ทว่าครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้เธอกลัวมากจริงๆ หนึ่งเป็นเพราะว่าองค์กรโกสต์ซิตี้เก่งกาจมากจริงๆ สองเป็นเพราะว่าเธอเป็นห่วงจื่อโม่มากๆ
“คุณแม่ คุณแม่ พี่ชายไม่เป็นอะไรแน่นอนค่ะ” ถังจื่อซีที่หลบอยู่ในอ้อมกอดของเย่ซือเฉิน พอเห็นสีหน้าในตอนนี้ของเวินลั่วฉิงแล้ว ก็แอบออกมาจากอ้อมกอดของเย่ซือเฉิน แล้วจับมือของเวินลั่วฉิงแน่น
ถึงแม้ว่าตอนนี้สีหน้าของคุณแม้ดูแล้วน่ากลัว ทว่าเธอไม่กลัว เธอรู้ว่าเป็นเพราะคุณแม่เป็นห่วงพี่ชายมากเกินไป
“อื้ม พี่ชายไม่เป็นอะไรแน่นอน” เวินลั่วฉิงนั่งลง โอบถังจื่อซีเข้ามาในอ้อมกอด คำพูดนี้เธอพูดกับถังจื่อซี แต่กลับเหมือนเป็นการปลอบใจตัวเองมากกว่า
จื่อโม่ไม่เป็นอะไรแน่นอน จื่อโม่ต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน
“ไม่เป็นอะไรแน่นอน วางใจเถอะ มีฉันอยู่ ไม่เป็นอะไรแน่นอน” เย่ซือเฉินเอนตัวของเวินลั่วฉิงเข้ามาในอ้อมกอด ขณะนี้เสียงของเขามีความแหบเล็กน้อย แต่กลับมีความยืนหยัดเพิ่มขึ้น มีเขาอยู่ ไม่มีทางให้พวกเธอเป็นอะไรแน่นอน
“ฉันไปถามก่อนว่าจื่อโม่ออกไปกับใคร เขาไม่มีทางออกไปคนเดียวแน่นอน ต้องให้คนขับรถส่งไปแน่นอน ลองถามดูว่าเป็นคนขับรถคนไหนที่ไปกับจื่อโม่……” เย่ซือเฉินรู้ว่าเวลาแบบนี้ไม่ใช่ทำได้แต่ปลอบใจอย่างเดียว ตอนนี้ต้องรีบแก้ไขปัญหา ตอนนี้จะต้องหาถังจื่อโม่ให้เจอก่อน
โทรศัพท์ของถังจื่อโม่โทรไม่ติด แล้วคนขับรถที่ไปกับถังจื่อโม่ล่ะ
“ใช่ ฉันไปถามเดี๋ยวนี้เลย” นัยน์ตาของเวินลั่วฉิงเปล่งประกายขึ้น รีบลุกขึ้นมาทันที อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อกี้เธอรนเกินไป ไม่ได้นึกถึง ตั้งแต่ที่เธอกลับมายังบ้านเวิน เธอก็ไม่เคยรู้สึกจนปัญญาขนาดนี้มาก่อนเลย ความเป็นจริงไม่อนุญาตให้เธอจนปัญญา หลังจากที่คุณแม่เสียชีวิตแล้ว เธอก็ต้องพึ่งพาตัวเองทั้งหมด
ทว่าเมื่อกี้พอเธอรนขึ้นมากลับนึกอะไรไม่ออกเลย อาจจะเป็นเพราะว่ามีเย่ซือเฉินอยู่ข้างกาย ดังนั้นเธอจึงอนุญาตให้ตัวเองเผยด้านอ่อนแอออกมา
หลังจากที่เวินลั่วฉิงลุกขึ้นแล้ว ก็ลงจากตึกอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเป็นห่วงเกินไป ไม่ได้ทักทายกับท่านปู่ถังและท่านย่าถังที่นั่งอยู่ตรงห้องรับแขกเลย วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฉิงฉิงรีบขนาดนี้จะไปทำอะไรเนี่ย?” ท่านย่าถังตะลึงงันไปเลย เวินลั่วฉิงเป็นคนที่สุขุมหนักแน่นมาโดยตลอด นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเห็นเวินลั่วฉิงในสภาพแบบนี้ นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ไม่รู้นะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ท่านปู่ถังก็ไม่รู้ว่าขณะนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น มีความงงเล็กน้อย รู้สึกตกใจเวินลั่วฉิงในสภาพแบบนี้เช่นกัน
