คนตระกูลถังเก่งกาจกันทุกคน หากเด็กคนนี้ยอดเยี่ยมอย่างที่ถังหลินบอก เขาก็อยากเจอหน้าสักหน่อย
ทว่าหลานชายถังหลินเหรอ?สถานะนี้รู้สึกจะ……
ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกไม่เข้าใจ!!
ถังหลินถลึงตาใส่กู่หยูแวบหนึ่ง“ลูกน้องสาวผมเอง”
ถังหลินครุ่นคิดดูแล้วเสริมอีกหนึ่งประโยค“ลูกน้องสาวของผมกับเย่ซือเฉิน”
กู่หยูได้ยินว่าเป็นลูกของคุณหนูใหญ่ตระกูลถัง ดวงตาพลันสว่างเจิดจรัส ถึงแม้เขาไม่ใช่คนขี้เม้าท์ ทว่าก็เคยได้ยินเรื่องของคุณหนูถังมาบ้างว่าเป็นคนฉลาดเฉลียว เก่งกาจ โดดเด่น คนเก่งๆอย่างนี้ลูกก็ต้องเก่งเกือบเท่าๆกันแน่
กู่หยูได้ยินประโยคเสริมของถังหลิน ดวงตายิ่งสว่างใสมากขึ้น เขารู้จักเย่ซือเฉินดี อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถและอำนาจ
ลูกของคุณหนูใหญ่ถังกับเย่ซือเฉิน เขารู้สึกวาดหวังด้วยความรอคอย
ความคิดอ่านของกู่หยูต่างจากคนทั่วไป หากคนอื่นได้ยินถังหลินพูดเช่นนี้ คงสงสัยว่าคุณหนูใหญ่ถังกับเย่ซือเฉินคบกันได้ยังไง?พวกเขามีลูกด้วยกันได้อย่างไร?
ทว่ากู่หยูคิดถึงแต่เรื่องพันธุกรรมอย่างเดียว
“ลูกชายหรือว่าลูกสาว?”กู่หยูอดถามอีกหนึ่งประโยคไม่ได้
“จะลูกชายหรือลูกสาว แล้วแต่คุณเลือกเลย”ถังหลินอึ้ง จากนั้นพลันตอบหนึ่งประโยค จื่อโม่สุดที่รักกับจื่อซีสุดที่รักนั้นล้วนฉลาดปราดเปรื่อง ไหวพริบเฉียบแหลมกันทั้งคู่
กู่หยูอึ้ง มองถังหลินด้วยความงวยงง แล้วแต่เขาเลือกว่าจะเอาลูกชายหรือลูกสาว?เรื่องอย่างนี้ให้เขาเลือกได้ตามใจชอบด้วยหรือ?
ถังหลินเห็นท่าทางของกู่หยู พลางอดกระตุกมุมปากไม่ได้“เป็นฝาแฝด ไม่สิ เป็นแฝดชายหญิง”
“งั้นผมเอาทั้งสองคนเลยได้หรือเปล่า?”ดวงตากู่หยูสว่างไสวกะทันหัน ลูกของคุณหนูถังกับเย่ซือเฉินเหรอ ถังหลินที่ไม่เคยชมคนอื่น ตอนนี้กลับชมไม่หยุดหย่อน คงไม่เลวแน่ๆ ในเมื่อเป็นแฝดชายหญิง งั้นเขาก็จะเอาทั้งสองคน
“งั้นก็ต้องดูท่าทีของคุณ ครั้งนี้หลานชายของผมเอ่ยให้คุณช่วยเหลือโดยเฉพาะ……”ถังหลินไม่กล้าตัดสินใจแทนเด็กๆทั้งสองคน ตระกูลถังของพวกเขาเป็นระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้จะเป็นเด็ก พวกเขาก็จะเคารพในความคิดของเด็ก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจื่อกับจื่อซีที่มีความคิดเป็นของตัวเองเลย
เขาใช้ความฉลาดของเด็กทั้งสองคนหลอกล่อให้กู่หยูไป สำหรับเรื่องอื่นเขาก็ไม่สนใจแล้ว
“แล้วจะรออะไรอยู่?รีบไปกันสิ”ครั้งนี้กู่หยูรีบร้อนกว่าถังหลินเป็นไหนๆ เขาลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานโดยตรง ถังหลินยังไม่ได้ออกไป เขาก็ออกไปเองแล้ว
หางคิ้วถังหลินยกขึ้น ดังคาด ตาเฒ่าคนนี้ได้ยินว่ามีตัวเลือกดีๆมาเป็นลูกศิษย์ก็รับปากทุกอย่างเลย
เขาประเมินจุดนี้ได้ ก่อนหน้านี้จึงกล้ารับปากถังจื่อโม่เต็มปากเต็มคำ
