้สึกตื้นตันใจแล้ว เธอทำได้เพียงสนับสนุนเขามากยิ่งเดิม เขาสนับสนุนทุกการตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะถูก หรือว่าจะผิด!!
และเธอก็จะเผชิญหน้ากับเขาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องไม่ดี เธอจะอยู่เคียงข้างเขาตลอดไป
สำหรับองค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มากแค่ไหน เธอก็ไม่กลัว!!
ท่านย่าถังเห็นสีหน้าของเวินลั่วฉิงแล้วตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นลอบถอนหายใจ ดูแล้ว เหมือนจะมีแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่เป็นห่วงเย่ซือเฉิน สามีของเธอไม่เป็นห่วง
แม้แต่ฉิงฉิงก็ไม่เป็นห่วง!!
หรือว่าเธอกังวลเกินกว่าเหตุ?
ใต้ตึกใหญ่บริษัทตระกูลเย่กรุปในตอนนี้ ที่งานแถลงข่าว เพราะคำพูดของนักข่าวคนนั้น นักข่าวคนอื่นๆจึงถามคำถามใหม่
“คุณชายสามเย่ครับ ตอนนี้หุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปทั้งหมดอยู่ภายใต้ชื่อของคุณชายสามเย่จริงๆเหรอครับ?”
“คุณชายสามเย่คะ เป็นเพราะหุ้นของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปอยู่ภายใต้ชื่อของคุณ ดังนั้นคุณจึงไม่เป็นกังวลเหรอคะ?”
“คุณชายสามเย่ครับ คุณปู่เย่เพิ่งโอนให้ของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้คุณ คุณก็บอกว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่ แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมรึเปล่าครับ?”
นักข่าวคือพวกคนที่ปั้นน้ำเป็นตัว ไม่อย่างนั้นจะดึงดูดความสนใจได้ยังไง?
ปกติแล้วพวกเขากลัวคุณชายสามเย่ ไม่กล้าพูดเรื่อยเปื่อย แต่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ได้มีแค่สื่อสำนักเดียว ตอนนี้สื่อทั่วทั้งเมือง A อยู่ที่นี่ อีกทั้งคุณชายสามเย่เป็นคนเรียกมาเอง คุณชายสามเย่คงไม่สามารถปิดทุกสื่อได้หรอก
ดังนั้นทุกคนจึงใจกล้าอย่างเห็นได้ชัด เพื่อจะได้ข่าว คำถามที่ปกติไม่กล้าถามเวลานี้ถามออกมาจนหมด
อีกทั้งนักข่าวยังเกือบจะตำหนิว่าคุณชายสามเย่ทำผิด
วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมากว่าหลายพันปี กตัญญูอยู่เหนือทุกสิ่ง สิ่งที่ผู้อาวุโสทำสามารถได้รับการอภัยได้ง่ายๆ แต่ว่าคนรุ่นหลังถ้าทำความผิด ก็จะถูกตำหนิอย่างง่ายดาย ร่วมกันคนมากมายเคยชินกับการผูกติดกับจริยธรรม ในสถานการณ์แบบนี้ คนส่วนมากเริ่มรู้สึกว่าคุณชายสามเย่ทำผิดแล้ว
“พวกคุณไม่รู้รายละเอียดอย่าพูดเหลวไหล” คุณชายห้าฉิงได้ยินคำพูดของนักข่าวรู้สึกทนไม่ได้ นักข่าวพวกนี้ไม่รู้อะไรเลยแต่กลับพูดจาเหลวไหล เกินไปแล้ว พี่สามเป็นคนแบบนั้นเหรอ?
“พวกเราพูดเหลวไหลยังไงครับ ตอนนี้ความจริงเป็นแบบนี้ เมื่อกี้คุณชายสามเย่บอกว่าตนตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเย่แล้ว อีกทั้งเรื่องที่เมื่อไม่นานมานี้คุณปู่เย่เพิ่งโอนหุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้กับคุณชายสามเย่ก็เป็นความจริง”
“จริงด้วย ทั้งหมดนี้คือความจริง ดังนั้นคุณชายสามเย่ช่วยพูดให้ชัดเจนหน่อยนะคะ”
“ก่อนหน้านี้คุณปุ่เย่จัดงานแถลงข่าวและกำหนดงานแต่งงานระหว่างองค์กรโกสต์ซิตี้กับคุณชายสามเย่ คุณชายสามเย่คงไม่ได้มีความคิดขัดแย้งกับคุณปู่เย่เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมครับ? แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น คุณชายสามเย่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องตัดขาดความสัมพันธ์มาข่มขู่หรอกมั้งครับ?”
“อีกทั้งคุณชายสามเย่ดันเอามาข่มขู่ หลังจากคุณปู่เย่โอนหุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปให้กับคุณชายสามเย่ หรือว่านี่เป็นแค่เรื่องบังเอิญคะ? คุณชายสามเย่ไม่ควรพูดให้ชัดเจนหน่อยเหรอคะ?”
เวลานี้เลขาหลิวเป็นกังวลอย่างมาก สำหรับเลขาหลิว ท่านประธานของเขาถูกทุกอย่าง ดังนั้นตอนที่เลขาหลิวได้ฟังคำพูดของนักข่าวพวกนี้ก็เกือบจะด่ากราดออกไปแล้ว แต่ว่า เลขาหลิวยังคงอดทนเอาไว้ เลขาหลิวรู้ดีว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้นักข่าวฟังแค่คำพูดของท่านประธานของตนเท่านั้น
แน่นอน มีความเป็นไปได้ที่นักข่าวจะไปวิเคราะห์คำพูดของท่านประธานอย่างเกินกว่าเหตุ
เลขาหลิวเห็นปฏิกิริยาของนักข่าว อดไม่ได้ที่จะเริ่มรู้สึกเป็นห่วงท่านประธานของตน
เวลานี้ ณ ห้องโถงใหญ่ที่บ้านตระกูลเย่ ใบหน้าของคุณปู่เย่เปื้อนไปด้วยความได้ใจมากยิ่งขึ้น:“ดูเหมือนว่าทุกคนจะสายตาเฉียบแหลม ตอนนี้ผมไม่ต้องออกหน้า นักข่าวพวกนี้ก็ทำให้ซือเฉินต้องยอมแพ้แล้ว”
“เจ้าเด็กซือเฉินคนนี้ยังเด็กเกินไป ทำบุ่มบ่ามไปหน่อย แต่ว่า ขอเพียงเขายอมแก้ไข พวกเราย่อมช่วยเขาจัดการเรื่องนี้” เวลานี้คุณย่าเย่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ไม่ได้กังวลและร้อนใจเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับกลายเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยการดูเรื่องสนุกๆ
“บุ่มบ่ามเกินไปก็ต้องให้มันได้รับบทเรียนสักหน่อย เรื่องนี้พวกเราต้องช่วยมันจัดการอยู่แล้ว แต่ว่าไม่ต้องใจร้อน ให้มันลำบากมากเสียหน่อย หลังจากนี้มันจะได้จำขึ้นใจ” เวลานี้สีหน้าของคุณปู่เย่เองก็ผ่อนคลายอย่างมาก
ในงานแถลงข่าวสายตาของเย่ซือเฉินกวาดมองนักข่าว ฟังสิ่งที่ทุกคนพูด แววตาของเขาไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ราวกับว่าคนที่พวกนั้นพูดไม่ใช่เขา
เย่ซือเฉินกลอกตา หันไปมองกล้อง จากนั้นพูดขึ้นช้าๆอีกครั้ง:“ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องแถลง”