จากนั้นเย่ซือเฉินก็อุ้มถังจื่อซีลงมา
“นี่เกิดอะไรขึ้น? ฉิงฉิงเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?” ท่านย่าถังรู้สึกแปลกใจมาก แน่นอนว่าเธอเห็นสภาพของเวินลั่วฉิงเมื่อกี้แล้วเป็นห่วงมาก ตอนนี้เป็นยามวิกฤติอีกด้วย
ก่อนหน้านี้องค์กรโกสต์ซิตี้ก็เอาแต่ต่อต้านพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เย่ซือเฉินยิ่งไปทำเรื่องบาดหมางกับองค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่แน่องค์กรโกสต์ซิตี้อาจจะต่อต้านพวกเขาได้ตลอดเวลา ดังนั้นท่านย่าถังในตอนนี้กระวนกระวายไปหมด
“พี่ชายออกจากบ้านแล้วค่ะ พี่ชายหายไปแล้วค่ะ” ขณะนี้บนใบหน้าของถังจื่อซีไม่มีรอบยิ้มมเหมือนวันทั่วไป การตอบสนองของคุณแม่ในเมื่อกี้ ทำให้เธอรู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ พี่ชายอาจจะเกิดอันตรายได้
“จื่อโม่หายตัวไป? จื่อโม่เล่นโมเดลอยู่ในห้องหนังสือไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงหายตัวไป?” ท่านย่าถังตะลึงงันไปเลย ไม่สามารถยอมรับกับข่าวนี้ได้ “ได้ไปหาที่ห้องหนังสือหรือยัง? ได้ไปหาหรือยัง?”
“คุณย่าทวดคะ พี่ชายไม่ได้อยู่ที่ห้องหนังสือค่ะ ก่อนหน้านี้พี่ชายก็ได้ออกไปแล้วค่ะ หนูพูดโกหกเองค่ะ ขอโทษค่ะ หนูผิดไปแล้วค่ะ” ตอนแรกถังจื่อซีอยากจะช่วยพี่ชายให้ออกมาช่วยคุณพ่อ ทว่าตอนนี้สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ ถังจื่อซีรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำผิดไป
“จื่อโม่ออกไปทำไมเวลานี้? เขาออกไปทำอะไร? ทำไมถึงไม่บอกพวกเรา? ทำไมถึงต้องปิดบังพวกเรา? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?!” ขณะนี้ความสงสัยของท่านย่าถังไม่ถูกคลี่คลาย แน่นอนว่ายิ่งไปกว่านั้นคือความเป็นห่วง จื่อโม่ออกไปในเวลานี้ ใครก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“พี่ชายบอกว่าจะไปช่วยคุณพ่อค่ะ พี่ชายกลัวว่าพวกคุณย่าทวดจะไม่ให้เขาออกไป ดังนั้นจึงให้หนูปิดบังพวกคุณย่าทวดค่ะ” ขณะนี้ แน่นอนว่าถังจื่อซีไม่กล้ามีการปิดบังใดๆ แล้ว
“เจ้าเด็กนี่……” ท่านย่าถังตะลึงงันไปหมด ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี!!
ไม่ว่ายังไงแล้วก็เป็นแค่เด็กอายุห้า-วบ ยังคิดจะไปช่วยคุณพ่อของตัวเองเวลานี้ เจ้าเด็กนี้เป็นเด็กดีจนทำให้น่าเอ็นดูจริงๆ!!