“คุณรอผมก่อน คุณรู้หรือว่าอยู่ที่ไหน?”ถังหลินเห็นกู่หยูออกจากห้องทำงานส่วนตัว เห็นกู่หยูเดินไปอย่างเร่งรีบก็อดหัวเราะไม่ได้
“คุณช้าจังเลย คุณไม่ตามผมไปก็ได้ ส่งที่อยู่มาก็พอ”กู่หยูรู้สึกร้อนใจจริงแท้ แม้แต่รอถังหลินก็ไม่ไหวแล้ว จึง‘ทอดทิ้ง’ถังหลินเสียอย่างนี้เลย
ถังหลินหยุดเดิน แอบถอนหายใจหนึ่งเฮือก โอ้โห เขาถังกลับรังเกียจเขาเลยหรือ ในเมื่อไม่ต้องการให้เขาไป งั้นเขาก็ไม่ไปแล้ว เขายังมีงานต้องสะสาง แถมยังต้องรอคุณพ่อเดินทางกลับมาด้วย
วันนี้คุณพ่อจะเดินทางกลับจากเมืองไห่ ทางนี้จึงมีเรื่องจัดการเล็กน้อย
ถังหลินเงยหน้าขึ้นก็ไม่เห็นเงาของกู่หยูซะแล้ว ถังหลินได้แต่ส่งหมายเลขห้องรักษาตัวของคุณปู่เย่ให้กับกู่หยู
ห้องรักษาตัวของคุณปู่เย่ในโรงพยาบาลตี้อี เวลาล่วงเลยไปทีละนิด ณ ตอนนี้ทุกคนต่างเงียบกริบ กระทั่งนักข่าวก็เงียบงัน ไม่ได้ตั้งคำถามแต่อย่างใด
อันที่จริงนักข่าวที่อยู่ในนี้ต่างมีคำถามมากมายอยู่ในใจ ทว่าตอนนี้พวกเขาถามไปก็ไม่มีคนตอบ ตอนนี้พวกรอดูว่าเด็กคนนี้จะเชิญกู่หยูมาได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทุกคนล้วนรู้สึกกลัดกลุ้มแกมตื่นเต้นร่วมด้วย
เวลานี้สื่อสารมวลชนจากบริษัทต่างๆยังคงถ่ายทอดสดเช่นเดิม ดังนั้นหลายๆคนยังได้ชมการถ่ายทอดสดอย่างชัดเจน
นักข่าวในห้องคนไข้ไม่ได้ส่งเสียงดังอะไร ทว่าชาวโซเชียลกลับแสดงความคิดเห็นอย่างกำเริบเสิบสาน
“ลุงของเด็กคนนี้เชิญกู่หยูมาได้จริงๆหรือคะ?”
“ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ค่ะ หากเชิญกู่หยูได้ง่าย คนมีเงินมียศอำนาจก็ต้องเชิญเขาไปแล้ว แต่เท่าที่ฉันรู้มา หลายปีมานี้ถึงจะมีสถานะ มีเงินทอง มียศแค่ไหน แต่คิดจะเชิญกู่หยูมานั้นไม่ได้เลย สุดท้ายก็ได้แต่ลงชื่อนัดหมายที่โรงพยาบาลแปดสุดยอดวงศ์ตระกูล”
“ผมก็รู้สึกเป็นไปไม่ได้ ผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้คุยโวโอ้อวดอยู่”
“เด็กคนนี้ยังอายุน้อยมาก ทำไมพูดอวดอย่างนี้ จะพูดอวดก็ต้องให้ลุงของเขาพูดสิ มันไม่เกี่ยวกับเด็กเลย เด็กคนนี้น่ารักอย่างนี้ ฉันชอบมาก!”
“ฉันก็ชอบค่ะ เห็นเด็กคนนี้แล้วฉันก็อยากมีแฟนหนุ่มขึ้นมาเลยค่ะ จะได้คลอดลูกชายสักคนค่ะ”
“เด็กน้อยเท่ห์มาก มีเสน่ห์จังเลยค่ะ”
“แถมยังฉลาดมาก เก่งมากอีกด้วย อยากได้ลูกชายอย่างนี้สักคนค่ะ”
ตอนนี้ถังจื่อโม่สวมหมวกกับสวมแว่น ถึงแม้มองหน้าตาเขาไม่ถนัด ทว่าดูแล้วเท่ห์ระเบิดไปเลย
ความคิดเห็นในโซเชียลต่อมาเน้นไปในทางลุ่มหลงถังจื่อโม่เป็นส่วนใหญ่
“ใครคือลุงของเด็กคนนี้คะ?”จากนั้นมีประโยคนี้โผล่ขึ้นมาในคอมเมนต์
“ใช่ ลุงของเด็กคือใครคะ?”
“ถามเหมือนกันค่ะ ลุงของเด็กเป็นใครคะ?”
จากนั้นก็มีคนถามว่าลุงของเด็กเป็นใครจำนวนมาก……
“อยากรู้ว่าใครเป็นลุงก็ต้องรู้ว่าพ่อแม่ของเด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้เป็นใครก่อนไหม?”