ใครบอกว่าถังจื่อโม่ไม่อยากยอมรับเย่ซือเฉิน? ใครบอกว่าถังจื่อโม่ต่อต้านเย่ซือเฉิน? ใครบอกว่าถังจื่อโม่ไม่มีความรู้สึกต่อเย่ซือเฉิน?
หากไม่มีความรู้สึกจริงๆ ถังจื่อโม่ไม่ออกไปช่วยคุณพ่อในเวลานี้ด้วยความเสี่ยงหรอก
“เรื่องอื่นไม่ต้องพูดแล้ว หาเด็กให้เจอก่อนเถอะ” ในใจของท่านย่าถังรู้สึกเป็นห่วงมาก ลุกขึ้นมาจากบนโซฟาแล้ว เดินออกไปทางข้างนอก เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าจะออกไปตามหาถังจื่อโม่เองแล้ว
“อื้ม” เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไรมาก แค่พยักหน้าเบาๆ เวลานี้ เขาเองก็ไม่อยากให้ผู้อาวุโสทั้งสองกังวล
“แต่ว่าโทรศัพท์ของพี่ชายโทรไม่ติดค่ะ หาพี่ชายไม่เจอแล้ว” ขณะนี้ถังจื่อซีได้รับผลกระทบจากสีหน้าที่หนักแน่นของทุกคน ยิ่งเข้าใจถึงความสำคัญของปัญหาแล้ว พอนึกได้ว่าก่อนหน้านี้โทรศัพท์ของพี่ชายโทรไม่ติด และสีหน้าที่กระวนกระวายของคุณแม่ ถังจื่อซีร้องไห้เลย
ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็ยังเป็นเด็กอายุห้าขวบ ตอนนี้รู้ว่าพี่ชายสุดที่รักของตัวเองอาจจะเกิดอันตรายได้ ยังเป็นเพราะว่าการโกหกของตัวเองถึงส่งผลให้พี่ชายมีอันตราย ขณะนี้ถังจื่อซีรู้สึกแย่มาก
“โทรศัพท์โทรไม่ติด? หาไม่เจอ……” ท่านย่าถังตะลึงงันไปเลย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าก่อนหน้านี้เธอยังไม่รู้ว่าเรื่องราวจะเลยเถิดมาถึงเช่นนี้ ถังจื่อโม่ฉลาดมาก เป็นเด็กดีมากๆ ถึงแม้ว่าจะอายุเพียงแค่ห้าขวบ ทว่าไม่ว่าทำอะไรก็รอบคอบ ตอนนี้ถังจื่อโม่ออกไปคนเดียว ตามหลักแล้วไม่ควรที่จะปิดเครื่อง
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ โทรศัพท์โทรไม่ติด ติดต่อไม่ได้ เรื่องนี้คงจะใหญ่มากจริงๆ ไม่ว่ายังไงแล้วในยามวิกฤตแบบนี้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ
ท่านย่าถังก็ยังอดกรี๊ดไม่ได้ ทว่าพอตอนที่เขามองไปทางถังจื่อซี ก็ยั้งลงไป
“จื่อซีไม่ต้องร้อง พี่ชายไม่เป็นอะไรแน่นอน” ท่านย่าถังปลอบใจถังจื่อซีเบาๆ ยื่นมือไปอุ้มจื่อซีมา
“จื่อซีให้ฉันเถอะ นายไปตามหาจื่อโม่กับฉิงฉิงเลย” ท่านย่าถังรู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ต้องรีบหาวิธีตามหาถังจื่อโม่ให้เจอ
สภาพของจื่อซีในตอนนี้ เกรงว่าไม่เหมาะที่จะออกไปตามหาถังจื่อโม่พร้อมกับเย่ซือเฉิน
จื่อซีน่าจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทว่าจื่อซีมองสีหน้าของผู้ใหญ่ออก อารมณ์ของผู้ใหญ่ส่งผลกระทบต่อเด็กคนนี้ ทำให้เด็กตกใจได้
ถังจื่อซีเป็นห่วงพี่ชายมาก เธอเองก็อยากไปหาพี่ชาย ทว่าขณะนี้เธอกลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น ให้ท่านย่าถังอุ้มไปอย่างเป็นเด็กดี เธอห้ามสร้างความวุ่นวายให้คุณพ่อและคุณแม่เด็ดขาด ห้ามทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียเวลาในการตามหาพี่ชาย
และในขณะนี้ พ่อบ้านก็วิ่งกลับมาที่ห้องรับแขก
“เป็นอะไร? ทำไมนายถึงรนขนาดนี้?” ท่านย่าถังเห็นพ่อบ้านวิ่งมาอย่างหายใจไม่ทัน สีหน้าเปลี่ยนไปเลย อย่าบอกนะว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ?