“ใช่สิ พ่อแม่ของเด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้เป็นใคร?”
“แจมด้วย ใครคือพ่อแม่เด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้?”
ต่อมาก็มีคอนเมนต์ถามถึงพ่อแม่ของเด็กน้อยผู้น่ารักมากมาย
ทว่าถึงจะมีคนถามมากเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ ก่อนหน้านี้ถังจื่อโม่บอกว่าเขาเป็นสายเลือดของตระกูลเย่ ทว่าตอนนั้นยังไม่ได้ถ่ายทอดสด เพราะตอนนั้นรปภ.คอยจับตามองอยู่ นักข่าวไม่มีแม้แต่โอกาสถ่ายรูปเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานะของถังจื่อโม่เลย
หลังถ่ายทอดสดได้เอ่ยถึงองค์กรยมบาล กล่าวว่าถังจื่อโม่เป็นคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล
ซึ่งเจ้าขององค์กรยมบาลนั้นลึกลับมาก ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าขององค์กรยมบาลเป็นใคร ดังนั้นถึงรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็กอยู่ดี
แถมตอนเด็กคนนี้ขอความช่วยเหลือก็ไม่ได้ขอกับพ่อตัวเอง แต่ขอความช่วยเหลือจากคุณลุง ดังนั้นเรื่องนี้จึงยิ่งพิสดารเพิ่มขึ้น
“ฉันคิดว่าลุงคนนี้กำลังหลอกเด็กอยู่แน่นอนค่ะ คงเป็นเพราะลุงคนนี้ไม่รู้สถานการณ์ คิดว่าเด็กน้อยกำลังล้อเล่น เลยหลอกเล่นๆกับเด็กด้วย ฉันรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คุณลุงคนนี้จะเชิญกู่หยูมาได้”
“เห็นด้วยกับคอมเมนต์ด้านบนค่ะ ลุงไม่อาจเชิญกู่หยูไปได้แน่นอน”
คอมเมนต์เกือบทั้งหมดแทบไม่เชื่อว่าคุณลุงท่านนี้จะเชิญกู่หยูมาได้จริงๆ
“คุณลุงท่านนี้อาจจะทำได้นะ เพราะไม่มีใครรู้ว่าคุณลุงท่านนี้เป็นใคร?”มีคนแสดงความคิดเห็นต่างออกไป
จากนั้นคำถามก็ย้อนกลับมาถึงเรื่องใครคือลุง?!
“สถานะของคุณลุงท่านนี้คือกุญแจสำคัญ ลุงคนนี้คือใครกันนะ?”
“ใครคือลุง?”
“ใครคือลุง?”
จากนั้นคอมเมนต์ด้านล่างก็เต็มไปด้วยคำว่า ใครคือลุง ชั่วอึดใจเดียวคำถามว่าลุงคนนี้เป็นใครมีมากกว่าคำถามที่ว่าจะเชิญกู่หยูไปได้หรือไม่
“ฉันคิดว่าคุณลุงท่านนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน พวกคุณว่าเป็นไปได้ไหมที่จะเป็นเจ้าพ่อ?ไม่เช่นนั้นเด็กน้อยผู้น่ารักคงไม่ขอความช่วยเหลือจากคุณลุงของเขาหรอก”
“เด็กน้อยที่แสนน่ารักเป็นคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล แต่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นพ่อที่เป็นหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล แต่กลับขอความช่วยเหลือจากคุณลุง ดังนั้นคุณลุงท่านนี้ต้องเก่งกว่าหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลแน่นอน”
“คุณลุงคนนี้อาจจะเป็นหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลก็ได้?ลุงของเด็กผู้น่ารักเป็นหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล เด็กเลยถูกเรียกว่าคุณชายน้อยแห่งองค์กรยมบาล”
“ลุงคนนี้คือหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลเหรอ?”
“ลุงคนนี้คือหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลเหรอ?”
“ลุงคนนี้คือหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล!!”
ถึงแม้คอมเมนต์ต่อมาจะเกี่ยวกับลุงคนนี้เป็นหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาลหรือเปล่า ทว่าไม่นานจากประโยคคำถามก็กล่าวเป็นประโยคบอกเล่า เครื่องหมายเปลี่ยนความหมายก็จะต่างกันลิบลับ เท่ากับความคิดของทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนคิดว่าคุณลุงท่านนี้คือหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล
“ด้วยสถานะและความสามารถของหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล คงจะเชิญคุณหมอกู่ได้อยู่มั้ง?”จากนั้นก็มีคนถามคำถามที่ตรงประเด็นขึ้นมา หากคุณลุงคือหัวหน้าแห่งองค์กรยมบาล งั้นคำถามนี้ก็เป็นกุญแจสำคัญซะแล้ว
ความคิดเห็นบนโซเชียลมีต่อไม่ขาดสาย