“จื่อโม่ออกไปกับคนขับรถเสี่ยวหลิวแล้วครับ คุณหนูใหญ่ให้ผมไปตามหาเบอร์โทรศัพท์ของเสี่ยวหลิว แล้วโทรไปถามเสี่ยวหลิวครับ” พ่อบ้านยังไม่ทันหยุดหายใจ ก็พูดไปด้วยพลางหาเบอร์โทรศัพท์ไปด้วย
“ฉิงฉิงล่ะ? ฉิงฉิงอยู่ไหน?” ท่านย่าถังเป็นห่วงมากๆอยู่แล้วตั้งแต่แรก ตอนนี้พอเห็นท่าทางของพ่อบ้านแล้ว ก็ยิ่งรนไปใหญ่
“คุณหนูใหญ่สอบถามเรื่องอื่นๆอยู่ข้างนอกครับ” พ่อบ้านหยิบสมุดจดเบอร์ออกมา แล้วยื่นไปยังตรงหน้าของเย่ซือเฉิน “คุณชายสามเย่ครับ คุณหนูใหญ่บอกให้คุณลองโทรไปถามดูครับ”
เย่ซือเฉินรีบมองไปทางสมุดจดเบอร์ในมือของพ่อบ้าน หาเบอร์ของเสี่ยวหลิว จากนั้นก็โทรออกไปอย่างรวดเร็ว
โทรศัพท์นั้นโทรติด ทว่าไม่มีคนรับ เหมือนกับถังจื่อโม่ก่อนหน้านี้เลย
นัยน์ตาของเย่ซือเฉินหม่นหมองลง หากโทรศัพท์ของคนคนหนึ่งโทรไม่ติดอาจจะเป็นกรณีพิเศษ ทว่าตอนนี้โทรไม่ติดทั้งสองคนเลย……
“โทรศัพท์โทรไม่ติด” เย่ซือเฉินโทรติดต่อกันไปหลายรอบมาก ต่างก็ไม่มีคนรับ เย่ซือเฉินเห็นท่าย่าถังและท่านปู่ถังต่างก็เหม่อมองเขา ภายใต้สถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่าไม่สามารถปิดบังได้
“ทำไมแม้กระทั่งเบอร์ของเสี่ยวหลิวก็โทรไม่ติด?” ท่านย่าถังรู้สึกเหมือนว่าหัวใจจะกระโดดออกมาแล้ว หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอกำลังอุ้มถังจื่อซีอยู่ เธอคงจะออกไปตามหาคนแล้ว
“จื่อซี ก่อนที่พี่ชายออกไปได้บอกหนูหรือเปล่าว่าไปหาคุณพ่อที่ไหน?” ท่านปู่ถังทำงานอย่างสุขุมมาโดยตลอด เขารู้ว่าเวลาแบบนี้ถึงแม้ว่าจะเร่งรีบ ก็ห้ามรน ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือถามให้ชัดเจนว่าถังจื่อโม่ไปไหนแล้ว!!